“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

หนังสือเพลงคร่ำครวญ

  1. บทที่หนึ่ง
  2. บทที่สอง
  3. บทที่สาม
  4. บทที่สี่
  5. บทที่ห้า

เพลงคร่ำครวญบทแรกa


1
อาเลฟ 1อนิจจา เมืองที่เคยมีผู้คนคับคั่ง

                             กลายเป็นเมืองร้างอยู่โดดเดี่ยว

เมืองที่เคยรุ่งเรืองในหมู่นานาชาติ

กลายเป็นเหมือนหญิงม่าย

เมืองที่เคยเป็นเหมือนเจ้าหญิงในหมู่แคว้นทั้งหลาย

บัดนี้ถูกเกณฑ์ให้ทำงานเยี่ยงทาส

          เบท      2เมืองนี้ร้องไห้อย่างขมขื่นตลอดคืน

น้ำตาไหลอาบแก้ม

ไม่มีผู้ใดในหมู่คนรักของเธอb

มาปลอบโยนเธอ

เพื่อนทุกคนได้ทรยศ

กลายเป็นศัตรูของเธอ

          กีเมล    3ยูดาห์cถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย

                             มีความทุกข์ใจ ต้องทำงานหนักเยี่ยงทาส

                   เธอต้องอาศัยอยู่ในหมู่นานาชาติ

                             เธอไม่พบที่พักสงบเลย

                   บรรดาผู้ข่มเหงไล่ทันเธอ

                             เมื่อเธอกังวลใจ

          ดาเลท  4ทางไปยังศิโยนกำลังไว้ทุกข์

                             ไม่มีผู้ใดเดินมาร่วมงานฉลองในเทศกาล

                   ประตูเมืองทั้งหลายของเธอถูกทิ้งร้าง

                             บรรดาสมณะพากันถอนใจ

                   สาวพรหมจารีทั้งหลายมีความทุกข์

                             เธอเองก็มีความขมขื่น

          เฮ         5บรรดาคู่อริของเธอกลับเป็นผู้ชนะ

                             ศัตรูของเธอเจริญรุ่งเรือง

                   พระยาห์เวห์ทรงทำให้เธอเป็นทุกข์

                             เพราะความทรยศมากมายของเธอ

                   บรรดาบุตรของเธอถูกกวาดต้อนไป

                             เป็นเชลยต่อหน้าคู่อริ

          วาว      6ความรุ่งเรืองทั้งหมดสูญหายไป

จากธิดาแห่งศิโยน

บรรดาเจ้านายของเธอกลายเป็นเหมือนฝูงกวาง

ที่หาทุ่งหญ้าไม่พบ

แม้จะไม่มีกำลัง เขาก็ต้องหนี

ให้พ้นหน้าผู้ไล่ตาม

          ซาอิน    7กรุงเยรูซาเล็มระลึกถึง

วันที่มีความทุกข์และความลำเค็ญ

ระลึกถึงสิ่งประเสริฐทั้งหลายที่เคยมีตั้งแต่โบราณd

เมื่อประชากรของเธอล้มลงในมือของคู่อริ

 และไม่มีผู้ใดมาช่วยเหลือ

บรรดาคู่อริมองดูเธอ

และเยาะเย้ยความล่มจมของเธอ

          เคท      8กรุงเยรูซาเล็มได้ทำบาปหนัก

จึงเป็นสิ่งมีมลทิน

ทุกคนที่เคยให้เกียรติเธอก็ลบหลู่

เพราะเห็นความน่าอับอายของเธอ

เธอเองก็ถอนใจ

และหันไปข้างหลัง

          เตท      9เครื่องนุ่งห่มของเธอสกปรก

เธอไม่เคยคิดคำนึงถึงอวสานของตน

เธอจึงล้มลงอย่างน่าใจหาย

ไม่มีผู้ใดปลอบโยนเธอ

“ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ใจของข้าพเจ้าเถิด

เพราะศัตรูมีชัยชนะ”

          โยด      10คู่อริเหยียดมือ

ยึดสิ่งประเสริฐทุกอย่างeของเธอ

เธอเห็นนานาชาติ

เข้ามาในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเธอ

คือคนที่ทรงห้าม

ไม่ให้เข้ามาในชุมชนของพระองค์

          คัฟ       11ประชากรทั้งหมดของเธอถอนใจ

เสาะหาอาหาร

เขาให้สิ่งประเสริฐของตนแลกกับอาหาร

เพื่อประทังชีวิต

“ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทอดพระเนตร

พิจารณาว่าข้าพเจ้าถูกสบประมาทเพียงไร”

          ลาเมด   12ท่านทั้งหลายfที่เดินผ่านทางนี้

จงมองดูเถิดว่า

มีความทุกข์ใดเหมือนความทุกข์ของข้าพเจ้าบ้าง

ความทุกข์ที่ทรมานข้าพเจ้า

ความทุกข์ที่พระยาห์เวห์ทรงใช้ลงโทษข้าพเจ้า

ในวันที่ทรงพระพิโรธอย่างแรงกล้า

          เมม      13พระองค์ทรงส่งเพลิงลงมาจากเบื้องบน

ให้เข้าไปในกระดูกของข้าพเจ้า

พระองค์ทรงกางข่ายไว้ดักเท้าของข้าพเจ้า

ทรงทำให้ข้าพเจ้าต้องหันกลับ

ทรงทำให้ข้าพเจ้าหมดแรง

เจ็บป่วยอยู่ตลอดวัน

          นูน        14พระองค์ทรงเฝ้าดูความผิดของข้าพเจ้า

พระหัตถ์พระองค์มัดข้าพเจ้าไว้

แอกของพระองค์อยู่บนคอข้าพเจ้า

พระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้าหมดกำลัง

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบข้าพเจ้า

ไว้ในมือของผู้ที่ข้าพเจ้าต่อต้านไม่ได้g

          ซาเมค  15องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทอดทิ้ง

นักรบทุกคนที่อยู่ภายในข้าพเจ้า

พระองค์ทรงเกณฑ์กำลังพลมาชุมนุมกันต่อสู้กับข้าพเจ้า

เพื่อบดขยี้ชายฉกรรจ์ของข้าพเจ้า

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเหยียบย่ำธิดาพรหมจารีแห่งยูดาห์

เหมือนผู้เหยียบผลองุ่นในบ่อย่ำองุ่น

          อายิน    16เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงร้องไห้

น้ำตาไหลจากดวงตาh

เพราะผู้ปลอบโยนที่ให้กำลังใจ

อยู่ห่างไกลจากข้าพเจ้า

บรรดาบุตรของข้าพเจ้าหมดเรี่ยวแรง

เพราะศัตรูมีชัยชนะ

          เป         17ศิโยนเหยียดมือออก

แต่ไม่มีใครปลอบโยนเธอ

พระยาห์เวห์ทรงบัญชา

ให้ผู้ที่อยู่โดยรอบเป็นศัตรูเข้าโจมตียาโคบ

กรุงเยรูซาเล็มกลายเป็นสิ่งสกปรก

น่ารังเกียจสำหรับเขาทั้งหลาย

          ซาเด     18พระยาห์เวห์ทรงเที่ยงธรรม

เพราะข้าพเจ้าเป็นกบฏไม่ฟังพระวาจา

ประชากรทั้งหลาย จงฟังเถิด

จงมองดูความทุกข์ของข้าพเจ้า

บรรดาสาวพรหมจารีและชายหนุ่มของข้าพเจ้า

ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย

          โฆฟ     19ข้าพเจ้าเรียกบรรดาคนรัก

แต่เขาหลอกลวงข้าพเจ้า

บรรดาสมณะและผู้อาวุโสของข้าพเจ้า

ก็ตายในเมือง

ขณะที่ออกหาอาหาร

เพื่อประทังชีวิตของตน

          เรช       20ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทอดพระเนตร

เห็นว่าข้าพเจ้ามีความทุกข์อยู่ภายใน

จิตใจวุ่นวาย ดวงใจสับสน

เพราะข้าพเจ้าได้เป็นกบฏอย่างร้ายแรง

นอกบ้านมีคนตายด้วยดาบ

ในบ้านก็มีแต่ความตาย

          ชิน        21โปรดทรงฟังเถิดiว่าข้าพเจ้าถอนใจอย่างไร

ไม่มีผู้ใดปลอบโยนข้าพเจ้า

ศัตรูทุกคนได้ยินถึงหายนะที่ตกแก่ข้าพเจ้า

ต่างดีใจที่พระองค์ทรงทำเช่นนี้

โปรดทรงส่งวันที่ทรงสัญญาไว้นั้นมาเถิด

เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เป็นเหมือนข้าพเจ้า

          เตา       22ขอให้ความชั่วร้ายของเขามาปรากฏเฉพาะพระพักตร์

ขอทรงทำกับเขา

ดังที่ทรงทำกับข้าพเจ้า

เพราะการทรยศทั้งหมดของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าถอนใจหลายๆ ครั้ง

ใจของข้าพเจ้าอ่อนล้า

 

1 a ผู้นิพนธ์พรรณนาถึงสภาพน่าสมเพชของกรุงเยรูซาเล็ม ศิโยนซึ่งเป็นเสมือน “หญิงคนหนึ่ง” พูดในข้อ 9 และข้อ 11 เพื่อร้องทุกข์ (ข้อ 12-16) แล้วจึงเป็นคำภาวนาในข้อ 18 ฯลฯ ซึ่งในขณะเดียวกันก็ยังเป็นการสารภาพความผิด เป็นการแสดงความหวัง และเป็นคำสาปแช่งศัตรูด้วย ต้นฉบับภาษากรีก เพิ่มคำนำว่า “เมื่ออิสราเอลถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย และกรุงเยรูซาเล็มกลายเป็นที่ร้าง ประกาศกเยเรมีย์นั่งลงร่ำไห้ เขากล่าวเพลงคร่ำครวญเหล่านี้ว่า”

b “คนรักของเธอ” หมายถึงชนชาติที่เคยเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรยูดาห์ (เทียบ ยรม 4:30; 30:14; อสค 16:37-40; 23:22-29)

c “ยูดาห์” ซึ่งโดยปกติเป็นคำเพศชาย ที่นี่ถูกใช้ในเพศหญิง

d “สิ่งประเสริฐทั้งหลายที่เคยมีตั้งแต่โบราณ” น่าจะเป็นข้อความที่เสริมเข้ามา ทำให้เสียจังหวะของคำประพันธ์

e “สิ่งประเสริฐทุกอย่าง” หมายถึงทรัพย์สมบัติของพระวิหาร (เทียบ ยชว 6:24; 1 พกษ 14:26; 2 พกษ 24:13) แต่ยังหมายถึงทรัพย์สมบัติที่ประชาชนทั่วไปนำมาฝากไว้ในพระวิหารด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย (ดู 2 มคบ 4:3ฯ ด้วย)

f “ท่านทั้งหลาย” ตามสำนวนแปลภาษาละติน Vulgata ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ไม่ใช่สำหรับท่าน”

g ข้อความในข้อนี้ถูกจัดลำดับใหม่ตามสำนวนแปลภาษากรีกของ Lucian และสำนวนแปลโบราณภาษาซีเรียค ต้นฉบับภาษาฮีบรูสับสน *** ที่ตรงนี้และต่อๆ ไป “องค์พระผู้เป็นเจ้า” คือคำที่ต้นฉบับภาษาฮีบรูเขียนว่า “adonai” ซึ่งเป็นวิธีอ่านพระนาม “ยาห์เวห์” ที่แต่เดิมเขียนด้วยอักษรสี่ตัวว่า YHWH (= Tetragramma) ซึ่งยังคงรักษาไว้ในต้นฉบับคัดลอกบางฉบับ

h “น้ำตาไหลจากดวงตา” ตามตัวอักษรว่า “ตาของข้าพเจ้า ตาของข้าพเจ้า” การซ้ำคำอาจเป็นเพียงลีลาการเขียน (เทียบ 3:20) แต่อาจหมายถึงพหูพจน์ก็ได้ด้วย

i “โปรดทรงฟังเถิด” ตามสำนวนแปลโบราณภาษาซีเรียค ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “พวกเราฟัง” *** “โปรดทรงนำ” ตามสำนวนแปลโบราณภาษาซีเรียคเช่นเดียวกัน ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “พระองค์ทรงนำ” *** “วันที่ทรงสัญญาไว้” หมายถึงหายนะสำหรับอิสราเอล ในความคิดของชาวอิสราเอลก่อนสมัยเนรเทศ (=“วันของพระยาห์เวห์”) (ดู อมส 5:18; ศฟย 1:14) ต่อมาในภายหลัง “วันของพระยาห์เวห์” หมายถึงหายนะสำหรับนานาชาติ (ดู ยอล 3:14)

เพลงคร่ำครวญบทที่สองa


2
อาเลฟ 1อนิจจา องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบดบังธิดาแห่งศิโยน

ด้วยพระพิโรธสักเพียงใดหนอ

ทรงขว้างความงดงามของอิสราเอล

จากท้องฟ้าลงถึงพื้นดิน

พระองค์ไม่ทรงระลึกถึงแท่นรองพระบาทbของพระองค์เลย

ในวันแห่งพระพิโรธ

เบท      2องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำลายที่อาศัยทั้งหมดของยาโคบ

อย่างไร้พระเมตตา

ทรงพังป้อมปราการของธิดาแห่งยูดาห์

ด้วยความกริ้ว

ทรงกดให้ต่ำลงถึงพื้นดิน

ทรงทำให้อาณาจักรและเจ้านายของเธอเป็นมลทิน

กีเมล    3พระองค์ทรงตัดกำลังทั้งหมดของอิสราเอล

ด้วยพระพิโรธแรงกล้า

ทรงถอนพระหัตถ์ขวาจากเขา

ต่อหน้าศัตรู

ทรงเผาผลาญยาโคบดุจเพลิงที่ลุกโชน

เผาทุกอย่างโดยรอบ

ดาเลท  4พระองค์ทรงโก่งคันธนูราวกับเป็นศัตรู

พระหัตถ์ขวานิ่งcราวกับเป็นคู่อริ

ทรงประหารชีวิตทุกคนที่น่ามองอย่างชื่นชม

ในกระโจมของธิดาแห่งศิโยน

ทรงระบายพระพิโรธออกมาดุจเพลิง

            เฮ         5องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกลายเป็นศัตรู

ทรงทำลายอิสราเอล

ทรงทำลายวังทั้งหมดของเขา

ทรงพังป้อมปราการของเขา

ทรงทวีความเศร้าโศกและการคร่ำครวญ

ในธิดาแห่งยูดาห์

วาว      6พระองค์ทรงทิ้งที่ประทับ

ให้เป็นเหมือนสวนรกร้างd

ทรงทำลายสถานที่ชุมนุมในเทศกาล

พระยาห์เวห์ทรงลบล้างความทรงจำ

ของเทศกาลและวันสับบาโตในศิโยน

ทรงรังเกียจกษัตริย์และสมณะด้วยพระพิโรธแรงกล้าของพระองค์

ซาอิน    7องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงละทิ้งพระแท่นบูชา

ทรงรังเกียจสถานนมัสการของพระองค์

ทรงมอบกำแพงป้อมปราการไว้ในมือของศัตรู

เขาทั้งหลายส่งเสียงอึกทึก

ในพระวิหารของพระยาห์เวห์

เหมือนกับว่าเป็นวันในเทศกาลe

 

เคท      8พระยาห์เวห์ทรงตั้งพระทัย

จะทำลายกำแพงของธิดาแห่งศิโยน

พระองค์ทรงขึงเชือกวัดไว้แล้ว

จะไม่ทรงถอนพระหัตถ์เลิกทำลาย

ทรงทำให้เนินดินและกำแพงคร่ำครวญ

เพราะทั้งสองสิ่งล้มลงพร้อมกัน

เตท      9ประตูเมืองแห่งศิโยนจมลงในพื้นดิน

พระองค์ทรงทำลายและหักดาลประตู

กษัตริย์และเจ้านายทั้งหลายแห่งศิโยนอยู่ในหมู่นานาชาติ

ไม่มีผู้ใดสอนธรรมบัญญัติ

แม้บรรดาประกาศกของเธอ

ก็ไม่ได้รับนิมิตจากพระยาห์เวห์อีก

โยด      10บรรดาผู้อาวุโสของธิดาแห่งศิโยน

นั่งเงียบอยู่บนพื้นดิน

โปรยฝุ่นดินบนศีรษะ

สวมผ้ากระสอบ

สาวพรหมจารีแห่งกรุงเยรูซาเล็ม

ก้มศีรษะมองพื้นดิน

คัฟ       11นัยน์ตาของข้าพเจ้าแดงก่ำเพราะร้องไห้

จิตใจวุ่นวาย

กำลังก็ทรุดลง

เพราะความพินาศของธิดาแห่งประชากรของข้าพเจ้า

เพราะเด็กและทารก

เป็นลมสลบอยู่ตามลานในเมือง

ลาเมด   12เด็กเหล่านี้ถามมารดาของตนว่า

“แม่จ๋า ข้าวและเหล้าองุ่นอยู่ที่ไหน”

เขาทั้งหลายหมดแรงล้มลงในลานเมือง

ดุจคนบาดเจ็บ

เขาสิ้นใจในอ้อมกอดของมารดา

เมม      13ธิดาแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย

ข้าพเจ้าจะนำสิ่งใดมาเปรียบกับเจ้าf บอกว่าเจ้าเหมือนกับสิ่งใดได้

ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยนเอ๋ย

ข้าพเจ้าจะนำเจ้าไปเปรียบกับสิ่งใดเพื่อจะปลอบโยนเจ้าได้

เพราะหายนะของเจ้ายิ่งใหญ่เหมือนทะเล

ผู้ใดจะรักษาเจ้าให้หายได้

นูน        14นิมิตที่บรรดาประกาศกบอกเจ้า

เป็นนิมิตหลอกลวง ไร้สาระ

เขาไม่ได้เปิดเผยความชั่วร้ายของเจ้า

เพื่อเปลี่ยนชะตากรรมของเจ้าg

แต่เขาประกาศนิมิตไร้สาระ

และทำให้หลงผิด

ซาเมค  15ทุกคนที่เดินผ่าน

ก็ปรบมือเยาะเย้ยเจ้า

เขาผิวปาก สั่นศีรษะ

เยาะเย้ยธิดาแห่งเยรูซาเล็ม พูดว่า

“นี่หรือคือเมืองที่คนทั้งหลายเคยเรียกว่างามพร้อม

เป็นความชื่นชมยินดีของทั่วแผ่นดิน”

เป         16ศัตรูทุกคนของเจ้าอ้าปากยั่วโทสะเจ้า

เขาผิวปากและยิงฟัน

พูดว่า “พวกเราได้กินเธอแล้ว

นี่เป็นวันที่เรารอคอย

วันนี้ก็มาถึง

เราได้เห็นแล้ว”

อายิน    17พระยาห์เวห์ทรงทำตามพระประสงค์

ทรงทำให้พระวาจา

ที่ทรงบัญชาไว้นานแล้วสำเร็จ

พระองค์ทรงทำลายโดยไร้พระเมตตา

ทรงทำให้ศัตรูยินดีที่ชนะเจ้า

ทรงชูกำลังคู่อริของเจ้า

ซาเด     18เชิงเทินของธิดาแห่งศิโยนhเอ๋ย

จงร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้า

จงหลั่งน้ำตาเหมือนลำธารทั้งวันทั้งคืน

อย่าหยุดหย่อนเลย

ดวงตาของเจ้าอย่าหยุดหลั่งน้ำตาเลย

โฆฟ     19จงลุกขึ้นร้องตะโกนในเวลากลางคืน

เมื่อผลัดเปลี่ยนยาม

จงระบายความในใจของเจ้าออกมาราวกับสายน้ำ

เฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า

จงชูมือขึ้นหาพระองค์

เพื่อขอชีวิตของบรรดาเด็กของเจ้า

ที่หิวจนเป็นลมสลบไป

ตามมุมถนนทุกแห่งi

เรช       20ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทอดพระเนตรเถิดว่า

พระองค์ทรงเคยทำเช่นนี้กับผู้ใดบ้าง

ผู้หญิงต้องกินลูกของตน

กินเด็กทารกที่ตนเลี้ยงดู

บรรดาสมณะและประกาศก

ถูกฆ่าในสักการสถานขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ชิน        21คนหนุ่มและคนแก่นอนอยู่ตามพื้นดินบนถนน

สาวพรหมจารีและชายหนุ่มของข้าพเจ้า

ถูกคมดาบล้มตาย

พระองค์ทรงฆ่าเขา

ในวันแห่งพระพิโรธ

ทรงสังหารโดยไร้พระเมตตา

เตา       22พระองค์ทรงเรียกความหวาดกลัวของข้าพเจ้าจากโดยรอบ

มาชุมนุมกันเหมือนในวันเทศกาล

ในวันแห่งพระพิโรธของพระยาห์เวห์

ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตหรือหลบหนีไปได้

ผู้ที่ข้าพเจ้าเคยโอบอุ้มและเลี้ยงดู

ศัตรูของข้าพเจ้าก็ได้ทำลายล้างจนหมด

 

2 a ในข้อ 1-12 ผู้ประพันธ์บรรยายถึงชะตากรรมของบรรดากษัตริย์ สมณะ ประกาศก ผู้ชรา และเด็กๆ แล้วจึงพูดกับศิโยนในข้อ 13-17 เขาเตือนเธอให้ระลึกว่าบรรดาประกาศกเทียมได้กล่าวมุสาอย่างไรบ้าง และเตือนเธอให้คร่ำครวญถึงชะตากรรมของเธอเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า (ข้อ 18-22)

b “แท่นรองพระบาท” ของพระยาห์เวห์คือพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็ม (ดู สดด 99:5; 132:7; อสค 43:7)

c เช่นเดียวกับใน ยรม 12:7; 30:14 พระยาห์เวห์ทรงถูกกล่าวถึงอย่างน่าเศร้าว่าทรงเป็นเสมือนศัตรูของประชากร

d “เหมือนสวนรกร้าง” บางคนคิดว่าถ้อยคำดั้งเดิมคือ “ประหนึ่งขโมย” แต่ต่อมาได้เปลี่ยนวลีนี้เพราะความเคารพต่อพระเจ้า ไม่กล่าวถึงพระองค์ในแง่ร้ายเกินไป

e แต่ที่จริงการโห่ร้องนี้เป็นการโห่ร้องฉลองชัยของศัตรู

f “เปรียบกับเจ้า” ตามสำนวนแปลภาษาละติน Vulgata ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “เป็นพยาน”

g “เปลี่ยนชะตากรรมของเจ้า” เป็นวลีที่ประกาศกเยเรมีย์ใช้บ่อยๆ วลีนี้ยังอาจมีความหมายอีกว่า “นำผู้ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยกลับมา”

h ภาพของ “เชิงเทิน” ดูเหมือนจะไม่เข้ากับบริบทนัก บางคนจึงเสนอให้อ่านคำ “homat” (เชิงเทิน) ว่า “hemi” (จงร้องคร่ำครวญ) แต่การคาดคะเนเช่นนี้ไม่มีต้นฉบับคัดลอกใดสนับสนุน

i “ที่หิวจนเป็นลมสลบไปตามมุมถนนทุกแห่ง” ข้อความสองบรรทัดนี้ขัดจังหวะของคำประพันธ์ น่าจะเป็นข้อความเสริมเข้ามาในภายหลัง และได้รับความคิดจากข้อ 11-12 ข้อความนี้มีอยู่ในต้นฉบับภาษากรีกด้วย

เพลงคร่ำครวญบทที่สามa


3
อาเลฟ 1ข้าพเจ้าเป็นคนที่ประสบความทุกข์

เพราะทรงลงโทษด้วยพระพิโรธ

2พระองค์ทรงนำและบังคับข้าพเจ้า

ให้เดินในความมืด ไม่ใช่ในความสว่าง

3ใช่แล้ว พระองค์ทรงยกพระหัตถ์

ตีข้าพเจ้าซ้ำแล้วซ้ำอีกตลอดวัน

เบท      4พระองค์ทรงทำให้เนื้อและหนังข้าพเจ้าเหี่ยวย่น

                    ทรงหักกระดูกของข้าพเจ้า

          5ทรงสร้างรั้วขังข้าพเจ้า

                    ทรงนำความขมขื่นและความทุกข์ยากล้อมข้าพเจ้าไว้b

          6ทรงบังคับข้าพเจ้าให้อยู่ในที่มืด

                    เหมือนคนที่ตายมานานแล้ว

            กีเมล    7พระองค์ทรงสร้างรั้วล้อมข้าพเจ้าไม่ให้ออกไป

ทรงตีตรวนหนักล่ามข้าพเจ้าไว้

8แม้ข้าพเจ้าจะร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ

พระองค์ก็ไม่ทรงฟังคำอธิษฐานภาวนาของข้าพเจ้า

9ทรงวางก้อนหินสกัดกั้นข้าพเจ้า

ทรงทำให้ทางเดินของข้าพเจ้าคดเคี้ยว

            ดาเลท  10พระองค์ทรงเป็นเหมือนหมีคอยตะครุบข้าพเจ้า

ทรงเป็นเหมือนสิงโตที่คอยซุ่มอยู่

11ทรงทำให้ข้าพเจ้าหลงทาง ทรงฉีกข้าพเจ้าเป็นชิ้นๆ

ทรงทำให้ข้าพเจ้าหมดกำลังใจ

12พระองค์ทรงโก่งธนู

และตั้งข้าพเจ้าไว้เป็นเป้าสำหรับลูกธนู

            เฮ         13พระองค์ทรงยิงลูกธนูจากแล่ง

แทงทะลุหัวใจของข้าพเจ้า

14ข้าพเจ้ากลายเป็นขี้ปากให้ประชากรทั้งหมดของข้าพเจ้าcหัวเราะเยาะ

เป็นเนื้อเพลงเยาะเย้ยที่เขาร้องเล่นตลอดวัน

15ทรงให้ข้าพเจ้ากินผักรสขมจนอิ่ม

กินบอระเพ็ดระงับความกระหาย

            วาว      16พระองค์ทรงให้ข้าพเจ้าเคี้ยวก้อนกรวดจนฟันหัก

ทรงเหยียบข้าพเจ้าให้จมอยู่ในกองขี้เถ้าd

17จิตวิญญาณของข้าพเจ้าขาดความสงบe

ข้าพเจ้าลืมว่าความสุขเป็นอย่างไร

18ข้าพเจ้าจึงคิดว่า “ความรุ่งเรืองของข้าพเจ้าสูญสิ้น

ความหวังในพระยาห์เวห์ก็ดับลง”

            ซาอิน    19การระลึกถึงความทุกข์ใจและไร้ที่อยู่ของข้าพเจ้า

เป็นเหมือนบอระเพ็ดและยาพิษ

20เมื่อจิตวิญญาณของข้าพเจ้าระลึกถึงสิ่งเหล่านี้

ก็มีแต่ความท้อแท้ในใจ

21ข้าพเจ้าระลึกถึงเรื่องนี้

จึงมีความหวังขึ้นมาบ้าง

            เคท      22ความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์ไม่เคยหยุด

พระเมตตาของพระองค์ไม่เคยหมดสิ้น

23เป็นของใหม่อยู่ทุกเช้า

ความซื่อสัตย์ของพระองค์fยิ่งใหญ่

24จิตใจข้าพเจ้าคิดว่า “พระยาห์เวห์ทรงเป็นส่วนมรดกของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าจะหวังในพระองค์”

            เตท      25พระยาห์เวห์ทรงดีต่อทุกคนที่หวังในพระองค์

ทรงดีต่อผู้ที่แสวงหาพระองค์

26เป็นการดีที่จะรอคอยอย่างเงียบๆ

ว่าพระยาห์เวห์จะประทานความรอดพ้น

27เป็นการดีสำหรับมนุษย์

ที่จะแบกแอกตั้งแต่วัยเยาว์

            โยด      28ให้เขานั่งเงียบๆ อยู่ตามลำพัง

เพราะพระองค์ทรงวางแอกนั้นให้เขา

29ให้เขาก้มหน้าจนปากจรดฝุ่นดิน

บางทียังอาจมีความหวัง

30ให้เขาเอียงแก้มแก่ผู้ที่ตบเขา

ยอมรับความอับอายอย่างเต็มเปี่ยมเถิด

            คัฟ       31เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า

ไม่ทรงละทิ้งผู้ใดตลอดไป

32แม้ทรงทำให้เกิดความเศร้าโศก พระองค์ก็จะทรงพระกรุณา

ตามความรักมั่นคงยิ่งใหญ่ของพระองค์

33พระองค์ไม่พอพระทัยที่จะก่อให้เกิดความทุกข์

หรือทำให้บุตรแห่งมนุษย์มีความโศกเศร้า

            ลาเมด   34เมื่อเชลยทุกคนในแผ่นดิน

ถูกเหยียบอยู่ใต้เท้า

35เมื่อสิทธิของมนุษย์ถูกล่วงละเมิด

เฉพาะพระพักตร์พระผู้สูงสุด

36เมื่อมนุษย์คนหนึ่งถูกคดโกงในการพิจารณาคดี

องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงเห็นดอกหรือ

            เมม      37ผู้ใดจะพูด และคำพูดนี้จะเป็นจริง

นอกจากองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงบัญชา

38ความชั่วร้ายและความดี

มาจากพระโอษฐ์ของพระผู้สูงสุดมิใช่หรือ

39ทำไมมนุษย์จึงพร่ำบ่น

เมื่อเขายังมีชีวิตอยู่แม้น่าจะถูกลงโทษเพราะได้ทำบาปg

            นูน        40พวกเราจงทดสอบและพิจารณาพฤติกรรมของเรา

และจงกลับมาหาพระยาห์เวห์เถิด

41พวกเราจงยกจิตใจและมือhของเรา

ขึ้นหาพระเจ้าแห่งสวรรค์ ทูลว่า

42“ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ทำบาปและเป็นกบฏ

พระองค์ยังไม่ทรงอภัย”

            ซาเมค  43“พระองค์ทรงห่มความกริ้วและไล่ตามข้าพเจ้าทั้งหลาย

ทรงฆ่าโดยไร้พระเมตตา

44พระองค์ทรงใช้เมฆคลุมพระองค์ไว้

คำอธิษฐานของข้าพเจ้าทั้งหลายจึงไม่ทะลุไปถึงพระองค์

45พระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นเหมือนหยากเยื่อและมูลฝอย

อยู่ในหมู่ชนชาติทั้งหลาย

            เป         46บรรดาศัตรู

อ้าปากสาปแช่งข้าพเจ้าทั้งหลาย

47ความหวาดกลัวและหลุมพรางมาถึงข้าพเจ้าทั้งหลายแล้ว

รวมทั้งการทำลายและความพินาศ

48น้ำตาของข้าพเจ้าไหลเหมือนลำธาร

เพราะความพินาศแห่งธิดาประชากรของข้าพเจ้า

            อายิน    49น้ำตาของข้าพเจ้าไหลไม่หยุด

ไม่ลดลงเลย

50จนกว่าพระยาห์เวห์จะทอดพระเนตร

เห็นจากสวรรค์

51นัยน์ตาของข้าพเจ้าทำให้ข้าพเจ้าเป็นทุกข์

เมื่อเห็นชะตากรรมของธิดาทั้งหลายแห่งเมืองของข้าพเจ้า

            ซาเด     52พวกที่เป็นศัตรูของข้าพเจ้าโดยไร้เหตุผล

ขับไล่ข้าพเจ้าเหมือนไล่นก

53เขาทั้งหลายขังข้าพเจ้าไว้ในหลุม

และเอาหินขว้างข้าพเจ้า

54น้ำขึ้นมาท่วมศีรษะของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าจึงทูลว่า “แย่แล้ว”

            โฆฟ     55ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าเรียกขาน

พระนามพระองค์จากหลุมลึก

56พระองค์ทรงได้ยินเสียงร้องทูลของข้าพเจ้า โปรดอย่าทรงปิดพระกรรณ

ไม่ฟังคำอธิษฐานภาวนาที่ข้าพเจ้าทูลขอความช่วยเหลือi

57พระองค์ทรงอยู่ใกล้ในวันที่ข้าพเจ้าร้องทูล

พระองค์ตรัสว่า “อย่ากลัวเลย”

            เรช       58ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงปกป้องคดีของข้าพเจ้า

ทรงไถ่ชีวิตjของข้าพเจ้า

59ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเห็นความผิดที่เขาทำต่อข้าพเจ้าแล้ว

โปรดประทานความเป็นธรรมให้ข้าพเจ้าเถิด

60พระองค์ทรงเห็นการแก้แค้นทั้งหลายของพวกเขา

ทรงเห็นแผนการทั้งหมดที่เขาจะทำร้ายข้าพเจ้า

            ชิน        61ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงได้ยินคำเยาะเย้ยของเขา

ทรงเห็นแผนการทั้งหมดที่เขาจะทำร้ายข้าพเจ้า

62ทรงได้ยินการกระซิบและการใส่ความ

ที่ศัตรูใส่ร้ายข้าพเจ้าอยู่ตลอดวัน

63โปรดทอดพระเนตรเห็นเขาทั้งหลายไม่ว่าจะนั่งหรือยืน

ข้าพเจ้าเป็นเพลงเยาะเย้ยของเขา

            เตา       64ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงตอบโต้เขาทั้งหลาย

ตามกิจการที่มือของเขาได้ทำเถิด

65โปรดทรงทำให้ใจของเขาแข็งกระด้าง

ขอทรงสาปแช่งเขาเถิด

66โปรดทรงไล่ตามเขาด้วยความกริ้ว

และทรงทำลายเขาไปจากใต้ฟ้าของพระองค์kเถิด

 

3 a ที่นี่ เช่นเดียวกับในเพลงสดุดีหลายบท คำอ้อนวอนส่วนตัวของปัจเจกบุคคลอาจขยายความ (ในข้อ 40-47) กลายเป็นคำอ้อนวอนส่วนรวม การบรรยายอย่างกว้างๆ ไม่เจาะจงในข้อ 22-39 สะท้อนความคิดหลักซึ่งมักจะพบได้ทั่วไปในวรรณกรรมประเภทปรีชาญาณ

b “ความทุกข์ยากล้อมข้าพเจ้าไว้” แปลโดยคาดคะเน ตามตัวอักษรว่า “ด้วยน้ำดีและความทุกข์ยาก” *** ความหมายของข้อนี้เข้าใจยาก ภาพของความเจ็บป่วยดูเหมือนจะถูกตามทันทีด้วยภาพของการล้อมเมือง แต่ตัวบทไม่แน่นอน

c “ขี้ปากให้ประชากรทั้งหมดของข้าพเจ้า” ต้นฉบับคัดลอกภาษาฮีบรูบางฉบับ และสำนวนแปลโบราณภาษาซีเรียค อ่านว่า “เป็นที่เยาะเย้ยของชนทุกชาติ” แสดงให้เห็นว่า ต่อมาได้เข้าใจกันว่า “คน” ในข้อ 1 ก็คือ “อิสราเอล”

d “เหยียบข้าพเจ้าให้อยู่ในกองขี้เถ้า” ต้นฉบับภาษากรีกว่า “ให้ข้าพเจ้ากินขี้เถ้า”

e “ข้าพเจ้าขาดความสงบ” ตามสำนวนแปลโบราณภาษาซีเรียค ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ท่านขาดความสงบ”

f “ความซื่อสัตย์ของพระองค์” (บุรุษที่ 3) แปลโดยคาดคะเน ในต้นฉบับภาษาฮีบรู “ของพระองค์” อยู่ในบุรุษที่ 2 ข้อ 22-24 ไม่มีในต้นฉบับภาษากรีก

g ข้อนี้แปลโดยคาดคะเน ตามตัวอักษรว่า “ทำไมมนุษย์ที่มีชีวิตจึงพร่ำบ่นชายฉกรรจ์เกี่ยวกับบาปของตน”

h “และมือ” ตามสำนวนแปลภาษาละตินฉบับ Vulgata ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ไปยังมือ”

i “คำอธิษฐานภาวนาที่ข้าพเจ้าทูลขอความช่วยเหลือ” แปลตามต้นฉบับภาษากรีก ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “เพื่อช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น”

j พระเจ้าทรงเป็น “ผู้ไถ่” (go’el) ของผู้ที่วางใจในพระองค์ (ดู นรธ 2:20 เชิงอรรถ I; อสย 41:14 เชิงอรรถ g)

k “ฟ้าของพระองค์” ตามฉบับคัดลอกภาษากรีกหลายฉบับ และสำนวนแปลโบราณภาษาซีเรียค ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ฟ้าของพระยาห์เวห์”

เพลงคร่ำครวญบทที่สี่

 

4 อาเลฟ 1อนิจจาเอ๋ย ทองคำหมองไป

ทองคำบริสุทธิ์เปลี่ยนไปได้อย่างไร

เพชรพลอยศักดิ์สิทธิ์aถูกทิ้ง

กระจัดกระจายอยู่ตามทุกมุมถนน

            เบท      2ลูกหลานของศิโยน

ประเสริฐเหมือนทองคำบริสุทธิ์

                   ถูกตีราคาเท่ากับหม้อดิน

                             ซึ่งเป็นผลงานของช่างหม้อได้อย่างไร

            กีเมล    3แม้แต่หมาในก็ยังให้ลูกดูดเต้านม

                             แต่ธิดาแห่งประชากรของข้าพเจ้าใจร้าย

                   เหมือนนกกระจอกเทศในถิ่นทุรกันดาร

            ดาเลท  4ลิ้นของทารกที่ยังไม่หย่านม

                             ติดเพดานปากเพราะความกระหาย

                   เด็กๆ ขออาหาร

                             แต่ไม่มีผู้ใดยื่นอาหารให้

            เฮ         5ผู้ที่เคยกินอาหารเลิศรส

                             บัดนี้ต้องนอนตายอยู่ตามถนน

                   ผู้ที่เคยถูกเลี้ยงดูอย่างหรูหรา

                             กลับต้องนอนกอดกองขยะ

            วาว      6ความชั่วร้ายของธิดาประชากรของข้าพเจ้า

มีมากกว่าบาปของเมืองโสโดม

ซึ่งถูกทำลายในพริบตาเดียว

โดยไม่มีมือใดมาแตะต้อง

            ซาอิน    7บรรดาเจ้านายbหนุ่มเคยสดใสยิ่งกว่าหิมะ

                             ขาวกว่าน้ำนม

                   ร่างกายเปล่งปลั่งยิ่งกว่าปะการัง

                             รูปร่างงามดั่งอัญมณีสีน้ำเงิน

            เคท      8แต่บัดนี้ใบหน้าของเขาดำยิ่งกว่าเขม่า

                             ตามถนนไม่มีผู้ใดจำเขาได้

                   ผิวหนังของเขาเหี่ยวหุ้มกระดูก

                             แห้งเหมือนไม้

            เตท      9ผู้ถูกฆ่าด้วยคมดาบยังดีกว่า

                             ผู้ตายเพราะอดอาหาร

                   เขาค่อยๆ หมดแรงไปc

                             เพราะขาดผลผลิตจากทุ่งนา

            โยด      10แม้แต่หญิงที่อ่อนโยน

                             ก็ยังต้มลูกของตนด้วยมือเพื่อเป็นอาหาร

                             ในยามที่ธิดาแห่งประชากรของข้าพเจ้าต้องประสบหายนะ

            คัฟ       11พระยาห์เวห์ทรงเทพระพิโรธจนหมด

                             ทรงหลั่งความเกรี้ยวกราด

                   ทรงจุดไฟในศิโยน

                             ซึ่งเผาผลาญรากฐานของเมือง

            ลาเมด   12บรรดากษัตริย์ของแผ่นดินไม่ทรงเชื่อ

                             เช่นเดียวกับทุกคนที่อาศัยในโลก

                   ว่าคู่อริและศัตรูจะเข้าไปในประตูกรุงเยรูซาเล็ม

            เมม      13สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะบาปของบรรดาประกาศกแห่งศิโยน

                             เพราะความผิดของบรรดาสมณะ

                   ที่ได้หลั่งโลหิตผู้ชอบธรรมภายในเมือง

            นูน        14คนเหล่านี้เดินสะเปะสะปะ

เหมือนคนตาบอดตามถนน

เปรอะเปื้อนโลหิต

จนไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องเสื้อผ้าของเขา

            ซาเมค  15ผู้คนร้องบอกเขาว่า “ท่านมีมลทิน จงออกไป

จงออกไปห่างๆ อย่ามาแตะต้องเรา”

เขาต้องหนีไปเป็นคนเร่ร่อน

ชนชาติต่างๆ พูดกันว่า “เขาอาศัยอยู่ที่นี่อีกต่อไปไม่ได้”d

            เป         16พระพักตร์พระยาห์เวห์ทำให้เขาต้องกระจัดกระจายไป

                             พระองค์จะไม่สนพระทัยเขาอีก

                   ไม่มีผู้ใดเคารพนับถือบรรดาสมณะ

                             ไม่มีผู้ใดสงสารผู้อาวุโส

            อายิน    17นัยน์ตาของพวกเรายังมองหาความช่วยเหลือ

จนเหนื่อยล้า แต่ไร้ผล

จากหอคอย เรามองหาชนชาติหนึ่ง

แต่ชนชาตินี้ก็ช่วยเราให้รอดพ้นไม่ได้e

            ซาเด     18เขาทั้งหลายสะกดรอยตามเรา

จนพวกเราเดินที่ลานสาธารณะไม่ได้

จุดจบของเราใกล้เข้ามาแล้ว

วันของเราครบแล้ว

วาระสุดท้ายของเรามาถึงแล้ว

            โฆฟ     19ผู้ไล่ตามเราเร็วกว่า

นกอินทรีบนท้องฟ้า

เขาทั้งหลายไล่ตามพวกเราบนภูเขา

ซุ่มคอยจับเราในถิ่นทุรกันดาร

            เรช       20ผู้ที่พระยาห์เวห์ทรงเจิมไว้f ซึ่งเป็นลมปราณแห่งชีวิตของพวกเรา

ก็ตกในหลุมพรางของเขาทั้งหลาย

พวกเราเคยคิดถึงผู้รับเจิมนั้นว่า “เราจะดำรงชีวิตในหมู่นานาชาติ

ใต้ร่มเงาของพระองค์ท่าน”

            ชิน        21ธิดาแห่งเอโดมผู้อาศัยอยู่ในแผ่นดินอูสgเอ๋ย

จงเปรมปรีดิ์และยินดีเถิด

ถ้วยใบนั้นจะส่งผ่านมาถึงท่านด้วย

ท่านจะต้องมึนเมา และจะต้องเปลือยกาย

            เตา       22ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย การลงโทษความผิดของท่านครบแล้ว

พระองค์จะไม่ทรงส่งท่านให้เป็นเชลยอีก

แต่ธิดาแห่งเอโดมเอ๋ย ความผิดของท่านจะถูกลงโทษ

บาปของท่านจะถูกเปิดเผย

 

4 a ทองคำและเพชรพลอยศักดิ์สิทธิ์เป็นสัญลักษณ์หมายถึงผู้อาศัยในกรุงเยรูซาเล็ม

b “เจ้านาย” แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “นาศีร์” *** “รูปร่าง” แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับภาษาฮีบรูไม่ชัดเจน สำนวนแปลต่างๆ จึงไม่ตรงกัน

c “หมดแรงไป” แปลตามตัวอักษรว่า “ถูกแทงไหลไป”

d “อาศัย...ต่อไปไม่ได้” คนผิดเป็นเหมือนกับคนโรคเรื้อน จึงอาศัยอยู่ในสังคมไม่ได้

e “ชนชาตินี้ก็ช่วยเราให้รอดพ้นไม่ได้” หมายถึงชาวอียิปต์ ซึ่งเคยเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรยูดาห์ในสงครามครั้งก่อน

f “ผู้ที่พระยาห์เวห์ทรงเจิมไว้” คือกษัตริย์เศเดคียาห์ (ดู 2 พกษ 25:6) *** “ลมปราณแห่งชีวิต” แปลตามตัวอักษรว่า “จิตจากรูจมูก” บางคนแปลว่า “ความหวังของเรา”

g “แผ่นดินอูส” (ดู ปฐก 36:28; โยบ 1:1) แทนที่จะช่วยเหลืออาณาจักรยูดาห์ซึ่งพ่ายแพ้ข้าศึก ชนชาติใกล้เคียง คือชาวโมอับ อัมโมน และโดยเฉพาะชาวเอโดม กลับเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากหายนะนี้ (ดู อสย 34:5 เชิงอรรถ b) ดังนั้น ข้อเขียนของบรรดาประกาศกในสมัยหลังเนรเทศจึงมีคำสาปแช่งเอโดมอยู่บ่อยๆ (ดู อสย 34; อสค 25)

เพลงคร่ำครวญบทที่ห้าa

 

5 1ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงระลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าทั้งหลาย

                    โปรดทอดพระเนตรเห็นความอัปยศของข้าพเจ้าทั้งหลายเถิด

2มรดกของข้าพเจ้าทั้งหลายตกเป็นของชนต่างชาติแล้ว

บ้านก็ตกเป็นของคนต่างด้าว

3ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นลูกกำพร้าไม่มีพ่อ

แม่ก็กลายเป็นม่าย

4น้ำของเราก็ต้องซื้อเขาดื่ม

ฟืนของเราก็ต้องซื้อเขาใช้

5ผู้เบียดเบียนวางแอกbไว้บนคอของข้าพเจ้าทั้งหลาย

ข้าพเจ้าทั้งหลายอ่อนล้า พักผ่อนไม่ได้เลย

6ข้าพเจ้าทั้งหลายยื่นมือขออาหารจากชาวอียิปต์และอัสซีเรีย

เพื่อจะได้กินให้อิ่มc

7บรรพบุรุษทำบาปและตายไปแล้ว

แต่ข้าพเจ้าทั้งหลายต้องรับโทษเพราะความผิดของเขาd

8บรรดาทาสeปกครองข้าพเจ้าทั้งหลาย

ไม่มีผู้ใดช่วยให้พ้นมือของเขาได้

9ข้าพเจ้าทั้งหลายต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อได้อาหารกิน

ต้องเผชิญกับดาบของโจรในถิ่นทุรกันดาร

10ผิวหนังร้อนปานเตาอบ

การขาดแคลนอาหารเผาข้าพเจ้าทั้งหลายเหมือนเตาไฟ

11เขาทั้งหลายข่มขืนพวกผู้หญิงในศิโยน

ข่มขืนสาวพรหมจารีตามหัวเมืองแห่งยูดาห์

12บรรดาเจ้านายถูกแขวนคอf

ไม่มีผู้ใดเคารพบรรดาผู้อาวุโส

13บรรดาชายหนุ่มถูกบังคับให้โม่แป้ง

พวกเด็กๆ ต้องแบกฟืนหนักล้มลุกคลุกคลาน

14บรรดาผู้อาวุโสไม่ไปอยู่ที่ประตูเมืองอีก

บรรดาชายหนุ่มก็เลิกเล่นดนตรี

15ความยินดีหายไปจากใจข้าพเจ้าทั้งหลาย

การเต้นรำก็กลายเป็นการไว้ทุกข์

16มงกุฎตกจากศีรษะข้าพเจ้าทั้งหลาย

วิบัติจงเกิดแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย เพราะได้ทำบาป

17เพราะเหตุนี้ จิตใจข้าพเจ้าทั้งหลายจึงเจ็บป่วย

นัยน์ตาก็มืดมัว

18เพราะภูเขาศิโยนรกร้าง

พวกหมาในจึงมาเดินเพ่นพ่านอยู่บนนั้น

19แต่พระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ทรงปกครองอยู่ตลอดไป

พระบัลลังก์ของพระองค์ดำรงอยู่ทุกยุคทุกสมัยg

20เหตุไฉนพระองค์จึงทรงลืมข้าพเจ้าทั้งหลายตลอดไป

ทำไมจึงทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นเวลานาน

21ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้กลับมาพบพระองค์

แล้วข้าพเจ้าทั้งหลายก็จะกลับมา

โปรดทรงรื้อฟื้นวันเวลาของข้าพเจ้าทั้งหลายให้เป็นเหมือนเดิมเถิด

22เพราะพระองค์ไม่ทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าทั้งหลายตลอดไป

ไม่กริ้วข้าพเจ้าทั้งหลายอย่างไร้ขอบเขต

 

5 a เพลงคร่ำครวญบทที่ 5 นี้ ในสำนวนแปลภาษาละตินฉบับ Vulgata มีชื่อว่า “คำอธิษฐานภาวนาของ(ประกาศก)เยเรมีย์”

b “แอก” (col) คำนี้ไม่มีในต้นฉบับภาษาฮีบรู เพราะคำต่อมา คือ “บน” (cal) มีพยัญชนะเดียวกัน (c–l) ผู้คัดลอกจึงเขียนเพียงครั้งเดียว (haplography)

c บัดนี้ชาวอิสราเอลต้องขอความช่วยเหลือจากศัตรู (อียิปต์และอัสซีเรีย) เพื่อความอยู่รอด “อัสซีเรีย” ที่นี่เป็นคำที่ใช้เป็นสูตรและหมายถึงชาวบาบิโลน (ดู ยรม 2:18)

d ผู้เขียนเข้าใจว่าหายนะในปัจจุบันเป็นการลงโทษประชากรส่วนรวมเพราะบาปของบรรพบุรุษ เวลานั้นชาวอิสราเอลยังไม่เข้าใจหลักการเรื่องการตอบแทนการกระทำของแต่ละคนชัดเจนนัก (ดู อสค 14:12 เชิงอรรถ d)

e “บรรดาทาส” หมายถึงบรรดาข้าราชการชาวเคลเดีย คำว่า “ทาส” หมายถึง “ข้าราชบริพาร” ของกษัตริย์ ถูกใช้ที่นี่เป็นการเยาะเย้ย

f “แขวนคอ” ตามตัวอักษรว่า “ถูกแขวนโดยมือของพวกเขา” ไม่แน่ คำว่า “มือ” ที่นี่ หมายถึงมือของ “ผู้แขวน” หรือหมายถึงมือของ “ผู้ถูกแขวน”

g แม้ว่าพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็มถูกทำลายแล้ว แต่พระยาห์เวห์ซึ่งทรงพระอานุภาพและสิริรุ่งโรจน์ ยังทรงครองราชย์ตลอดไปในสวรรค์

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก