“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

หนังสือประกาศกมีคาห์

  1. บทที่ 1
  2. บทที่ 2
  3. บทที่ 3
  4. บทที่ 4
  5. บทที่ 5
  6. บทที่ 6
  7. บทที่ 7

1 1พระยาห์เวห์ตรัสกับมีคาห์ชาวเมืองโมเรเชท ในรัชสมัยของกษัตริย์โยธาม อาคัส และเฮเซคียาห์แห่งยูดาห์ นิมิตที่เขาได้เห็นเกี่ยวกับกรุงสะมาเรียและกรุงเยรูซาเล็ม

II. การพิจารณาคดีอิสราเอล

 

คำกล่าวโทษและคำพิพากษาตัดสิน

 

การพิพากษากรุงสะมาเรียa

          2ประชากรทั้งหลายเอ๋ย จงฟังเถิด

แผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่บนแผ่นดิน จงฟังเถิด

พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าbทรงกล่าวโทษท่านทั้งหลาย

พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าจากพระวิหารศักดิ์สิทธิ์

3ดูซิ พระยาห์เวห์เสด็จออกจากที่พำนักของพระองค์

เสด็จลงมาและทรงพระดำเนินบนที่สูงของแผ่นดิน

4ภูเขาละลายใต้พระบาท

หุบเขาเปิดแยก

เหมือนขี้ผึ้งต่อหน้าไฟ

เหมือนน้ำที่เทลงมาตามที่ลาด

5เหตุการณ์ทั้งหมดเหล่านี้เกิดขึ้น

เพราะการล่วงละเมิดของยาโคบ

และเพราะบาปของพงศ์พันธุ์อิสราเอล

การล่วงละเมิดของยาโคบคืออะไร

ไม่ใช่กรุงสะมาเรียหรือ

บาปของพงศ์พันธุ์ยูดาห์cคืออะไร

ไม่ใช่กรุงเยรูซาเล็มหรือ

6เราจะทำกรุงสะมาเรียให้เป็นกองซากปรักหักพัง

เป็นสถานที่สำหรับปลูกสวนองุ่น

เราจะทำให้ก้อนหินของกรุงสะมาเรียกลิ้งลงในหุบเขา

รากฐานของเมืองจะถูกเปิดเผย

7รูปเคารพทั้งหมดของเมืองนั้นจะถูกทุบเป็นชิ้นๆ

ค่าจ้างของโสเภณีตามสักการสถานdของเมืองนี้จะถูกไฟเผา

และรูปเคารพทั้งหมดจะถูกทิ้งร้าง

เพราะเมืองนี้รวบรวมeรูปเคารพเหล่านี้มาจากค่าจ้างของการขายตัว

และจะใช้เป็นค่าจ้างสำหรับการขายตัวอีก

คำคร่ำครวญถึงกรุงเยรูซาเล็มและเมืองตามที่ราบชายทะเลf

          8เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงจะคร่ำครวญและร้องโหยหวน

จะเดินเปลือยเท้าเปลือยกาย

จะร้องโหยหวนเหมือนหมาใน

จะร้องคร่ำครวญเหมือนนกกระจอกเทศ

9เพราะบาดแผลของเมืองนั้นgรักษาไม่หาย

และได้ลามมาถึงยูดาห์

มาจนถึงประตูเมืองประชากรของเรา

คือจนถึงกรุงเยรูซาเล็ม

10อย่าประกาศเรื่องนี้ที่เมืองกัทh

อย่าร้องไห้

จงกลิ้งตัวในฝุ่น

ที่เมืองเบธเลอัฟราห์

11ผู้อาศัยที่เมืองชาฟีร์เอ๋ย

จงข้ามไปยังแดนเนรเทศi

ผู้อาศัยที่เมืองศาอานัน

ต้องออกไปเปลือยเปล่าและอับอายมิใช่หรือ

การร่ำไห้ของเบธเอเซลจะเอาที่มั่นของตน

ไปจากท่านทั้งหลาย

12เพราะผู้อาศัยที่เมืองมาโรท

กังวลใจรอคอยjการอยู่ดีกินดี

แต่ภัยพิบัติได้ลงจากพระยาห์เวห์

มาถึงประตูกรุงเยรูซาเล็ม

13ผู้อาศัยที่เมืองลาคีชเอ๋ย

จงเทียมม้าเข้ากับรถรบ

เมืองนี้เป็นต้นเหตุให้ธิดาแห่งศิโยนทำบาป

เพราะการล่วงละเมิดของอิสราเอลพบได้ในเจ้า

14ดังนั้น เจ้าจะถูกมอบเป็นสินสอด

ให้แก่เมืองโมเรเชทกัท

บ้านทั้งหลายของเมืองอัคซีบk

จะทำให้บรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลต้องผิดหวัง

15ผู้อาศัยที่เมืองมาเรชาห์เอ๋ย

เราจะส่งผู้ยึดครองlเจ้ามาอีก

ความรุ่งโรจน์ของอิสราเอล

จะไปถึงอดุลลัมm

16จงกล้อนผมและโกนศีรษะ

เพื่อไว้ทุกข์ให้ลูกหลานที่เคยเป็นความยินดีของเจ้า

จงทำให้ศีรษะล้านมากขึ้นเหมือนนกแร้ง

เพราะเขาทั้งหลายจะไปเป็นเชลยห่างไกลจากเจ้า

 

1 a คำประกาศพระวาจากล่าวโทษกรุงสะมาเรีย ซึ่งประกาศไว้ก่อนที่กรุงสะมาเรียถูกทำลายในปี 721 ก่อน ค.ศ. ต่อมาได้ถูกนำมาใช้กับกรุงเยรูซาเล็มด้วย

b “พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้า” ต้นฉบับคัดลอกภาษากรีกบางฉบับละวลี “องค์พระผู้เป็นเจ้า”

c “บาปของพงศ์พันธุ์ยูดาห์” ตามต้นฉบับภาษากรีกและสำนวนแปลโบราณภาษาอาราเมอิกหรือ Targum ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “สักการสถานบนที่สูงของยูดาห์”

d “ค่าจ้างของโสเภณีตามสักการสถาน” ที่เกี่ยวข้องกับคารวกิจของกรุงสะมาเรีย (ฮชย 4:14; อมส 2:7-8; ดู ฉธบ 23:19 เชิงอรรถ f) สำหรับประกาศกมีคาห์ กรุงสะมาเรียทั้งเมืองเป็น “หญิงแพศยา” เช่นเดียวกับอิสราเอลสำหรับประกาศกโฮเชยา เยเรมีย์ และเอเสเคียล (ดู ฮชย 1:2 เชิงอรรถ b)

e “(เมืองนี้)รวบรวม” (กริยาในรูปเอกพจน์) ต้นฉบับภาษากรีกและซีเรียคว่า “(รูปเคารพเหล่านี้)ถูกรวบรวม” (กริยาในรูปพหูพจน์)

f การกล่าวพยากรณ์ถึงหายนะสำหรับ 12 เมืองในดินแดนฟีลิสเตียและตะวันตกเฉียงใต้ของยูดาห์ 7 เมืองในบรรดาเมืองเหล่านี้เป็นที่รู้จักดี ได้แก่ เมืองกัท, โมเรเชทกัท, ศาอานัน, ลาคีช, อัคซีบ, มาเรชาห์, และอดุลลัม (เทียบ ยชว 15:35-44) ชื่อของเมืองหนึ่งหายไปในข้อ 10 ส่วนอีก 4 เมืองคงต้องอยู่ในบริเวณเดียวกัน ความหมายโดยทั่วไปชัดเจน การรุกรานที่เกิดขึ้นกับถิ่นกำเนิดของประกาศกที่ตรงนี้เป็นการเตือนสำหรับกรุงเยรูซาเล็ม เห็นได้ชัดว่าข้อความนี้กล่าวพาดพิงถึงการที่กษัตริย์เซนนาเคริบทรงบุกรุกฟีลิสเตียและยูดาห์ในปี 701 ก่อน ค.ศ.

g “บาดแผลของเมืองนั้น” หมายถึงของกรุงสะมาเรีย ตามตัวอักษรว่า “บาดแผลของเธอ” บางคนแปลโดยคาดคะเนว่า “บาดแผลที่พระยาห์เวห์ทรงทำให้เกิดขึ้น”

h เช่นเดียวกับใน อสย 10:28-32 ตัวบทเล่นคำกับชื่อของเมืองทั้ง 12 เมือง ชื่อ “เมืองกัท” มีเสียงคล้ายกับคำ tagiddu ซึ่งแปลว่า “ประกาศ” “เบธเลอัฟราห์” มีเสียงคล้ายกับคำ caphar ซึ่งแปลว่า “ฝุ่น” บางคนเล่นคำชื่อเมือง “ชาฟีร์” กับคำ shophar ซึ่งแปลว่า “เขาสัตว์” และแปลประโยคนี้ว่า “จงเป่าแตรเขาสัตว์เถิด ผู้อาศัยที่เมืองชาฟีร์เอ๋ย” เมือง “ศาอานัน” กับคำ yatzeah ซึ่งแปลว่า “เธอได้ออกไป” เมือง “ลาคีช” กับคำ rekesh ซึ่งแปลว่า “ม้าศึก” “มาโรท” แปลว่า “ความขมขื่น” ชื่อ “โมเรเชท” (เมืองเกิดของประกาศกมีคาห์ ข้อ 1) ชวนให้คิดถึง “สินสอด” (ma’orasha) ซึ่งหมายถึงเมืองที่จะถูกมอบเหมือนสินสอดให้แก่เจ้านายคนใหม่ “อัคชีบ” มีเสียงคล้ายกับคำ ’akzib ซึ่งแปลว่า “ผิดหวัง” ชื่อเมือง “มาเรชาห์” มีเสียงคล้ายกับคำ yoresh ซึ่งแปลว่า “ยึดครอง” **** บรรทัดที่สองของข้อ 10 นี้ไม่สมบูรณ์ ในต้นฉบับภาษาฮีบรูมีอักษรเพียงตัวเดียวเหลืออยู่จากชื่อเมือง จึงไม่รู้ว่าเป็นชื่อเมืองใด

i “จงข้ามไปยังแดนเนรเทศ” แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “จงข้ามไปหาท่านทั้งหลาย” (cibri lakem)

j “กังวลใจรอคอย” แปลตามตัวอักษรว่า “เพราะเธอถูกความต้องการทรมาน”

k “บ้านทั้งหลายของเมืองอัคซีบ” บางคนแปลว่า “เมืองเบธอัคซีบ”

l “เราจะส่งผู้ยึดครอง” บางคนแปลโดยคาดคะเนว่า “ผู้ปล้นจะมา”

m “ความรุ่งโรจน์ของอิสราเอลจะไปถึงอดุลลัม” กษัตริย์ดาวิดเคยหนีไปหลบซ่อนอยู่ที่ถ้ำอดุลลัม (1 ซมอ 22:1) บางคนจึงแก้ตัวบทให้อ่านว่า “ความรุ่งโรจน์ของอิสราเอลจะออกจากอดุลลัมตลอดไป” หมายความว่า พระยาห์เวห์จะทรงละทิ้งสถานที่ที่เห็นจุดเริ่มต้นของราชวงศ์กษัตริย์ดาวิด

กล่าวโทษผู้เอาเปรียบคนยากจน

2 1วิบัติจงเกิดแก่ผู้วางแผนร้าย

และคิดทำความชั่วอยู่บนที่นอน

พอรุ่งขึ้นตอนเช้าก็ทำ

เพราะเขามีอำนาจจะทำเช่นนั้น

2เขาอยากได้ทุ่งนาใดก็เข้ายึด

เขาอยากได้บ้านใดก็ริบไป

เขารีดไถทั้งเจ้าของและบ้านเรือน

เขาบีบคนและมรดกa

3พระยาห์เวห์จึงตรัสดังนี้ว่า

“ดูซิ เรากำลังวางแผนต่อสู้กับคนประเภทนี้

เป็นภัยพิบัติซึ่งท่านถอนคอให้พ้นไม่ได้

ท่านจะยืดอกเดินอย่างผึ่งผายไม่ได้

เพราะนั่นคือเวลาแห่งภัยพิบัติ

4เวลานั้น จะมีผู้แต่งคำพังเพยถึงท่าน

และจะคร่ำครวญอย่างขมขื่นว่า

‘พวกเราถูกปล้นจนหมดตัวแล้ว

พระเจ้าทรงมอบมรดกของประชากรของข้าพเจ้า

ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้อื่นแล้ว

พระองค์ทรงเอาไปได้อย่างไร

พระองค์ทรงแบ่งทุ่งนาของพวกเราให้แก่บรรดาศัตรู’b

5ดังนั้น จะไม่มีผู้ใดขึงเชือกวัดส่วนมรดก

เพื่อจับสลากให้ท่านในชุมชนของพระยาห์เวห์”c

ประกาศกพยากรณ์ถึงหายนะd

          6เขาทั้งหลายพูดว่า “อย่าพยากรณ์

อย่าพยากรณ์ถึงเรื่องเหล่านี้”

แต่ความอัปยศจะไม่หันไปจากเราe

7พงศ์พันธุ์ยาโคบเอ๋ย มีใครพูดแล้วหรือf

พระยาห์เวห์ทรงหมดความเพียรอดทนแล้วหรือ

วิธีปฏิบัติของพระองค์เป็นเช่นนี้หรือ

ถ้อยคำของเราไม่เป็นผลดี

แก่ผู้ดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องหรือ

8แต่ท่านทั้งหลายลุกขึ้นเป็นศัตรูต่อสู้กับประชากรของเรา

            ท่านริบเสื้อคลุมชั้นนอก

จากผู้ที่ผ่านมาอย่างสงบโดยไม่มีเจตนาจะสู้รบg

9ท่านทั้งหลายขับไล่บรรดาผู้หญิง

จากประชากรของเรา

ออกจากบ้านที่เขารัก

ท่านได้เปลื้องศักดิ์ศรีของเรา

ไปจากบรรดาบุตรของเขาตลอดไปh

10“จงลุกขึ้นไปให้พ้นเถิด

ท่านจะพักอยู่ที่นี่ไม่ได้

เพราะท่านเรียกร้องมัดจำมากเกินไป

สำหรับสิ่งของเล็กน้อยไร้ค่า”i

11ถ้าคนหนึ่งจะพูดคำไร้สาระและคำมุสาไปทั่วทุกแห่งว่า

“ฉันประกาศว่าท่านจะมีเหล้าองุ่นและเมรัย”

ผู้นี้คงจะเป็นประกาศกเหมาะสำหรับประชากรนี้j

 

พระสัญญาจะทรงฟื้นฟูประชากรขึ้นใหม่k

          12ยาโคบเอ๋ย เราจะรวบรวมท่านทั้งหลายอย่างแน่นอน

เราจะรวบรวมผู้รอดชีวิตเหลืออยู่ของอิสราเอลไว้ด้วยกัน

เราจะตั้งเขาไว้ด้วยกันเหมือนแพะแกะในคอก

เหมือนฝูงสัตว์เลี้ยงในทุ่งหญ้า

ที่ส่งเสียงร้องห่างไกลจากผู้คน

13ผู้นำจะทะลวงออกไปต่อหน้าเขาทั้งหลาย

เขาทั้งหลายจะทะลวงและผ่านประตูเมืองออกไป

กษัตริย์ของเขาทั้งหลายจะเสด็จนำหน้าเขาไป

คือพระยาห์เวห์จะทรงนำหน้าเขา

2 a การเข้ายึดครองและบีบบังคับยึดเอาทรัพย์สิน คือการที่เจ้าหนี้ถือโอกาสเข้ายึดทรัพย์สินของลูกหนี้เพื่อขยายเขตที่ดินของตน

b “พระองค์ทรงแบ่งทุ่งนาของพวกเราให้แก่บรรดาศัตรู” มีการเล่นคำระหว่าง “ทุ่งนาของเรา” (sadanu) กับ “ศัตรูของเรา” (ตามตัวอักษรว่า “ผู้ปล้นเรา” shobenu) และ “เราถูกปล้นจนหมดตัว” (neshaddunu)

c “จะไม่มีผู้ใด...ให้ท่านในชุมชนของพระยาห์เวห์” ข้อความนี้บอกผู้ที่เคยยึดที่ดินของคนยากจนว่าเขาจะไม่ได้รับส่วนแบ่งแผ่นดินในอาณาจักรที่พระยาห์เวห์จะทรงสถาปนาขึ้นใหม่

d ผู้ฟังประกาศกค้านคำคาดโทษของเขาโดยอ้างถึงพันธสัญญา (ข้อ 6-7) ประกาศกมีคาห์ตอบโต้ (ข้อ 8-10) ว่า พันธสัญญาถูกล่วงละเมิดโดยผู้ที่อ้างถึงพันธสัญญานั้นอย่างที่ปากไม่ตรงกับใจ และขอให้ประกาศกสัญญาว่าเขาจะได้รับความร่ำรวยทางวัตถุ (ข้อ 11)

e “อย่าพยากรณ์” คำนี้ (nataph) แปลตามตัวอักษรว่า “ทำให้ไหลลง” “ทำให้หยดลง” มักใช้ในความหมายแง่ลบ **** “ความอัปยศจะไม่หันไปจากเรา” แปลโดยคาดคะเน เพราะต้นฉบับภาษาฮีบรูไม่ชัดเจน บางคนแปลว่า “ความอัปยศจะตามเราไม่ทัน”

f “มีใครพูด” (’amur) บางคนแปลว่า “ถูกสาปแช่ง” (’arur)

g “ผ่านมาอย่างสงบโดยไม่มีเจตนาจะสู้รบ” บางคนแปลตามต้นฉบับภาษากรีกว่า “ท่านทำให้ผู้ที่รู้สึกปลอดภัยได้รับความเสียหายของสงคราม”

h “ศักดิ์ศรีของเรา...” หมายถึงเกียรติที่อิสราเอลเป็นรัฐอิสระ

i “ท่านเรียกร้องมัดจำมากเกินไปสำหรับสิ่งของเล็กน้อยไร้ค่า” แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับภาษาฮีบรูไม่ชัดเจน

j “ผู้นี้คงจะเป็นประกาศกเหมาะสำหรับประชากรนี้” เป็นการประชดประชัน ประกาศกที่ประกาศพระวาจา “สองมาตรฐาน” ตามใจเช่นนี้ “ประกาศพระวาจา” หรือ “เลื่อนไหล” ตามความหมายของกริยาที่แปลได้ทั้ง “พยากรณ์” และ “ทำให้หยดลง” (ดู ข้อ 6 เชิงอรรถ e)

k นักวิชาการยังถกเถียงกันว่าพระสัญญาจะทรงฟื้นฟูประชากรใหม่นี้เป็นของประกาศกมีคาห์หรือไม่ หลายคนเห็นว่าข้อความนี้น่าจะมาจากสมัยหลังการเนรเทศและถูกผนวกไว้ที่นี่ เพื่อทำให้คำประกาศพระวาจาคาดโทษก่อนหรือหลังจากนี้มีความหมายอ่อนลง

กล่าวโทษบรรดาผู้นำที่เบียดเบียนประชาชน

3 1ข้าพเจ้าพูดว่า

“ท่านทั้งหลายผู้เป็นหัวหน้าของยาโคบaเอ๋ย

ท่านทั้งหลายที่เป็นเจ้านายของพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย

โปรดฟังเถิด

ท่านทั้งหลายต้องรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูกมิใช่หรือ

2แต่ท่านเกลียดความดีและรักความชั่ว

ท่านถลกหนังออกจากประชากรของเรา

และฉีกเนื้อออกจากกระดูกของเขา

3ท่านกินเนื้อประชากรของเรา

และถลกหนังออกจากตัวเขา

หักกระดูกของเขาและสับเป็นชิ้นๆ ใส่bในหม้อ

เหมือนเนื้อที่อยู่ในหม้อใหญ่

4แล้วเขาทั้งหลายจะร้องหาพระยาห์เวห์

แต่พระองค์จะไม่ทรงตอบเขา

เวลานั้น พระองค์จะทรงซ่อนพระพักตร์จากเขา

เพราะกิจการชั่วต่างๆ ที่เขาได้ทำ

กล่าวโทษบรรดาประกาศกที่เห็นแก่เงินc

          5พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้กล่าวโทษบรรดาประกาศก

ที่นำประชากรของข้าพเจ้าให้หลงไป

ถ้ามีอาหารในปาก เขาก็ประกาศว่า “มีสันติภาพ”

แต่ถ้าไม่มีอะไรใส่ปาก เขาก็ประกาศว่าจะมีสงคราม

6ดังนั้น เวลากลางคืนท่านจะไม่เห็นนิมิต

ท่านจะมีความมืดแทนคำทำนาย

ดวงอาทิตย์จะตกเหนือประกาศกเหล่านี้

กลางวันก็จะมืดไปสำหรับเขา

7บรรดาผู้เห็นนิมิตจะต้องอับอาย

บรรดาผู้ทำนายจะต้องขายหน้า

เขาทั้งหลายจะปิดปาก

เพราะไม่มีคำตอบจากพระเจ้า

8ส่วนข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีพลังเต็มเปี่ยม

มีพระจิตของพระยาห์เวห์

รู้จักแยกแยะความผิดถูกและมีความกล้าหาญ

ที่จะประกาศให้ยาโคบรู้การล่วงละเมิดของตน

ประกาศให้อิสราเอลรู้บาปของตน

คำทำนายถึงหายนะของศิโยน

          9ท่านทั้งหลายที่เป็นหัวหน้าของพงศ์พันธุ์ยาโคบเอ๋ย

ท่านทั้งหลายที่เป็นผู้นำพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย

โปรดฟังเรื่องนี้เถิด

ท่านเกลียดความยุติธรรมและบิดเบือนความถูกต้องd

10ท่านสร้างศิโยนด้วยโลหิต

สร้างกรุงเยรูซาเล็มด้วยความอยุติธรรมe

11บรรดาหัวหน้าของเมืองนี้ตัดสินความเพราะเห็นแก่สินบน

บรรดาสมณะก็สั่งสอนเพราะเห็นแก่ค่าจ้างf

บรรดาประกาศกประกาศพระวาจาเพราะเห็นแก่เงิน

ถึงกระนั้นเขาก็ยังวางใจในพระยาห์เวห์ พูดว่า

“พระยาห์เวห์ทรงอยู่ในหมู่เรามิใช่หรือ

จะไม่มีภัยใดเกิดขึ้นแก่เราได้”

12ดังนั้น เพราะท่านทั้งหลาย

ศิโยนจะถูกไถเหมือนทุ่งนา

กรุงเยรูซาเล็มจะเป็นกองซากปรักหักพัง

ภูเขาแห่งพระวิหารจะเป็นป่าละเมาะบนที่สูง

3 a “หัวหน้าของยาโคบ” ต้นฉบับภาษากรีกว่า “หัวหน้าของพงศ์พันธุ์ยาโคบ” เหมือนในข้อ 9

b “ใส่ในหม้อ” ต้นฉบับภาษากรีกว่า “เหมือนเนื้อใส่ในหม้อ”

c ของขวัญที่ประชาชนมักให้แก่ประกาศก (ดู 1 ซมอ 9:7-8; 1 พกษ 14:3; 2 พกษ 4:42; 5:15,22; 8:8-9; อมส 7:12) **** ประกาศกมีคาห์ไม่ได้ค้านว่าประกาศกเหล่านี้ไม่ได้รับการดลใจ แต่กล่าวหาเขาที่ประกาศพระวาจาเพราะเห็นแก่สินจ้าง

d “บิดเบือนความถูกต้อง” บางคนแปลโดยคาดคะเนว่า “บิดเบือนความยุติธรรมไปจากทางที่ถูกต้อง”

e “ท่านสร้างศิโยนด้วยโลหิต สร้างกรุงเยรูซาเล็มด้วยความอยุติธรรม” ประกาศกมีคาห์เห็นอาคารใหญ่โตในกรุงเยรูซาเล็ม จึงคิดถึงการรีดนาทาเร้นทรัพย์สินจากประชาชนมาก่อสร้างอาคารเหล่านี้ (ดู ยรม 22:13-15; อมส 3:10, 15; 5:11; 6:8 ด้วย)

f “สมณะสั่งสอน...” เป็นการกล่าวพาดพิงถึงคำตัดสิน (torot) ของสมณะ (เทียบ อพย 22:8; ฉธบ 17:8-13; ยรม 18:18; อสค 7:26; ฮกก 2:11-14; มลค 2:7)

II. พระสัญญาสำหรับศิโยน

 

พระยาห์เวห์จะทรงปกครองศิโยนในอนาคต

4 1ในยุคสุดท้ายa

ภูเขาแห่งพระวิหารของพระยาห์เวห์

จะถูกตั้งขึ้นเหนือยอดของภูเขาทั้งหลาย

และจะสูงกว่าบรรดาเนินเขา

นานาชาติจะหลั่งไหลมาที่ภูเขานี้

2ชนชาติจำนวนมากจะมาและกล่าวว่า

“มาเถิด เราจงขึ้นไปยังภูเขาของพระยาห์เวห์

ไปยังพระวิหารพระเจ้าของยาโคบ

แล้วพระองค์จะทรงสอนวิถีทางของพระองค์ให้เรา

เราจะได้เดินตามมรรคาของพระองค์

เพราะว่าบทบัญญัติจะออกมาจากศิโยน

และพระวาจาของพระยาห์เวห์จะออกมาจากกรุงเยรูซาเล็ม

3พระองค์จะทรงพิพากษาประชากรจำนวนมาก

และจะทรงวินิจฉัยประชาชาติจำนวนมากไม่ว่าจะอยู่ไกลสักเพียงใดb

เขาทั้งหลายจะตีดาบให้เป็นผาลไถนา

ตีหอกให้เป็นเคียว

ชาติต่างๆ จะไม่ยกดาบขึ้นต่อสู้กันอีก

จะไม่ฝึกฝนยุทธวิธีอีกต่อไป

4แต่ละคนจะนั่งอยู่ใต้เถาองุ่น

และใต้ต้นมะเดื่อเทศ

จะไม่มีผู้ใดทำให้เขาตกใจกลัว

เพราะพระโอษฐ์ของพระยาห์เวห์จอมจักรวาลได้ตรัสดังนี้

5ประชากรทั้งหมดต่างก็เดินในนามเทพเจ้าของตน

แต่พวกเราเดินในพระนามพระยาห์เวห์

พระเจ้าของเราตลอดไปเป็นนิตย์c

ประชากรที่กระจัดกระจายจะถูกนำมารวมกันที่ศิโยนd

          6“วันนั้น พระยาห์เวห์ตรัส

เราจะรวบรวมคนขากะเผลก

จะรวบรวมผู้ถูกเนรเทศ

และผู้ที่เราได้ทำให้เป็นทุกข์

7เราจะทำให้คนขากะเผลกบางคนมีชีวิตรอด

ทำให้ผู้ถูกเนรเทศเป็นประชากรทรงพลัง

พระยาห์เวห์จะทรงปกครองเขาบนภูเขาศิโยน

ตั้งแต่บัดนั้นตลอดไป

8เจ้าที่เป็นเหมือนหอคอยเฝ้าฝูงแพะแกะเอ๋ย

เจ้าผู้เป็นเนินเขาธิดาแห่งศิโยนเอ๋ยe

อำนาจปกครองจะกลับมาสู่เจ้าเหมือนเดิม

คืออาณาจักรของธิดาแห่งกรุงเยรูซาเล็ม

ศิโยนถูกล้อม ถูกจับเป็นเชลย และได้รับการปลดปล่อยf

          9บัดนี้ ทำไมเจ้าจึงร้องเสียงดัง

ไม่มีกษัตริย์ปกครองเจ้าหรือ

ที่ปรึกษาของเจ้าพินาศไปแล้วหรือ

เจ้าจึงเจ็บปวดเหมือนหญิงกำลังจะคลอดบุตร

10ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงบิดตัวและคร่ำครวญg

เหมือนหญิงกำลังจะคลอดบุตร

เพราะบัดนี้เจ้าจะต้องออกจากเมือง

ไปพักอาศัยอยู่ในชนบท

เจ้าจะต้องไปยังกรุงบาบิโลน

เจ้าจะได้รับการปลดปล่อยที่นั่น

พระยาห์เวห์จะทรงไถ่เจ้าที่นั่น

จากมือศัตรูของเจ้า

ศัตรูจะถูกบดขยี้เหมือนในลานนวดข้าว

          11บัดนี้ ชนหลายชาติรวมตัวกันต่อสู้กับเจ้าh

พูดว่า “เราจงทำทุราจารต่อศิโยน

และมองดูอย่างสะใจ”

12แต่เขาทั้งหลายไม่รู้พระดำริของพระยาห์เวห์

ไม่เข้าใจแผนการของพระองค์

ที่ทรงรวบรวมเขาทั้งหลายเข้ามา

เหมือนรวมฟ่อนข้าวมาไว้ในลานนวดข้าว

13ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงลุกขึ้นและนวดเถิด

เพราะเราจะทำให้เขาของเจ้าเป็นเหมือนเหล็ก

ทำให้กีบเท้าของเจ้าเป็นเหมือนทองสัมฤทธิ์

เจ้าจะบดขยี้ชนหลายชาติให้เป็นชิ้นๆ

จะนำทรัพย์สมบัติของเขาถวายแด่พระยาห์เวห์

นำความมั่งคั่งของเขาถวายแด่เจ้านายของทั่วแผ่นดิน

ความทุกข์และความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์ดาวิดi

          14บัดนี้ ป้อมปราการเอ๋ยj จงป้องกันตนเองเถิด

เขาทั้งหลายมาล้อมพวกเราไว้แล้ว

เขาจะใช้ไม้ตบแก้มของผู้ปกครองอิสราเอล

 

4 a ไม่แน่ว่าคำประกาศพระวาจาตอนนี้ ซึ่งยังพบได้อีกใน อสย 2:2-4 ใครเป็นผู้กล่าว เหมือนกับ อสย 60 ข้อความนี้กล่าวถึงชนชาติต่างๆ ที่กลับใจจะมาที่กรุงเยรูซาเล็ม (ดู อสย 45:14 เชิงอรรถ h) ความคิดนี้ดูเหมือนจะแตกต่างจากความคิดของประกาศกมีคาห์ หรืออย่างน้อยแตกต่างจากคำประกาศพระวาจาที่เราแน่ใจว่าเป็นของประกาศกมีคาห์

b “ไม่ว่าจะอยู่ไกลสักเพียงใด” วลีนี้ไม่มีใน อสย 2:4

c “ตลอดไปเป็นนิตย์” เป็นข้อความที่เสริมสำหรับใช้ในพิธีกรรม (เหมือนใน อสย 2:5)

d คำสัญญาจะฟื้นฟูอิสราเอลขึ้นใหม่บนเนินศิโยนหลังจากถูกลงโทษ (ข้อ 6-7) โดยใช้ภาพของผู้เลี้ยงแกะที่ดี (ดู อสค 34:1 เชิงอรรถ a) คล้ายกันมากกับ 2:12-13 และอาจมาจากแหล่งข้อมูลเดียวกัน

e “หอคอยเฝ้าฝูงแพะแกะ” คือวลี Migdal-Eder ชื่อสถานที่โบราณ (เทียบ ปฐก 35:21) ที่ตรงนี้หมายถึงกรุงเยรูซาเล็ม และเปรียบเป็นเสมือนคอกแกะ “เนินเขา” หรือ “โอเฟล” ในภาษาฮีบรู ซึ่งเป็นชื่อของเนินลูกหนึ่งของกรุงเยรูซาเล็มและเป็นที่ตั้งพระราชวัง (2 พศด 27:1-3; อสย 32:14)

f คำประกาศพระวาจาตอนนี้กล่าวทำนายถึงการถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย การออกชื่อกรุงบาบิโลนในข้อ 10 คิดถึงการถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยในปี 587 ก่อน ค.ศ.

g “คร่ำครวญ” แปลโดยคาดคะเน บางคนแปลว่า “ร้องเสียงดัง” ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ให้กำเนิด”

h คำประกาศพระวาจาตอนนี้แตกต่างจากคำประกาศพระวาจาตอนก่อนหน้านี้ บรรยายถึงการปลดปล่อยศิโยน (กรุงเยรูซาเล็ม) เองที่ถูกนานาชาติเข้าล้อม ประกาศกอิสยาห์ซึ่งอยู่ร่วมสมัยกับประกาศกมีคาห์ก็ประกาศพระวาจาคล้ายๆ กัน (อสย 10:24-27, 32-34; 14:24-27; 29:1-8; 30:27-33; 31:4-9) ในคำประกาศพระวาจาเหล่านี้ การกล่าวพาดพิงน่าจะหมายถึงการบุกรุกของกษัตริย์เซนนาเคริบในปี 701 ก่อน ค.ศ. และความล้มเหลวที่อธิบายไม่ได้ของการบุกรุกครั้งนี้ ในสมัยต่อมา การที่นานาชาติมาโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม (และความพ่ายแพ้ของศัตรูเหล่านี้ในที่สุด) กลายเป็นลักษณะที่น่าสังเกตของวรรณกรรมที่กล่าวถึงอันตวิทยา (อสค 38-39; ยอล 4; ศคย 14)

i คำประกาศพระวาจานี้เปรียบความแตกต่างของกษัตริย์ “ผู้ปกครองอิสราเอล” ซึ่งบัดนี้ถูกลบหลู่ (โดยกษัตริย์เซนนาเคริบ 2 พกษ 18:13-16) กับกษัตริย์อีกพระองค์หนึ่งในอนาคต ซึ่งการสมภพของพระองค์จะเป็นการเริ่มยุคใหม่แห่งสิริรุ่งโรจน์และสันติภาพ (เหมือนใน อสย 9:5) ประกาศกมีคาห์บรรยายถึงพระเมสสิยาห์ตามแบบที่ประกาศกของยูดาห์เคยใช้ คือเป็นเหมือนกษัตริย์ผู้ทรงชัยชนะบนเนินศิโยน (เช่นเดียวกับใน ปฐก 49:10-12; กดว 24:15-19; สดด 110; อสย 9:1-6; 11:1-9; 32:1)

j “ป้อมปราการเอ๋ย จงป้องกันตนเองเถิด” แปลตามต้นฉบับภาษากรีก ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ธิดากำลังพลเอ๋ย จงกรีดร่างกายของท่านเถิด” **** “ป้อมปราการ” (beth-Gader ในภาษาฮีบรู ซึ่งแปลว่า “บ้านของเชิงเทิน”) หมายถึงศิโยน เป็นชื่อคล้ายกับ “หอคอยเฝ้าฝูงแพะแกะ” ในข้อ 8 ประกาศกยกความหยิ่งยโสของเมืองหลวงที่มีป้อมปราการเข้มแข็งมาเปรียบกับความต่ำต้อยของเมืองเอฟราธาห์ซึ่งจะเป็นที่กำเนิดของความรอดพ้น

5 1แต่เจ้า เบธเลเฮม เอฟราธาห์เอ๋ย

เจ้าเป็นเมืองเล็กๆa ในบรรดาหัวเมืองของยูดาห์

จะมีผู้หนึ่งออกมาจากเจ้าสำหรับเรา

เป็นผู้ที่จะปกครองอิสราเอล

ต้นกำเนิดของเขามาจากอดีต

จากสมัยโบราณb

2ดังนั้น พระยาห์เวห์cจะทรงละทิ้งเขาทั้งหลายไว้

จนถึงเวลาที่หญิงผู้เจ็บครรภ์จะคลอดบุตรd

แล้วบรรดาพี่น้องที่เหลืออยู่จะกลับมา

รวมกับชาวอิสราเอล

3ผู้นั้นจะยืนขึ้น และจะเลี้ยงดูฝูงแกะ

ด้วยพละกำลังของพระยาห์เวห์

ด้วยราศีแห่งพระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา

เขาทั้งหลายจะอาศัยอยู่อย่างสงบสุข

เพราะบัดนี้ ผู้นั้นจะเป็นใหญ่

ไปจนสุดปลายแผ่นดิน

ผู้ที่จะพิชิตอัสซีเรียในอนาคตe

          4เขาผู้นี้จะเป็นสันติสุข

ถ้าอัสซีเรียจะเข้ามาในแผ่นดินของพวกเรา

และเหยียบย่ำพื้นดินของเราf

พวกเราจะยกผู้เลี้ยงแกะเจ็ดคน

และผู้นำคนแปดคนมาต่อสู้กับเขา

5เขาเหล่านั้นจะใช้ดาบปกครองแผ่นดินอัสซีเรีย

จะใช้คมดาบgปกครองแผ่นดินนิมโรด

ถ้าชาวอัสซีเรียเข้ามาในแผ่นดิน

และเหยียบย่ำเขตแดนของเรา

เขาผู้นั้นจะปลดปล่อยพวกเราจากชาวอัสซีเรีย

บทบาทในอนาคตของผู้รอดชีวิตh

          6แล้วผู้รอดชีวิตของยาโคบ

ที่ถูกชนหลายชาติล้อมอยู่

จะเป็นเหมือนน้ำค้างจากพระยาห์เวห์

เหมือนฝนหนักที่ตกบนหญ้า

ซึ่งไม่ขึ้นกับมนุษย์

และอยู่เหนือการควบคุมของบุตรแห่งมนุษย์

7แล้วผู้รอดชีวิตของยาโคบ

ที่ถูกชนหลายชาติล้อมอยู่i

จะเป็นเหมือนสิงโตในหมู่สัตว์ป่า

เหมือนสิงห์หนุ่มในหมู่ฝูงแพะแกะ

ซึ่งผ่านไปที่ใด ก็เหยียบย่ำ

ฉีกเหยื่อกิน และไม่มีผู้ใดจะช่วยให้รอดได้

8ท่านจะยกมือขึ้นเหนือศัตรู

และศัตรูทั้งหลายของท่านจะถูกทำลายล้าง

พระยาห์เวห์จะทรงทำลายรูปเคารพทั้งหมด j

          9วันนั้น พระยาห์เวห์ตรัส

เราจะกำจัดม้าของท่านให้หมดไปจากท่าน

จะทำลายรถศึกของท่าน

10เราจะทำลายเมืองต่างๆ ให้หมดไปจากแผ่นดินของท่าน

จะรื้อป้อมปราการทั้งหมดของท่าน

11เราจะกำจัดเวทมนตร์ให้หมดไปจากมือของท่าน

ท่านจะไม่มีหมอดูอีกต่อไป

12เราจะทำลายรูปเคารพ

และเสาศักดิ์สิทธิ์จากหมู่ท่าน

ท่านจะได้ไม่กราบไหว้

สิ่งที่มือของท่านได้ทำไว้อีกต่อไป

13เราจะถอนเสาศักดิ์สิทธิ์ของท่านออกไป

จะทำลายเมืองของท่าน

14เราจะแก้แค้นเพราะความโกรธ

และความขุ่นเคือง

ต่อชนชาติที่ไม่เชื่อฟัง

5 a “เมืองเล็กๆ” ต้นฉบับภาษากรีกว่า “(เมือง)เล็กที่สุด”

b เมืองเอฟราธาห์ (ซึ่งดูเหมือนว่าประกาศกมีคาห์คิดว่ารากศัพท์มีความหมายว่า “มีผลมาก” หมายถึงต้นกำเนิดของผู้ช่วยให้รอดพ้น) แต่เดิมหมายถึงชนเผ่าหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับคาเลบ (1 พศด 2:19, 24, 50) ที่ตั้งหลักแหล่งอยู่ในบริเวณเมืองเบธเลเฮม (นรธ 1:2; 1 ซมอ 17:12) ชื่อนี้ในภายหลังถูกนำมาใช้กับเมืองเบธเลเฮม (ปฐก 35:19; 48:7; ยชว 15:59; นรธ 4:11) ผู้คัดลอกจึงเพิ่มชื่อ “เบธเลเฮม” ลงไปในตัวบทด้วย ประกาศกมีคาห์กำลังคิดถึงต้นกำเนิดดั้งเดิมของราชวงศ์ดาวิด (นรธ 4:11, 17, 18-22; 1 ซมอ 17:12) ต่อมา บรรดาผู้นิพนธ์พระวรสารจะอธิบายข้อความนี้ว่าเป็นคำทำนายถึงถิ่นกำเนิดของพระคริสตเจ้า

c “พระยาห์เวห์” ในตัวบทมีเพียง “เขา” หรือ “พระองค์” (สรรพนามบุรุษที่ 3)

d “หญิงผู้เจ็บครรภ์จะคลอดบุตร” หมายถึงพระมารดาของพระเมสสิยาห์ ประกาศกมีคาห์อาจคิดถึงคำประกาศพระวาจาที่รู้จักกันดีเกี่ยวกับ “หญิงสาว” (หรือ “สาวพรหมจารี” calmah) ที่ประกาศกอิสยาห์ได้ประกาศไว้ราว 30 ปีก่อนหน้านั้น (อสย 7:14 เชิงอรรถ g)

e ข้อความตอนนี้กล่าวล่วงหน้าถึงชัยชนะเหนืออัสซีเรีย ชัยชนะนี้ถูกกล่าวว่าเป็นของผู้สืบเชื้อสายของราชวงศ์กษัตริย์ดาวิด (ข้อ 4ก และข้อ 5ข) และของบรรดาผู้นำของชนเผ่ายูดาห์ (ข้อ 4ข-5ก) เป็นตัวบทเก่าที่ถูกนำมาใช้อีก

f “เหยียบย่ำพื้นดินของเรา” ตามต้นฉบับภาษากรีกและซีเรียค ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “เหยียบย่ำวังของเรา”

g “ใช้คมดาบ” (ตามตัวอักษรว่า “ด้วยปากของดาบ”) ตามต้นฉบับคัดลอกภาษากรีกหนึ่งฉบับ และสำนวนแปลภาษาละตินฉบับ Vulgata ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ที่ทางเข้าของ(แผ่นดิน)นั้น”

h คำประกาศพระวาจาตอนนี้ ซึ่งแบ่งเป็นข้อความคล้องจองกันสองตอน กล่าวล่วงหน้าถึงบทบาทของ “ผู้รอดชีวิต” ในการช่วยประชากรต่างๆ ให้รอดพ้น (เทียบ ข้อ 1-4; 7:12) และในการลงโทษเขา (4:13; 5:8, 14) ความคิดแรกซึ่งเกิดขึ้นตอนปลายของสมัยการเนรเทศ ชวนให้คิดว่าข้อความนี้มาจากสมัยหลังประกาศกมีคาห์

i “ที่ถูกชนหลายชาติล้อมอยู่” บางคนละเว้นไม่แปลวลีนี้

j คำประกาศพระวาจาในข้อ 9-13 บอกว่าพระยาห์เวห์จะทรงขจัด (ตามตัวอักษรว่า “ตัดออกไป”) ความช่วยเหลือจอมปลอมของมนุษย์ออกไปให้พ้นประชากรของพระองค์ (เทียบ อสย 2:7-8; 30:1-3,15-16; 31:1-3; ฮชย 3:4; 8:14; 14:4) อันได้แก่กำลังทหาร การใช้เวทมนตร์คาถา และหมอดู รวมทั้งการกราบไหว้รูปเคารพตามสักการสถานบนที่สูง แต่ความคิดต่อเนื่องยังรวมไปถึงยุคของสันติภาพและความเชื่อที่แท้จริง ข้อ 8 และ 14 ใช้คำประกาศพระวาจานี้กับชนชาติที่เป็นศัตรูของพระยาห์เวห์ จึงเป็นการปรับข้อความในช่วงเวลาต่อมา

III. อิสราเอลจะถูกพิพากษาอีกครั้งหนึ่ง

 

คำตำหนิและคาดโทษ

พระยาห์เวห์ทรงมีคดีความกับอิสราเอลa

6 1จงฟังสิ่งที่พระยาห์เวห์ตรัสเถิด

จงลุกขึ้นแก้คดีของท่านต่อหน้าภูเขา

จงให้เนินเขาฟังเสียงของท่านb

2ภูเขาทั้งหลายเอ๋ย จงฟังคดีของพระยาห์เวห์เถิด

รากฐานถาวรของแผ่นดินเอ๋ย จงฟังเถิดc

เพราะพระยาห์เวห์ทรงมีคดีความกับประชากรของพระองค์

พระองค์จะทรงสู้ความกับอิสราเอล

3ประชากรของเราเอ๋ย เราได้ทำอะไรกับท่าน

เราได้ทำให้ท่านขุ่นข้องหมองใจในเรื่องใด จงตอบซิ

4เพราะเราได้นำท่านออกมาจากแผ่นดินอียิปต์d

และไถ่ท่านจากการเป็นทาส

เราใช้โมเสส อาโรน และมีเรียม

ให้นำหน้าท่าน

5ประชากรของเราเอ๋ย จงระลึกเถิดว่า

กษัตริย์บาลาคแห่งโมอับคิดอุบายอะไร

และบาลาอัมบุตรของเบโอร์ได้ตอบเขาอย่างไร

จงระลึกว่าได้เกิดอะไรขึ้นจากเมืองชิทธิมถึงเมืองกิลกาล

ท่านจะได้รู้ว่าพระยาห์เวห์ทรงเที่ยงธรรมอย่างไร

เพื่อช่วยท่านให้รอดพ้นe

6“ข้าพเจ้าจะต้องนำสิ่งใดเมื่อเข้ามาเฝ้าพระยาห์เวห์

และกราบนมัสการพระเจ้าผู้สูงสุด

ข้าพเจ้าจะต้องนำเครื่องเผาบูชา

โคหนุ่มอายุหนึ่งปีหลายตัวเข้ามาเฝ้าพระองค์หรือ

7พระยาห์เวห์จะพอพระทัยแกะเพศผู้นับพันตัว

พอพระทัยลำธารน้ำมันนับหมื่นสายหรือ

ข้าพเจ้าจะต้องถวายบุตรคนแรกเพื่อชดเชยความผิดของข้าพเจ้า

ถวายบุตรจากกายของข้าพเจ้าเพื่อชดเชยบาปที่ข้าพเจ้าได้ทำหรือ”f

8“มนุษย์เอ๋ย พระองค์ทรงบอกท่านไว้แล้วว่าอะไรดีg

และพระยาห์เวห์ทรงประสงค์สิ่งใดจากท่าน

คือให้ท่านปฏิบัติความยุติธรรมและรักความดีงาม

และดำเนินชีวิตอย่างถ่อมตนกับพระเจ้าของท่าน”

กล่าวโทษผู้คดโกงในการประกอบธุรกิจ

            9พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์มาถึงนครนั้น

ผู้ยำเกรงพระนามพระองค์จะมีปัญญา

“ตระกูลและผู้มาชุมนุมกันhเอ๋ย จงฟังเถิด

10ในบ้านของคนชั่วร้ายยังมีทรัพย์สมบัติที่ได้มาอย่างอยุติธรรม

มีถังตวงข้าวไม่เต็มขนาดiที่น่าสาปแช่งอยู่อีกหรือ

11เราจะยอมรับตราชูที่ไม่เที่ยงตรง

และถุงใส่ลูกตุ้มขี้โกงว่าไม่มีความผิดหรือj

12kบรรดาคนร่ำรวยของเมืองนี้เต็มไปด้วยความทารุณ

และผู้อาศัยในเมืองก็พูดมุสา

ลิ้นในปากของเขาพูดหลอกลวง

13เราจึงเริ่มlเฆี่ยนตีท่าน

จะทำลายท่านเพราะบาปของท่าน

14ท่านจะกิน แต่จะไม่อิ่มm

ท้องของท่านจะหิวต่อไป

ท่านจะสะสม แต่จะรักษาไว้ไม่ได้

สิ่งที่ท่านสะสมไว้ เราจะมอบให้แก่ดาบ

15ท่านจะหว่าน แต่จะไม่ได้เก็บเกี่ยว

ท่านจะย่ำผลมะกอกเทศ แต่จะไม่ได้ใช้น้ำมันชโลมตัว

ท่านจะย่ำผลองุ่น แต่จะไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่น”

กรุงสะมาเรียเป็นตัวอย่าง

            16ท่านปฏิบัติตามข้อกำหนดของกษัตริย์อมรี

ทำกิจการทั้งหลายของราชวงศ์กษัตริย์อาคับ

ดำเนินตามแผนการของกษัตริย์ทั้งสองพระองค์

ดังนั้น เราจะทำให้เมืองของท่านเป็นที่รกร้าง

และผู้อาศัยในเมืองจะเป็นที่เย้ยหยัน

ท่านจะต้องถูกนานาชาติnดูหมิ่น

 

6 a หลังจากที่พระยาห์เวห์ทรงมีคดีความกับอิสราเอล และทรงระลึกถึงความดีของพระองค์ต่ออิสราเอลแล้ว (ข้อ 3-5) ผู้นมัสการพระองค์รู้สึกเป็นทุกข์เสียใจ จึงทูลถามว่าพระเจ้าทรงเรียกร้องสิ่งใดจากตน (ข้อ 6-7) ประกาศกจึงตอบในข้อ 8

b ภูเขาเป็นสถานที่ที่พระเจ้าทรงชอบเป็นพิเศษเพื่อพบประชากรของพระองค์ (ภูเขาซีนาย เนโบ เอบาลและเกรีซิม ศิโยน คารเมล) เพราะสถานที่เหล่านี้เป็นพยานที่ไม่เปลี่ยนแปลง และบ่อยๆ ถูกกล่าวถึงประหนึ่งว่าเป็นบุคคลหนึ่ง (ปฐก 49:26; 2 ซมอ 1:21; สดด 68:15-16; อสค 35-36)

c “จงฟังเถิด” แปลโดยคาดคะเน (weha’azinu) ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ท่านที่ตั้งมั่นอยู่” (weha’etanim)

d “เราได้ทำให้ท่านขุ่นข้องหมองใจ” (hele’etika) และ “เราได้นำท่านออกมา” (hecelitika) มีเสียงคล้ายกัน **** เพื่อทรงตอบโต้การที่อิสราเอลบ่นว่าพระเจ้าทรงละทิ้งตน พระองค์ทรงบอกเขาให้ระลึกถึงพระกรุณาของพระองค์ในอดีต

e ตัวบทภาษาฮีบรูของข้อนี้มีบางคำตกไปในบรรทัดที่ 4 เราจึงเสริมวลี “จงระลึกว่าได้เกิดอะไรขึ้น” (ซึ่งไม่มีในต้นฉบับ) ให้เกี่ยวข้องกับการข้ามแม่น้ำจอร์แดน **** “ท่านจะได้รู้ว่า” ตามสำนวนแปลโบราณต่างๆ ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ความรู้ของ” “พระยาห์เวห์ทรงเที่ยงธรรมอย่างไรเพื่อช่วยท่านให้รอดพ้น” หมายถึงเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์แห่งความรอดพ้นที่พระยาห์เวห์ทรงแสดงความซื่อสัตย์ของพระองค์ต่อพันธสัญญาที่ทรงให้ไว้ เนื่องจากพันธสัญญาเป็นการที่ทรงริเริ่มเอง “ความเที่ยงธรรม” นี้จึงเป็นของประทานให้เปล่าโดยที่เรามนุษย์ไม่สมควรจะได้รับเลย

f เพื่อตอบคำที่พระยาห์เวห์ทรงตัดพ้อต่อว่าประชากร ผู้นมัสการจึงทูลถาม แสดงให้เห็นว่าการนับถือศาสนาตามที่ประกาศกสั่งสอนมีลักษณะเป็นการเสวนาส่วนตัวกับพระเจ้า แทนที่จะทวีจำนวนเครื่องบูชาที่จะต้องถวาย ประกาศกจะสอนให้ถวายชีวิตของตนเป็นเครื่องบูชาฝ่ายจิตแทน การถวายบูชา (ฝ่ายจิต) เช่นนี้บรรดาประกาศกเคยสอนไว้แล้ว นั่นคือ การมีความประพฤติที่ดี (อาโมส); มี “ความรักมั่นคง” หรือ “ความดีพร้อม” [hesed] (โฮเชยา); และการดำเนินชีวิตอย่างถ่อมตนเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า (อิสยาห์)

g “พระองค์ทรงบอกท่านไว้แล้ว...” ต้นฉบับภาษากรีกว่า “ท่านได้ถูกบอกแล้ว” ต้นฉบับภาษาซีเรียคว่า “เราจะบอกท่าน”

h “ตระกูลและผู้มาชุมนุมกัน” แปลโดยคาดคะเนตามต้นฉบับภาษากรีกและซีเรียค ต้นฉบับภาษาฮีบรูไม่ชัดเจน

i “มีถังตวงข้าวไม่เต็มขนาด” แปลโดยคาดคะเน

j “เรายอมรับ...หรือ” ตามสำนวนแปลภาษาละตินฉบับ Vulgata ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “เราไม่มีมลทิน...หรือ”

k บางคนย้ายข้อนี้ไปไว้หลังข้อ 9 เพื่อให้มีความคิดต่อเนื่องกันมากขึ้น บรรทัดสุดท้ายของข้อนี้อาจเป็นข้อความที่ผู้คัดลอกเสริมเข้ามาในภายหลัง

l “เริ่ม” ตามสำนวนแปลโบราณต่างๆ ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ทำให้ป่วย”

m ต้นฉบับภาษาฮีบรูเพิ่มคำสองคำ คำแรก (yeshach) ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร อาจจะหมายความว่า “และความหิว (หรือ ‘ความสกปรก’) จะยังอยู่ในท่าน”

n “ท่านปฏิบัติ” ตามสำนวนแปลโบราณต่างๆ ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “เขาเองปฏิบัติ” **** “ผู้อาศัยในเมือง” ตามตัวอักษรว่า “ผู้อาศัยของเธอ” **** “นานาชาติ” ตามต้นฉบับภาษากรีก ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ประชากรของเรา” ข้อความนี้ทั้งข้ออาจจะหมายถึงการกราบไหว้พระบาอัล มากกว่าจะหมายถึงความอยุติธรรมทางสังคมและความหรูหราฟุ่มเฟือยของชนชั้นสูง

ชาวอิสราเอลทุกคนผิดศีลธรรม

            7 1อนิจจาเอ๋ย ข้าพเจ้าเป็นเหมือนคนเก็บเกี่ยวในฤดูร้อน

เป็นเหมือนผู้เก็บผลองุ่นที่ยังเหลือค้างอยู่บนเถาองุ่น

ไม่มีพวงองุ่นเหลือให้กินได้สักพวงเดียวa

ไม่มีผลมะเดื่อเทศสุกรุ่นแรกที่ข้าพเจ้าชอบเหลืออยู่เลย

2คนดีมีธรรมสูญหายไปจากแผ่นดิน

ไม่มีผู้ชอบธรรมเหลืออยู่ในหมู่มนุษย์เลยแม้เพียงคนเดียว

เขาทุกคนคอยหลั่งโลหิต

ต่างคนต่างใช้ตาข่ายดักล่าพี่น้องของตน

3มือของเขาพร้อมจะทำความชั่วb

เจ้านายเรียกร้องของกำนัล

ผู้พิพากษาเรียกสินบน

ผู้มีอำนาจพูดถึงความปรารถนาแห่งจิตใจของตน

ทุกคนจึงบิดเบือนความยุติธรรมc

4คนดีที่สุดของเขาเป็นเหมือนต้นหนาม

คนซื่อตรงที่สุดเป็นเสมือนรั้วหนามd

วันที่คนยามบอกล่วงหน้าไว้

คือวันแห่งการลงโทษมาถึงแล้วe

บัดนี้เป็นความวุ่นวาย

5อย่าวางใจเพื่อนบ้าน

อย่าไว้ใจมิตรสหาย

อย่าอ้าปากบอกสิ่งใด

แก่เธอที่อยู่ในอ้อมอก

6บุตรชายดูหมิ่นบิดา

บุตรหญิงต่อต้านมารดา

บุตรสะใภ้ต่อต้านมารดาของสามี

ศัตรูของคนก็คือคนที่อยู่ร่วมบ้านของเขานั่นเอง

7แต่ข้าพเจ้าจะมองดูพระยาห์เวห์

ข้าพเจ้าจะหวังในพระเจ้าผู้ทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น

พระเจ้าของข้าพเจ้าจะทรงฟังข้าพเจ้าf

IV. ความหวังสำหรับอนาคต

 

ศัตรูจะดูหมิ่นศิโยน

            8ศัตรูของข้าเอ๋ยg อย่ายินดีเลย

ที่ข้าต้องประสบเคราะห์ร้าย

แม้ข้าล้ม ข้าก็จะลุกขึ้นอีก

แม้ข้านั่งอยู่ในความมืด

พระยาห์เวห์ก็ทรงเป็นแสงสว่างของข้า

9ข้าจะทนพระพิโรธของพระยาห์เวห์

เพราะข้าได้ทำบาปผิดต่อพระองค์

จนกระทั่งพระองค์จะทรงแก้คดีของข้า

และให้ความเป็นธรรมแก่ข้า

พระองค์จะทรงนำข้าออกไปสู่ความสว่าง

และเห็นความเที่ยงธรรมของพระองค์

10ศัตรูของข้าจะเห็น

และจะต้องอับอายอย่างที่สุด

เขาเคยถามข้าว่า

“พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าอยู่ที่ไหน”

ตาของข้าจะเพ่งดูเขาให้สะใจ

เมื่อเขาจะถูกเหยียบย่ำ

เหมือนโคลนในถนน

คำพยากรณ์เรื่องการรื้อฟื้นอิสราเอลh

          11วันนั้น เขาจะสร้างกำแพงเมืองของเจ้า

วันนั้น เขตแดนของเจ้าจะขยายออกไป

12วันนั้น ผู้คนจะมาหาเจ้า

จากอัสซีเรียจนถึงอียิปต์

จากอียิปต์iจนถึงแม่น้ำยูเฟรติส

จากทะเลนี้ถึงทะเลโน้น จากภูเขานี้ถึงภูเขาโน้น

13แผ่นดินจะเป็นที่รกร้าง

เพราะผู้อาศัยของแผ่นดินนั้น

เป็นผลการกระทำของเขาj

คำอธิษฐานภาวนาขอให้ศัตรูของศิโยนต้องอับอาย

            14โปรดทรงใช้ไม้ขอของผู้เลี้ยงแกะเลี้ยงดูประชากร

คือฝูงแพะแกะที่เป็นมรดกของพระองค์

ซึ่งอาศัยโดดเดี่ยวอยู่ในป่า

ที่มีแผ่นดินอุดมสมบูรณ์อยู่โดยรอบk

โปรดทรงให้เขาหากินอยู่ในแคว้นบาชานและกิเลอาด

เหมือนในสมัยก่อน

15โปรดทรงแสดงปาฏิหาริย์แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายl

เหมือนในสมัยที่ทรงนำข้าพเจ้าทั้งหลายออกมาจากแผ่นดินอียิปต์

16แม้นานาชาติจะทรงพลังมาก

เขาทั้งหลายก็จะได้เห็นปาฏิหาริย์นั้น

และจะอับอาย

เขาทั้งหลายจะเงียบงัน

หูของเขาจะหนวก

17เขาทั้งหลายจะเลียฝุ่นดินเหมือนงู

เหมือนสัตว์เลื้อยคลานบนแผ่นดิน

เขาจะตัวสั่นออกมาจากที่ซ่อน

มาหาพระองค์ พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลายm

เขาทั้งหลายจะยำเกรงพระองค์

คำวอนขอการอภัยจากพระเจ้าn

          18เทพเจ้าใดเล่าเป็นเหมือนพระองค์

ผู้ทรงให้อภัยความผิด

และทรงมองข้ามการล่วงละเมิด

แก่ผู้ที่เหลืออยู่เป็นมรดกของพระองค์o

พระองค์ไม่ทรงเก็บพระพิโรธไว้ตลอดไป

แต่พอพระทัยแสดงความรักมั่นคง

19ขอพระองค์ทรงพระเมตตาต่อข้าพเจ้าทั้งหลายอีกครั้งหนึ่ง

โปรดทรงเหยียบย่ำความผิดของข้าพเจ้าทั้งหลาย

พระองค์จะทรงเหวี่ยงบาปของข้าพเจ้าทั้งหลายp

ลงไปในทะเลลึก

20พระองค์จะทรงแสดงความซื่อสัตย์แก่ยาโคบ

ทรงแสดงความรักมั่นคงแก่อับราฮัม

ดังที่เคยทรงปฏิญาณต่อบรรพบุรุษของข้าพเจ้าทั้งหลาย

ตั้งแต่นานมาแล้วq

 

7 a “คนเก็บเกี่ยว” ตามต้นฉบับภาษากรีก ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “การเก็บเกี่ยว” **** “ผู้เก็บผลองุ่นที่ยังเหลือ” แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ผลที่ตกค้าง” **** “พวงองุ่น” (’eskol) มีเสียงคล้ายกันกับคำ “กิน” (’ekol) จึงเป็นการเล่นคำในภาษาฮีบรู

b “มือ...ความชั่ว” แก้ไขตามต้นฉบับภาษากรีก ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ต่อความชั่วมือจะประสบความสำเร็จ”

c “ทุกคนจึงบิดเบือนความยุติธรรม” แปลโดยคาดคะเน ตามตัวอักษรว่า “เขาทอสานกัน” ซึ่งไม่แน่ว่าหมายความว่าอะไร

d “คนซื่อตรงที่สุดเป็นเหมือนรั้วหนาม” ตามตัวอักษรคำแปลของ Symmachus ว่า “คนซื่อตรงที่สุดเหมือนรั้ว” ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “คนซื่อตรงนอกรั้ว” **** คำว่า “รั้วหนาม” (mesukah) และ “วุ่นวาย” (mebukah) ออกเสียงคล้ายกัน เป็นการเล่นคำอีก

e “มาถึงแล้ว” หมายถึงศัตรูผู้รุกรานจากเมโสโปเตเมียที่มายังแผ่นดินปาเลสไตน์จากทางทิศเหนือ (ยรม 1:13-14)

f “พระเจ้าของข้าพเจ้าจะทรงฟังข้าพเจ้า” ข้อนี้ซึ่งประกาศกประกาศความวางใจในพระอานุภาพของพระเจ้าที่จะทรงช่วยให้รอดพ้น อาจเคยเป็นบทสรุปของหนังสือ แต่ก็ยังเป็นโอกาสดีที่จะเพิ่มเติมบทประพันธ์แสดงความหวังที่ตามมาด้วย (ข้อ 8-12) ซึ่งอาจแต่งขึ้นจากสมัยถูกเนรเทศ และข้อ 14-17 ซึ่งแต่งขึ้นหลังกลับจากแดนเนรเทศแล้ว

g “ศัตรู” เราไม่รู้แน่ว่า “ศัตรู” ที่นี่หมายถึงใคร แต่เป็นไปได้อย่างมากที่จะหมายถึง “ชาวเอโดม” มากกว่า “ชาวบาบิโลน” (สดด 137:7-9; อสย 3:5-8; อสค 25:12-14; 35; อบด ข้อ 10-15)

h คำประกาศพระวาจาตอนนี้ ซึ่งน่าจะแต่งขึ้นในสมัยชาวเปอร์เซียปกครอง (หลังปี 538 ก่อน ค.ศ.) กล่าวถึงการสร้างกำแพงกรุงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ และการขยายอาณาเขตเพื่อบรรจุประชาชนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นชาวอิสราเอลโพ้นทะเล (Diaspora) หรือ ชนต่างชาติที่กลับใจมานับถือพระยาห์เวห์

i “อียิปต์” ต้นฉบับภาษากรีกว่า “เมืองไทระ”

j แต่เดิมข้อนี้อาจเป็นคำคาดโทษสำหรับยูดาห์ แต่ในบริบทปัจจุบันใช้กับชนชาติที่เป็นศัตรู โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจหมายถึง “ประชาชนของแผ่นดิน” ซึ่งอาศัยอยู่รอบชาวยิวที่กลับมาจากแดนเนรเทศแล้ว

k ประชากรอาศัยอยู่โดดเดี่ยวบนพื้นดินที่เพาะปลูกได้ไม่ดี เป็นสภาพของชาวยิวรอบๆ กรุงเยรูซาเล็มหลังกลับจากแดนเนรเทศ

l “โปรดแสดงปาฏิหาริย์แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย” แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “เราจะทำให้เขาเห็น”

m “มาหาพระองค์ พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย” ต้นฉบับภาษากรีกละวลีนี้

n เป็นเพลงสดุดีสั้นๆ อีกบทหนึ่ง ซึ่งมีตัวอย่างคล้ายๆ กันปรากฏอยู่ในหนังสือของประกาศก (อสย 12; 25:1-5; 26:1-6, 7-15, 16-19; 63:7–64:11)

o บางคนละเว้นวลี “แก่ผู้ที่เหลืออยู่เป็นมรดกของพระองค์” เพราะคิดว่าวลีนี้เป็นข้อความที่ผู้คัดลอกเสริมเข้ามา และจำกัดขอบเขตการให้อภัยของพระเจ้า

p ในต้นฉบับภาษาฮีบรู กริยาสองคำแรกของข้อนี้อยู่ในบุรุษที่ 3 **** “บาปของข้าพเจ้าทั้งหลาย” ตามสำนวนแปลโบราณต่างๆ ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “บาปของเขาทั้งหลาย”

q ความรอดพ้นของอิสราเอลเป็นการทำให้พันธสัญญาและพระสัญญาของพระเจ้า ซึ่งเป็นเหตุผลของความหวังและศูนย์กลางความเชื่อของประชากรของพระเจ้าสำเร็จเป็นความจริง

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก