วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม 2012
บทเทศน์สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต (ปี B)
บทอ่าน : 2 พศด 36:14-16, 19-23 ; อฟ 2:4-10 ; ยน 3:14-21
พระวรสารสัมพันธ์กับ คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก (CCC) 219, 444, 454, 458, 678, 679, 706, 2130
ประมวลคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร (CSDC) 3, 64
จุดเน้น พระเจ้าทรงรักทุกคน
มนุษย์ไม่มีความต้องการใดสำคัญมากกว่า การมีคนรัก เด็กๆ ต้องการความรักจากพ่อแม่ผู้ปกครอง วัยรุ่นและเยาวชนก็แสวงหาความรักจากคนวัยเดียวกัน หนุ่มสาวก็แสวงหาคู่ชีวิตที่สมบูรณ์ สามีและภรรยาก็แสดงความรักต่อกันในหลายวิธี ส่วนใครที่รู้สึกขาดความรัก บ่อยๆ ก็พยายามแสวงหาสิ่งชดเชย ด้วยการรักสิ่งของวัตถุ หรือการกินการดื่มต่างๆ
สิ่งหนึ่งที่เราแต่ละคนต้องจดจำคือ พระเจ้าทรงรักคุณ พระเจ้าทรงรักคุณ พระเจ้าทรงรักคุณ รู้ไหมครับ ดีใจไหมครับ เราลองไตร่ตรองว่าความรักนี้ยิ่งใหญ่เพียงไร
พระเจ้าทรงรักเราตลอดประวัติศาสตร์ ความรักของพระเจ้าเป็นนิรันดร์ และไม่มีเงื่อนไข ตั้งแต่เวลาที่พระเจ้าทรงสร้างธรรมชาติและมนุษย์ชายหญิง พระองค์ทรงมีพระทัยใส่มนุษย์มากที่สุด แม้มนุษย์ได้ทำบาป พระองค์ทรงสัญญาทันทีว่าสตรีผู้หนึ่งจะให้กำเนิดพระผู้ไถ่ เมื่ออับราฮัมและนางซาราห์อายุมากแล้ว พระเจ้าได้สัญญาจะให้มีลูกหลานมากมายนับไม่ถ้วน เมื่อประชากรที่เลือกสรรเป็นทาสในประเทศอียิปต์ พระเจ้าได้ส่งโมเสสไปนำพวกเขาสู่ดินแดนพระสัญญา แม้พวกเขาจะไม่ซื่อสัตย์หลายครั้ง พระเจ้าได้ส่งผู้ถือสารไปหาเขา เพราะพระองค์ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาต่อประชากรของพระองค์ ดังบทอ่านแรกวันนี้เตือนใจเรา แม้เมื่อพวกเขาต้องอพยพไปบาบิโลน (ประเทศอิรักในปัจจุบัน) ในที่สุด พวกเขาก็ได้รับอิสระ และเดินทางกลับบ้าน
ในโลกปัจจุบันที่ยังถูกครอบงำด้วยบาป พระเจ้ายังคงรักเราอย่างต่อเนื่อง และทำให้แผนการนิรันดรของพระองค์สำหรับการไถ่กู้เราให้สำเร็จ ดังที่เราได้ยินจากพระวรสารวันนี้ “พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมาก จึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดร” (ยน 3:16)
พระเจ้าทรงส่งพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ คือ พระเยซูเจ้า มารับสภาพมนุษย์ เพื่อสอนเราว่าพระเจ้าทรงรักเรา ทรงรับทุกข์ทรมานและสิ้นพระชนม์เพราะบาปของเรา และในการสิ้นพระชนม์นั้น พระองค์ทรงทำลายความตายของเรา และในการกลับคืนพระชนมชีพ พระองค์ทรงฟื้นฟูชีวิตของเรา มีกิจการแห่งความรักใดจะยิ่งใหญ่กว่านี้ บทอ่านที่สองวันนี้เตือนใจเราว่า พระเจ้าทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา ทรงสำแดงความรักยิ่งใหญ่ต่อเรา... พระองค์ทรงบันดาลให้เรากลับมีชีวิตในพระเยซูคริสตเจ้า เราได้รับความรอดพ้นก็เพราะพระหรรษทาน เราจึงมีส่วนในชีวิตพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงรักเรา
เมื่อใครทำผิดต่อเราบ่อยๆ เราหาทางแก้แค้น เมื่อเราถูกทำร้ายจิตใจ เราจะเดินหนี เมื่อเราถูกเมิน (ไม่มีใครให้ความสนใจ) บ่อยๆ เราก็หยุดพูด แต่เมื่อเราทำผิดต่อพระเจ้า พระองค์ก็รัก เมื่อเรากล่าวร้ายพระเจ้า พระองค์ก็เข้มแข็ง เมื่อเราเมินเฉยพระเจ้า พระองค์ยังติดต่อสื่อสารกับเรา เราจะไม่สนใจความรักยิ่งใหญ่นี้ได้อย่างไร พิธีกรรมช่วยนำเรา ให้เราตั้งใจฟังความจริงนี้ว่า พระคริสตเจ้ายังสอนในพระคัมภีร์ ให้เราขอบคุณและสรรเสริญพระเจ้า แสดงความกตัญญูที่พระองค์ประทานพระพรมากมายแก่เรา จบพิธีวันนี้ ออกจากวัด เราควรแบ่งปันกับคนอื่นๆ ถึงข่าวดีนี้ว่า พระเจ้าทรงรักพวกเขาด้วย
วันนี้ ตามวัดหลายแห่งทั่วโลก ผู้รับเลือกสรร (จะรับศีลล้างบาปในคืนปัสกา) จะเข้าพิธีไตร่ตรองความสมัครใจ ครั้งที่ 2 ตามคำแนะนำในพิธีรับผู้ใหญ่เข้าเป็นคริสตชน (RCIA) จุดประสงค์เพื่อ ค้นพบตนเองว่าอ่อนแอ มีข้อบกพร่อง มีบาป จะได้ชำระจิตใจให้สะอาด... ให้กำลังต่อต้านการถูกประจญล่อลวง เพื่อเขาจะได้สนิทกับพระคริสตเจ้า และพยายามรักพระเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด (RCIA 154) พิธีนี้ดีสำหรับเราทุกคนด้วย จะได้พิจารณาความประพฤติของเรา ถามตนเองว่า เราติดตามความมืดของโลก หรือ ติดตามแสงสว่างของพระคริสตเจ้า
พระสังฆราชวีระ อาภรณ์รัตน์ แปล
จาก Homilies โดย Catholic Diocese of Lansing,
(มกราคม – มีนาคม 2012 Vol. 45 No. 1), หน้า 128-129.