“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

หนังสือประกาศกเศคาริยาห์

  1. บทที่ 1
  2. บทที่ 2
  3. บทที่ 3
  4. บทที่ 4
  5. บทที่ 5
  6. บทที่ 6
  7. บทที่ 7
  8. บทที่ 8
  9. บทที่ 9
  10. บทที่ 10
  11. บทที่ 11
  12. บทที่ 12
  13. บทที่ 13
  14. บทที่ 14

ภาคแรก

 

การเรียกให้กลับใจ

1 1เดือนที่แปดa ปีที่สองในรัชสมัยกษัตริย์ดาริอัส พระยาห์เวห์ตรัสกับประกาศกเศคาริยาห์บุตรเบเรคิยาห์b บุตรอิดโดว่า 2“พระเจ้ากริ้วบรรพบุรุษของท่านทั้งหลายอย่างยิ่ง 3จงบอกเขาทั้งหลายว่า พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสดังนี้ จงกลับมาหาเรา พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัส และเราจะกลับมาหาท่าน พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัส 4อย่าเป็นเหมือนบรรพบุรุษของท่าน บรรดาประกาศกก่อนหน้านี้ประกาศแก่เขาว่า ‘พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสดังนี้ จงหันกลับจากความประพฤติชั่ว และจากกิจการชั่วของท่านเถิด’ แต่เขาไม่ยอมฟังและไม่ตั้งใจฟังเรา พระยาห์เวห์ตรัส 5เวลานี้บรรพบุรุษของท่านอยู่ที่ไหน บรรดาประกาศกมีชีวิตอยู่ตลอดไปหรือ 6แต่ถ้อยคำและข้อกำหนดที่เราได้สั่งให้บรรดาประกาศกผู้รับใช้ของเราประกาศนั้น ได้ตามบรรพบุรุษของท่านทันมิใช่หรือ”c

          เขาจึงกลับใจและพูดว่า “พระยาห์เวห์จอมจักรวาลทรงกระทำกับเราตามที่ทรงประสงค์และตามที่ความประพฤติและกิจการของเราสมควรจะได้รับ”

นิมิตครั้งแรก คนขี่ม้า

            7วันที่ยี่สิบสี่ เดือนสิบเอ็ด คือเดือนเชบัท ปีที่สองในรัชสมัยกษัตริย์ดาริอัสd พระยาห์เวห์ตรัสกับประกาศกเศคาริยาห์บุตรเบเรคิยาห์ บุตรอิดโด ประกาศกจึงพูดว่า 8“ข้าพเจ้าเห็นนิมิตเวลากลางคืน ข้าพเจ้าเห็นชายคนหนึ่งขี่ม้าสีแดงที่ยืนอยู่ในหมู่ต้นน้ำมันเขียวในหุบเขาลึก มีม้าสีแดง สีน้ำตาลเข้ม และสีขาวeอยู่ด้านหลัง 9ข้าพเจ้าจึงถามว่า ‘นายครับ ม้าเหล่านี้หมายถึงอะไร’ ทูตสวรรค์ที่พูดกับข้าพเจ้าก็ตอบว่า ‘เราจะแสดงให้ท่านรู้ว่าม้าเหล่านี้หมายถึงอะไร’ 10ชายที่ยืนอยู่ในหมู่ต้นน้ำมันเขียวตอบว่า ‘ม้าเหล่านี้คือผู้ที่พระยาห์เวห์ทรงส่งมาตรวจตราแผ่นดิน’ 11บรรดาผู้ขี่ม้าตอบทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์f ซึ่งยืนอยู่ในหมู่ต้นน้ำมันเขียวว่า ‘พวกเราได้ตรวจตราแผ่นดินแล้ว ทั่วแผ่นดินมีความสงบและสันติ’g 12ทูตสวรรค์ของพระเจ้าจึงพูดว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์จอมจักรวาล พระองค์จะไม่ทรงเมตตากรุงเยรูซาเล็มและหัวเมืองแห่งยูดาห์อีกนานเท่าใด พระองค์กริ้วเขามาถึงเจ็ดสิบปีแล้ว’ 13พระยาห์เวห์ตรัสตอบทูตสวรรค์ที่พูดกับข้าพเจ้าด้วยพระวาจาที่อ่อนโยนและให้กำลังใจ 14ทูตสวรรค์ที่พูดกับข้าพเจ้าจึงบอกข้าพเจ้าว่า ‘จงร้องประกาศว่า พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสดังนี้ เราหวงแหนกรุงเยรูซาเล็มและศิโยนอย่างยิ่ง 15แต่เราโกรธนานาชาติhอย่างมากที่บัดนี้อยู่สุขสบาย ก่อนหน้านี้เราโกรธเพียงเล็กน้อย แต่เขากลับทำร้ายมากเกินไป 16พระยาห์เวห์จึงตรัสดังนี้ เรากลับมาหากรุงเยรูซาเล็มด้วยความกรุณา บ้านของเราจะถูกสร้างขึ้นใหม่ที่นั่น พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัส เขาจะขึงเชือกรังวัดไว้เหนือกรุงเยรูซาเล็ม 17จงร้องประกาศอีกว่า พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสดังนี้ เมืองต่างๆ ของเราจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งหนึ่ง พระยาห์เวห์จะทรงปลอบโยนศิโยนอีก และจะทรงเลือกสรรกรุงเยรูซาเล็มอีกครั้งหนึ่ง’”

 

1 a ตรงกับเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ปี 520 ก่อน ค.ศ. 2 เดือนหลังคำประกาศพระวาจาครั้งแรกของประกาศกฮักกัย

b “บุตรเบเรคิยาห์” เป็นวลีที่ผู้คัดลอกเสริมเข้ามาโดยอิทธิพลจาก อสย 8:2 แต่ตาม อสร 5:1; 6:14; นหม 12:16 เศคาริยาห์เป็นบุตร (ไม่ใช่หลานปู่) ของอิดโด

c มนุษย์ต้องตาย แต่พระวาจาของพระเจ้าดำรงอยู่ตลอดไป (ที่นี่ “พระวาจา” ถูกกล่าวถึงเป็นเหมือน “บุคคล” หนึ่ง เหมือนใน สดด 147:15; ปชญ 18:14-15; อสย 55:11; เทียบ อสย 40:7-8)

d ตรงกับกลางเดือนกุมภาพันธ์ ปี 519 ก่อน ค.ศ.

e นิมิตนี้ใช้องค์ประกอบบางประการจากตำนานเทพ เชื่อกันว่า “ต้นน้ำมันเขียว” (myrtle) มีรากหยั่งลึกลงไปถึงก้นมหาสมุทร “ชายที่ยืนอยู่” คือทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ “ม้า” เป็นสัญลักษณ์หมายถึง “ทูตสวรรค์” ซึ่งคอยเฝ้าดูแลโลก และมี 4 กลุ่ม (ดู 6:2ฯ) (บางทีอาจต้องเพิ่ม “(ม้า)ดำ” เข้าไปด้วย ตามต้นฉบับภาษากรีก) ที่เกี่ยวข้องกับสี่ทิศของโลก ตามข้อ 11 ม้าทั้งสี่ตัวมีผู้ขี่ด้วย

f ในข้อเขียนโบราณ (ดู ปฐก 16:7 เชิงอรรถ c) “ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์” หมายถึงพระยาห์เวห์เองในลักษณะที่มองเห็นได้ แต่ในข้อเขียนสมัยต่อมาเช่นที่นี่ “ทูตสวรรค์” องค์นี้กลายเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่มนุษย์และทูตสวรรค์อื่นๆ ต้องเข้าไปพึ่งพาเพื่อจะเข้าถึงพระเจ้าได้

g เดือนกุมภาพันธ์ ปี 519 ก่อน ค.ศ. ในรัชสมัยของกษัตริย์ดาริอัส มีสันติภาพทั่วโลก อิสราเอลเห็นว่าสันติภาพนี้ทำให้มีความกังวลใจ เพราะทุกคนคาดว่าความวุ่นวายครั้งใหญ่ (ดู ฮกก 2:6 เชิงอรรถ c) จะต้องเกิดขึ้นเพื่อบอกล่วงหน้าถึงยุคใหม่

h ชนชาติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่เป็นเพื่อนบ้านของอิสราเอล

นิมิตครั้งที่สอง เขาสัตว์และช่างเหล็ก

2 1ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นก็เห็นเขาสัตว์สี่เขาa 2ข้าพเจ้าถามทูตสวรรค์ที่พูดกับข้าพเจ้าว่า “เขาสัตว์เหล่านี้หมายถึงอะไร” เขาตอบว่า “เขาสัตว์เหล่านี้หมายถึงผู้ที่ขวิดชาวยูดาห์ อิสราเอลb และกรุงเยรูซาเล็มให้กระจัดกระจายไป” 3แล้วพระยาห์เวห์ทรงแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นช่างเหล็กสี่คนc 4ข้าพเจ้าถามว่า “คนเหล่านี้มาทำอะไรกัน” เขาตอบว่า “เขาสัตว์เหล่านี้มาขวิดชาวยูดาห์ให้กระจัดกระจายไป จนไม่มีผู้ใดกล้ายกศีรษะขึ้น ช่างเหล็กเหล่านี้จึงมาทำให้เขาสัตว์หวาดกลัว และทำลายเขาสัตว์ของนานาชาติที่มาขวิดแผ่นดินยูดาห์ให้กระจัดกระจายไป”

นิมิตครั้งที่สาม ผู้ถือเชือกรังวัด

            5ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นก็เห็นชายคนหนึ่งถือเชือกรังวัด 6ข้าพเจ้าจึงถามว่า “ท่านจะไปไหน” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าจะไปรังวัดกรุงเยรูซาเล็มดูว่ากว้างเท่าใด ยาวเท่าใด”d 7ทูตสวรรค์ที่เคยพูดกับข้าพเจ้าออกไป ทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งก็ออกมาพบเขา 8และบอกว่า “จงวิ่งไปบอกชายหนุ่มeคนนั้นว่า ‘กรุงเยรูซาเล็มจะไม่มีกำแพง เพราะจะต้องรับผู้คนและสัตว์เลี้ยงจำนวนมากให้เข้ามาอาศัยอยู่ 9เราเองจะเป็นกำแพงเพลิงล้อมกรุงนี้ไว้ พระยาห์เวห์ตรัส และจะเป็นสิริรุ่งโรจน์ในเมืองนี้f’”

คำตักเตือนผู้กลับมาจากแดนเนรเทศ

            10เร็วเข้า เร็วเข้า จงหนีจากแผ่นดินทางทิศเหนือ

พระยาห์เวห์ตรัส

เพราะเราได้ทำให้ท่านทั้งหลายกระจัดกระจายออกไปตามลมทั้งสี่ทิศ

พระยาห์เวห์ตรัส

11เร็วเข้า ศิโยนเอ๋ยg จงหนีเอาตัวรอดเถิด

ท่านทั้งหลายที่ยังอาศัยอยู่กับธิดาแห่งบาบิโลน

12เพราะพระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสดังนี้

พระผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์ทรงส่งข้าพเจ้า

ไปหานานาชาติที่ได้ปล้นท่าน ให้บอกว่า

“ผู้ใดได้แตะต้องท่านก็แตะต้องแก้วตาของเรา”h

13ดูซิ เราจะโบกมือเหนือเขาทั้งหลาย

เขาจะเป็นของถูกปล้นสำหรับผู้ที่เขาเคยจับเป็นทาส

แล้วท่านจะรู้ว่าพระยาห์เวห์จอมจักรวาลทรงส่งข้าพเจ้ามา

14ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงเปล่งเสียงยินดีและจงเปรมปรีดิ์เถิด

เพราะบัดนี้เรากำลังมาและจะอยู่ในหมู่ท่านทั้งหลาย

พระยาห์เวห์ตรัส

15วันนั้น ชนหลายชาติจะมารวมอยู่กับพระยาห์เวห์

และจะเป็นประชากรของเราi

เราจะอยู่ในหมู่ท่านทั้งหลาย

แล้วท่านจะรู้ว่าพระยาห์เวห์จอมจักรวาลทรงส่งข้าพเจ้ามาหาท่าน

16พระยาห์เวห์จะทรงยึดยูดาห์เป็นกรรมสิทธิ์

จะทรงรับเป็นส่วนมรดกในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์j

และจะทรงเลือกกรุงเยรูซาเล็มอีกครั้งหนึ่ง

17มนุษย์ทุกคนจงเงียบเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์เถิด

เพราะพระองค์ทรงตื่นขึ้นจากที่ประทับศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

2 a “เขาสัตว์” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์หมายถึงพลัง (สดด 75:4 เชิงอรรถ c) คือชนชาติต่างๆ ที่เป็นศัตรูกับยูดาห์ เลข “สี่” เป็นสัญลักษณ์หมายถึงความสมบูรณ์ จึงหมายถึง “ชนทุกชาติ”

b “อิสราเอล” น่าจะเป็นข้อความที่ผู้คัดลอกเสริมเข้ามา (เทียบข้อ 4)

c “ช่างเหล็ก” เป็นสัญลักษณ์หมายถึงอำนาจของทูตสวรรค์

d เช่นเดียวกับใน อสค 41:13 การรังวัดถูกจัดให้มีขึ้นเพื่อจะได้ก่อสร้างใหม่ ผู้ที่รังวัดนี้คือ “ทูตสวรรค์”

e “ชายหนุ่ม” ก็คือทูตสวรรค์ที่ถือเชือกรังวัด

f พระยาห์เวห์เองจะทรงปกป้องกรุงเยรูซาเล็มในยุคพระเมสสิยาห์เมื่อพระองค์จะเสด็จมาประทับในพระวิหารอีก (ดู อสค 43:1ฯ)

g “ศิโยน” ที่นี่หมายถึงผู้ถูกกวาดต้อนเป็นเชลยไปในแดนเนรเทศ เช่นเดียวกับใน อสย 51:16

h “แก้วตาของเรา” ตามต้นฉบับภาษาฮีบรูดั้งเดิม แต่ผู้คัดลอกได้แก้ไขในตัวบท MT เป็น “แก้วตาของพระองค์” เพื่อไม่ให้พระเจ้าตรัสเหมือนกับว่าทรงเป็นมนุษย์ (anthropomorphism)

i ที่นี่พระเจ้าทรงขยายพันธสัญญาของพระองค์ออกไปกับชนทุกชาติ กรุงเยรูซาเล็มจะเป็นศูนย์กลางทางศาสนาของชนทั่วโลก (ดู อสย 45:14 เชิงอรรถ h)

j “แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์” วลีนี้พบเป็นครั้งแรกที่นี่ในพระคัมภีร์ (เทียบ 2 มคบ 1:7)

นิมิตครั้งที่สี่ - การแต่งตั้งโยชูวาเป็นมหาสมณะ

3 1แล้วพระยาห์เวห์aทรงแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นโยชูวามหาสมณะ ซึ่งยืนอยู่หน้าทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ ซาตานยืนอยู่ข้างขวาเพื่อกล่าวหาเขาb 2ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์cพูดกับซาตานว่า “ซาตานเอ๋ย ขอให้พระยาห์เวห์ตรัสห้ามเจ้าไม่ให้พูด ขอพระยาห์เวห์ผู้ทรงเลือกสรรกรุงเยรูซาเล็มทรงห้ามเจ้าไม่ให้พูดเถิด ผู้นี้เป็นเหมือนดุ้นฟืนที่ฉวยออกมาจากไฟdมิใช่หรือ” 3ขณะนั้น โยชูวากำลังสวมอาภรณ์สกปรกยืนอยู่หน้าทูตสวรรค์ 4ซึ่งพูดกับผู้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าตนว่า “จงเปลื้องอาภรณ์สกปรกeออกไปจากเขา” แล้วทูตสวรรค์พูดกับโยชูวาว่า “ดูซิ ข้าพเจ้าได้ลบล้างความผิดของท่าน และให้ท่านสวมfอาภรณ์ชุดวันฉลอง” 5เขายังพูดอีกว่า “ท่านทั้งหลายจงนำผ้าสะอาดมาโพกศีรษะของเขา” เขาเหล่านั้นก็นำผ้าสะอาดมาโพกศีรษะและให้เขาสวมอาภรณ์สะอาดgต่อหน้าทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ซึ่งยืนอยู่ 6ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์บอกโยชูวาว่า 7“พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสดังนี้ ถ้าท่านดำเนินในหนทางของเรา และรักษากฎเกณฑ์ของเรา ท่านจะปกครองบ้านของเราและดูแลลานบ้านของเรา เราจะให้ท่านมีสิทธิเดินเข้าไปในหมู่ของผู้ที่ยืนอยู่เหล่านี้h 8โยชูวามหาสมณะเอ๋ย จงฟังเถิด ทั้งท่านและเพื่อนสมณะที่นั่งอยู่ต่อหน้าท่าน เพราะคนเหล่านี้เป็นนิมิตดี ดูซิ เราจะส่งผู้รับใช้ของเรามา ผู้มีชื่อว่า ‘หน่อ’i 9ดูซิ นี่คือศิลาที่เราตั้งไว้ต่อหน้าโยชูวา เป็นศิลาก้อนเดียวที่มีเจ็ดตา เราจะสลักข้อความไว้บนศิลานี้j พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัส และจะลบล้างความผิดของแผ่นดินนี้ออกไปในวันเดียว 10วันนั้น พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัส ท่านแต่ละคนจะเชิญเพื่อนบ้านให้มานั่งอยู่ใต้เถาองุ่นและใต้ต้นมะเดื่อเทศ”

3 a “พระยาห์เวห์” ตามตัวอักษรว่า “เขา” หรือ “พระองค์”

b ที่ประตูสวรรค์ (คล้ายกับที่ประตูเมืองของชาวอิสราเอล) ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์เป็นผู้พิพากษาพิจารณาตัดสินคดี ทางด้านขวาของมหาสมณะมีทูตสวรรค์ที่ประสงค์ร้ายและเป็นศัตรูของมนุษยชาติ หรือ “ซาตาน” ยืนอยู่ “ซาตาน” แปลว่า “ผู้กล่าวหา” (ดู โยบ 1:6 เชิงอรรถ g)

c “ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์” ตามต้นฉบับภาษาซีเรียค ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “พระยาห์เวห์”

d โยชูวาเป็นผู้แทนของประชากรชาวยิว

e “อาภรณ์สกปรก” เป็นเครื่องหมายของการไว้ทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นการไว้ทุกข์ให้ผู้ตาย หรือไว้ทุกข์ให้แก่หายนะของชาติ ซึ่งในกรณีหลังนี้ หมายความว่าเป็นการยอมรับความผิดด้วย (ดู ข้อ 4ข)

f “(ข้าพเจ้า)ให้ท่านสวม” บางคนแปลตามต้นฉบับภาษากรีกว่า “ให้เขาสวม”

g “อาภรณ์สะอาด” ตามต้นฉบับภาษาซีเรียค ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “อาภรณ์” **** ช่วงเวลาที่ชนทั้งชาติต้องไว้ทุกข์ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 587 ก่อน ค.ศ. บัดนี้จบลงแล้ว

h ที่นี่พระเจ้าไม่ตรัสกับโยชูวาในฐานะผู้แทนของประชากร แต่ทรงสัญญากับโยชูวาโดยเฉพาะ และกับบรรดาสมณะในอนาคตที่พระองค์ทรงมองเห็นเป็นลางดี (ดู 3:8) และจะมีส่วนในบทบาทของบรรดาทูตสวรรค์ ซึ่งเป็นคนกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ (เทียบ มลค 2:7)

i “หน่อ” ซึ่งเป็นสมญาของพระเมสสิยาห์นี้ (ดู ยรม 23:5 เชิงอรรถ a) ดูเหมือนยังไม่ถูกใช้กับเศรุบบาเบลอย่างที่กล่าวถึงใน ศคย 6:12 **** แทน “หน่อ” ต้นฉบับภาษากรีกอ่านว่า “อรุโณทัย” (เทียบ ลก 1:78)

j “ศิลา” นี้ดูเหมือนจะหมายถึง “พระวิหาร” ดวงตาทั้งเจ็ดดวงเป็นสัญลักษณ์ของการประทับอยู่ของพระยาห์เวห์เพื่อทรงดูแล ศิลาที่จะจารึกข้อความว่า “ศักดิ์สิทธิ์ถวายแด่พระยาห์เวห์” (เทียบ 14:21-22) บางทียังไม่ได้ถูกสลักข้อความ เพราะพระวิหารยังก่อสร้างไม่เสร็จ

นิมิตครั้งที่ห้า - เชิงประทีปและต้นมะกอกเทศสองต้น

4 1ทูตสวรรค์ที่เคยพูดกับข้าพเจ้ากลับมาปลุกข้าพเจ้าเหมือนปลุกคนที่กำลังนอนอยู่ 2เขาถามข้าพเจ้าว่า “ท่านเห็นอะไร” ข้าพเจ้าตอบว่าa “ข้าพเจ้าเห็นเชิงประทีปทำด้วยทองคำล้วนคันหนึ่ง มีชามอยู่บนยอด และมีตะเกียงเจ็ดดวงอยู่บนขอบชามนั้น ตะเกียงแต่ละดวงมีไส้ลงไปในชาม 3ข้างเชิงประทีปนี้มีต้นมะกอกเทศสองต้น ต้นหนึ่งอยู่ข้างขวาb อีกต้นหนึ่งอยู่ข้างซ้าย” 4ข้าพเจ้าจึงถามทูตสวรรค์ที่พูดกับข้าพเจ้าว่า “นายครับ สิ่งเหล่านี้หมายถึงอะไร” 5ทูตสวรรค์ที่พูดกับข้าพเจ้าตอบว่า “ท่านไม่รู้หรือว่าสิ่งเหล่านี้หมายถึงอะไร” ข้าพเจ้าตอบว่า “นายครับ ข้าพเจ้าไม่รู้” 6กเขาจึงอธิบายว่าc 10ข“ตะเกียงทั้งเจ็ดดวงนี้หมายถึงพระเนตรของพระยาห์เวห์dซึ่งตรวจตราทั่วแผ่นดิน” 11แล้วข้าพเจ้าจึงถามเขาว่า “ต้นมะกอกเทศทั้งสองต้นที่อยู่ข้างขวาและข้างซ้ายของเชิงประทีปหมายถึงอะไร” 12ข้าพเจ้ายังถามเขาอีกว่า “กิ่งมะกอกเทศทั้งสองกิ่งซึ่งอยู่ข้างท่อทองคำทั้งสองท่อที่เทน้ำมันeออกมานั้นหมายความว่าอะไร” 13เขาตอบว่า “ท่านไม่รู้หรือว่าสิ่งเหล่านี้หมายถึงอะไร” ข้าพเจ้าตอบว่า “นายครับ ข้าพเจ้าไม่รู้” 14เขาจึงพูดว่า “กิ่งทั้งสองกิ่งนี้คือผู้ที่ได้รับเจิมด้วยน้ำมันมะกอกเทศ คอยเฝ้ารับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าของทั่วแผ่นดิน”f

พระสัญญาของพระเจ้าแก่เศรุบบาเบล

            6ขนี่คือพระวาจาที่พระยาห์เวห์ตรัสถึงเศรุบบาเบลว่า “ท่านจะประสบผลสำเร็จมิใช่ด้วยอำนาจ มิใช่ด้วยพลัง แต่ด้วยจิตของเรา” พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัส

          7ภูเขายิ่งใหญ่เอ๋ยg เจ้าเป็นอะไร เจ้าจะเป็นที่ราบต่อหน้าเศรุบบาเบล เขาจะนำศิลาที่จะวางบนยอดพระวิหารมา ขณะที่ทุกคนจะโห่ร้องว่า “งามจริง งามจริง”

8พระยาห์เวห์ยังตรัสกับข้าพเจ้าอีกว่า 9“มือของเศรุบบาเบลได้วางรากฐานของพระวิหารนี้ และมือของเขาจะสร้างให้เสร็จ แล้วท่านทั้งหลายจะรู้ว่าพระยาห์เวห์จอมจักรวาลทรงใช้ข้าพเจ้ามาหาท่าน 10กอย่าให้ใครดูหมิ่นวันเริ่มงานก่อสร้างhที่เล็กน้อย ทุกคนจะยินดีเมื่อจะเห็นสายดิ่งiในมือของเศรุบบาเบล”

4 a “ข้าพเจ้าตอบ” ตามต้นฉบับภาษากรีก และ qere ต้นฉบับภาษาฮีบรูเขียน (ketib) ว่า “เขาตอบ”

b ต้นฉบับภาษาฮีบรูเสริมวลีว่า “ของชาม”

c ข้อ 6ข-10ก ต้องจัดไว้หลังข้อ 14

d “พระเนตรของพระยาห์เวห์” เป็นสัญลักษณ์หมายถึงความรู้สารพัดของพระเจ้า และการที่ทรงคอยดูแลทุกสิ่ง

e “น้ำมัน” แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ทองคำ”

f หลายครั้ง พระคัมภีร์เปรียบ “มนุษย์” กับ “ต้นไม้” (โยบ 29:19; สดด 1:3; ยรม 11:19; อสค 31) ผู้รับเจิมทั้งสองคน (ตามตัวอักษรว่า “บุตรของน้ำมัน”) คือ โยชูวาและเศรุบบาเบล ซึ่งเป็นผู้แทนอำนาจด้านจิตใจและการเมือง โยชูวาได้รับเจิมให้เป็นสมณะ (ลนต 4:3, 5, 16) และมีผู้หวังว่าเศรุบบาเบลจะได้รับเจิมเป็นกษัตริย์ การเจิมนี้ทำให้คำพยากรณ์ของประกาศกเยเรมีย์ (ยรม 33:14-18) เป็นความจริง คืออำนาจทางจิตใจและการเมืองจะรวมอยู่ด้วยกันในยุคพระเมสสิยาห์

g “ภูเขายิ่งใหญ่” อาจเป็นกองสิ่งปรักหักพังที่ชาวยิวจะค้นพบศิลายอดของพระวิหารหลังเก่า (ดู ข้อ 9-10)

h “วันเริ่มงานก่อสร้าง” หมายถึงวันที่เศรุบบาเบลวางรากฐานพระวิหารหลังใหม่ (ฮกก 2:3) เศรุบบาเบลจะเป็นผู้สร้างพระวิหารจนเสร็จโดยวางศิลาบนยอดด้วย (ศคย 4:7)

i “สายดิ่ง” ตามตัวอักษรว่า “ตะกั่ว” (ซึ่งใช้เป็นสายดิ่ง) บางคนแปลโดยคาดคะเนว่า “ศิลาที่เลือกแล้ว”

นิมิตครั้งที่หก - ม้วนหนังสือที่ลอยอยู่ในอากาศ

5 1ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นอีก ก็แลเห็นหนังสือม้วนหนึ่งลอยอยู่ในอากาศ 2ทูตสวรรค์aจึงถามข้าพเจ้าว่า “ท่านเห็นอะไร” ข้าพเจ้าตอบว่า “ข้าพเจ้าแลเห็นหนังสือม้วนหนึ่งลอยอยู่ในอากาศ ยาวยี่สิบศอก และกว้างสิบศอก”b 3เขาบอกข้าพเจ้าว่า “นี่เป็นคำสาปแช่งที่แผ่ออกไปทั่วพื้นแผ่นดินนี้ ด้านหนึ่งของม้วนหนังสือเขียนว่า ‘ขโมยทุกคนจะถูกขับไล่ออกไป’ อีกด้านหนึ่งของม้วนหนังสือเขียนว่า ‘ทุกคนที่สาบานเท็จในนามของเราcจะถูกขับไล่ออกไปด้วย’” 4“เรากำลังส่งdคำสาปแช่งนี้ออกไป พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัส คำสาปแช่งนี้จะเข้าไปในบ้านของขโมยและในบ้านของผู้ที่สาบานเท็จในนามของเรา คำสาปแช่งนี้จะคงอยู่ในบ้านของเขา และจะทำลายบ้านหลังนั้น ทั้งไม้และศิลา”

นิมิตครั้งที่เจ็ด - ผู้หญิงในถังเอฟาห์

            5ทูตสวรรค์ที่พูดกับข้าพเจ้าออกมาพูดกับข้าพเจ้าอีกว่า “จงเงยหน้าขึ้นดูว่าสิ่งที่ออกมานั้นคืออะไร” 6ข้าพเจ้าถามว่า “สิ่งนั้นคืออะไร” เขาจึงตอบว่า “นี่คือถังเอฟาห์eที่ออกมา” และเขาพูดต่อไปว่า “นี่คือความผิดfในทั่วแผ่นดินนี้” 7ดูซิ เมื่อฝาตะกั่วของถังเอฟาห์เปิดออก ข้าพเจ้าก็เห็นหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ในถังเอฟาห์นั้น 8ทูตสวรรค์บอกว่า “นี่คือความชั่วร้าย” แล้วก็ผลักหญิงคนนั้นเข้าไปในถังเอฟาห์ แล้ววางฝาตะกั่วปิดปากถังเอฟาห์นั้นไว้ 9ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นอีกก็เห็นหญิงสองคนบินมา มีลมพัดใต้ปีกเหมือนปีกของนกกระสา หญิงทั้งสองคนนี้ยกถังเอฟาห์ขึ้นระหว่างแผ่นดินกับท้องฟ้า 10ข้าพเจ้าจึงถามทูตสวรรค์ที่พูดกับข้าพเจ้าว่า “เขากำลังจะนำถังเอฟาห์นี้ไปที่ไหน” 11เขาตอบข้าพเจ้าว่า “ไปยังแผ่นดินชินาร์เพื่อสร้างวิหารสำหรับวางถังเอฟาห์นี้ และเมื่อสร้างเสร็จแล้ว เขาจะวางถังเอฟาห์ไว้บนฐานของมัน”g

5 a “ทูตสวรรค์(ถามข้าพเจ้าว่า)” แปลโดยคาดคะเน (เทียบ 4:1, 5; 5:5) ต้นฉบับภาษาฮีบรูมีเพียง “เขา(ถาม...)”

b ม้วนหนังสือม้วนนี้ใหญ่มาก มีขนาดเท่ากับห้องโถงพระวิหารของกษัตริย์ซาโลมอน (1 พกษ 6:3)

c “(สาบานเท็จ)ในนามของเรา” วลี “ในนามของเรา” ถูกเสริมเข้ามาให้เหมือนกับในข้อ 4 ต้นฉบับภาษาฮีบรูมีเพียง “สาบาน” พระคัมภีร์คิดว่าคำสาปแช่งมีพลังในตัว คำสาปแช่งจึงตามทันคนบาปทุกคน แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จะไม่มีคนบาปเหล่านี้อีกในยุคพระเมสสิยาห์

d “เรากำลังส่ง” หรือ “เราจะส่ง” ตามต้นฉบับภาษากรีก ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “เราได้ส่ง”

e “ถังเอฟาห์” ตามปกติถังเอฟาห์หนึ่งมีความจุเท่ากับ 45 ลิตร แต่ที่นี่ขนาดของถังคงต้องใหญ่กว่าปกติเพื่อให้คนหนึ่งเข้าไปอยู่ในนั้นได้

f “ความผิด” ตามต้นฉบับภาษากรีก ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ดวงตา”

g ในยุคพระเมสสิยาห์ แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จะไม่มีความผิดเหลืออยู่อีก “ความผิด” ซึ่งกลายเป็นเสมือน “พระเท็จเทียม” หรือ “รูปเคารพ” จะมีวิหารสร้างไว้ให้ประดิษฐานในแผ่นดินชินาร์ (หรือบาบิโลน) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของศูนย์กลางโลกคนต่างศาสนา

นิมิตครั้งที่แปด - รถศึก

6 1ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นอีก ก็เห็นรถศึกสี่คันออกมาระหว่างภูเขาสองลูก ภูเขาเหล่านั้นเป็นภูเขาทองสัมฤทธิ์a 2รถศึกคันแรกเทียมม้าสีแดง คันที่สองเทียมม้าสีดำ 3คันที่สามเทียมม้าสีขาว คันที่สี่เทียมม้ามีจุดด่าง ม้าทุกตัวแข็งแรง 4ข้าพเจ้าจึงถามทูตสวรรค์ที่พูดกับข้าพเจ้าว่า “นายครับ รถศึกและม้าเหล่านี้หมายถึงอะไร” 5ทูตสวรรค์ตอบข้าพเจ้าว่า “นี่คือลมทั้งสี่ของท้องฟ้าที่กำลังพัดออกไปหลังจากได้เข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าของทั่วแผ่นดินแล้ว 6รถศึกที่เทียมม้าสีดำออกไปยังแผ่นดินทางเหนือ รถศึกที่เทียมม้าสีขาวตามออกไป รถศึกเทียมม้ามีจุดด่างออกไปยังแผ่นดินทางใต้”b 7ม้าแข็งแรงเหล่านั้นออกไป มีความกระตือรือร้นจะไปตรวจตราแผ่นดิน พระยาห์เวห์ตรัสว่า “จงไปเถิด ไปตรวจตราแผ่นดิน” ม้าเหล่านั้นจึงออกไปตรวจตราแผ่นดิน 8แล้วพระยาห์เวห์cทรงเรียกข้าพเจ้า ตรัสว่า “ดูซิ ม้าที่ออกไปยังแผ่นดินทางเหนือนั้นทำให้จิตของเราสงบอยู่บนแผ่นดินทางเหนือ”d

การสวมมงกุฎเป็นสัญลักษณ์ให้โยชูวา

            9พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า 10“จงรวบรวมของถวายจากผู้กลับมาจากแดนเนรเทศ จากเฮลดัย โทบียาห์ และเยดายาห์ และในวันเดียวกันจงไปที่บ้านของโยสิยาห์บุตรของเศฟันยาห์ ซึ่งเพิ่งมาถึงeจากกรุงบาบิโลน 11จงนำเงินและทองคำนั้นทำเป็นมงกุฎf และวางบนศีรษะของโยชูวาบุตรของเยโฮซาดักมหาสมณะ 12แล้วจงบอกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสดังนี้ ดูซิ นี่คือชายผู้มีชื่อว่า “หน่อ” เขาอยู่ที่ใด ก็จะแตกหน่อที่นั่นg และจะสร้างพระวิหารของพระยาห์เวห์ขึ้นอีก 13ถูกแล้ว เขาจะสร้างพระวิหารของพระยาห์เวห์ขึ้นอีก เขาจะรับสิริรุ่งโรจน์ จะนั่งบนบัลลังก์และปกครองโดยมีสมณะอยู่เบื้องขวาh เขาทั้งสองคนจะเข้าใจกันอย่างดี 14มงกุฎนั้นจะอยู่ในพระวิหารของพระยาห์เวห์ เป็นที่ระลึกถึงเฮลดัย โทบียาห์ เยดายาห์ และโยสิยาห์บุตรของเศฟันยาห์i 15บรรดาผู้ที่อยู่ห่างไกลจะมาช่วยสร้างพระวิหารของพระยาห์เวห์’”

แล้วท่านทั้งหลายจะรู้ว่า พระยาห์เวห์จอมจักรวาลทรงส่งข้าพเจ้ามาหาท่าน เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น ถ้าท่านเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอย่างเคร่งครัด

6 a “ภูเขาทองสัมฤทธิ์” ภาพนี้ถูกยืมมาจากตำนานเทพของชาวบาบิโลน ภูเขาทั้งสองลูกนี้ขนาบทางเข้าไปยังที่พำนักของบรรดาเทพเจ้า

b บริบทชวนให้อ่านวลี “ตามออกไป” ว่า “ออกไปยังแผ่นดินตะวันตก” และเสริม “และรถศึกเทียมม้าสีแดงออกไปยังแผ่นดินตะวันออก” เพื่อทำให้ได้ภาพของแผ่นดินทั้งสี่ทิศ แต่ไม่มีสำนวนแปลโบราณสำนวนใดแปลเช่นนี้

c “พระยาห์เวห์” ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “เขา” แต่วลี “จิตของเรา” ที่ตามมาแสดงว่าเป็นพระยาห์เวห์เองที่ตรัส

d “แผ่นดินทางเหนือ” คือสถานที่ที่ผู้ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยพำนักอยู่ พระจิตของพระยาห์เวห์จะเป็นแรงผลักดันเขาให้กลับไปสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ (ดูข้อ 15 ที่ผู้แปลบางคนอยากนำมาใส่ไว้ที่นี่มากกว่า)

e “เพิ่งมาถึง” ในภาษากรีก กริยาคำนี้อยู่ในรูปเอกพจน์ จึงหมายถึง “โยสิยาห์” คนเดียว ในต้นฉบับภาษาฮีบรู กริยาคำนี้อยู่ในรูปพหูพจน์ จึงหมายถึงทุกคนที่ถูกกล่าวนามถึง แต่เราก็ไม่รู้จักเลยว่าบุคคลที่กล่าวถึงนี้เป็นใคร

f “มงกุฎ” ในต้นฉบับภาษาฮีบรูคำนี้อยู่ในรูปพหูพจน์ แต่ข้อความต่อไปกล่าวถึงมงกุฎเพียงอันเดียว เช่นเดียวกับในข้อ 14 **** จากข้อ 12-13 เป็นที่แจ้งชัดว่าผู้รับมงกุฎนี้คือเศรุบบาเบล ชื่อ “โยชูวามหาสมณะ” ถูกเขียนแทนในสมัยต่อมาเมื่อมหาสมณะกลายเป็นประมุขของชุมชน

g “เขาอยู่ที่ใด ก็จะแตกหน่อที่นั่น” เป็นการเล่นคำกับคำ “หน่อ” ซึ่งเป็นสมญาของพระเมสสิยาห์ (ยรม 23:5 เชิงอรรถ a) และเป็นคำสัญญาว่าเศรุบบาเบล ซึ่งบัดนี้เกี่ยวข้องกับพระเมสสิยาห์ จะมีผู้สืบตำแหน่งเป็นราชวงศ์ต่อไป (2 ซมอ 7) (แต่ดู ฮกก 2:23 เชิงอรรถ p) ประกาศกมองเห็นอนาคตของราชวงศ์ และอาจของพระวิหารด้วย

h “เบื้องขวา” ตามต้นฉบับภาษากรีก ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “บนบัลลังก์ของเขา”

i “มงกุฎ” อยู่ในรูปเอกพจน์ในต้นฉบับภาษากรีก ในต้นฉบับภาษาฮีบรูอยู่ในรูปพหูพจน์ (ดูข้อ 11 เชิงอรรถ f) **** “เฮลดัย” ตามต้นฉบับภาษาซีเรียค (ดูข้อ 10) ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “เฮเลม” **** “เป็นที่ระลึกถึง...” แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับภาษาฮีบรูไม่ชัดเจน

ปัญหาเรื่องการจำศีลอดอาหาร

7 1วันที่สี่เดือนเก้า คือเดือนคิสเลฟa ปีที่สี่ในรัชสมัยกษัตริย์ดาริอัส พระยาห์เวห์ตรัสกับประกาศกเศคาริยาห์ 2ชาวเมืองเบธเอลได้ส่งชาเรเซอร์และเรเกมเมเลคb พร้อมกับคนของเขา ไปทูลขอพระกรุณาจากพระยาห์เวห์ 3ถามบรรดาสมณะในพระวิหารของพระยาห์เวห์จอมจักรวาล และถามบรรดาประกาศกว่า “ข้าพเจ้าจะต้องไว้ทุกข์และจำศีลอดอาหารในเดือนที่ห้าดังที่เคยทำมาหลายปีแล้วหรือไม่”c

คำสอนจากอดีตd

          4พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสกับข้าพเจ้าว่า 5“จงบอกประชากรทั้งหมดของแผ่นดินและบรรดาสมณะว่า เมื่อท่านทั้งหลายจำศีลอดอาหารและไว้ทุกข์ในเดือนที่ห้าและเดือนที่เจ็ดตลอดเวลาเจ็ดสิบปีที่แล้วมานั้น ท่านได้จำศีลอดอาหารเพื่อเราจริงๆ หรือ 6เมื่อท่านกินและดื่ม ท่านก็กินและดื่มเพื่อตนเองมิใช่หรือe 7นี่คือพระวาจาที่พระยาห์เวห์ทรงประกาศผ่านทางบรรดาประกาศกในอดีต เมื่อกรุงเยรูซาเล็มยังมีคนอาศัยอยู่อย่างสงบสุขรวมทั้งหัวเมืองโดยรอบ เมื่อดินแดนเนเกบ และลาดเนินเชเฟลาห์ก็ยังมีผู้คนอาศัยอยู่มิใช่หรือ”

          8พระยาห์เวห์ตรัสกับประกาศกเศคาริยาห์ว่า 9“พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสดังนี้ จงตัดสินอย่างยุติธรรม จงแสดงความเมตตากรุณาและเห็นอกเห็นใจต่อกัน 10อย่าข่มเหงหญิงม่ายและลูกกำพร้า คนต่างด้าวและคนยากจน และอย่าวางแผนชั่วในใจต่อผู้อื่น 11แต่เขาทั้งหลายไม่ยอมฟังและหันหลังให้เรา และอุดหูเพื่อจะไม่ได้ยิน 12เขาทำใจแข็งเหมือนเพชร เพื่อจะไม่ต้องได้ยินธรรมบัญญัติและพระวาจาที่พระยาห์เวห์จอมจักรวาลทรงส่งโดยพระจิตของพระองค์ผ่านทางบรรดาประกาศกในอดีต ดังนั้น พระพิโรธยิ่งใหญ่จากพระยาห์เวห์จอมจักรวาลจึงมาถึงเขา 13เมื่อพระองค์ทรงเรียก เขาไม่ยอมฟังฉันใด เมื่อเขาร้องหาเรา เราก็ไม่ยอมฟังเขาฉันนั้น พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัส 14เราทำให้เขาต้องกระจัดกระจายไปในหมู่นานาชาติที่เขาไม่เคยรู้จัก เมื่อเขาไปแล้ว แผ่นดินจึงถูกทิ้งร้าง ไม่มีผู้ใดผ่านไปมา เขาได้เปลี่ยนแผ่นดินที่น่าอยู่ให้เป็นที่ร้าง”

7 a ตรงกับเดือนพฤศจิกายน ปี 518 ก่อน ค.ศ.

b “เรเกมเมเลค” บางคนละชื่อนี้ เพราะคิดว่าไม่ใช่ชื่อเฉพาะ แต่เป็นชื่อตำแหน่ง

c ชาวยิวระลึกถึงการที่กรุงเยรูซาเล็มและพระวิหารถูกทำลายในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ปี 587 ก่อน ค.ศ. เป็นประจำทุกปีด้วยการจำศีลอดอาหารในเดือนกรกฎาคม บัดนี้ พระวิหารกำลังก่อสร้างขึ้นใหม่แล้ว การจำศีลอดอาหารจึงดูเหมือนไม่จำเป็นอีก และเป็นปัญหาของผู้ปกครองที่กรุงเยรูซาเล็ม แต่คำตอบจะยังไม่ได้รับจนถึง 8:18-19

d คำประกาศพระวาจาตอนนี้ถูกผนวกโดยไม่มีเหตุผลเข้ามากับเรื่องการส่งผู้แทน เพียงเพราะมีการกล่าวถึงการจำศีลอดอาหารในข้อ 5 การจำศีลอดอาหารในเดือนกันยายนเป็นการระลึกถึงการที่เกดาลียาห์ถูกฆ่า (2 พกษ 25:25; ยรม 41:1ฯ)

e ไม่ว่าจะเป็นการจำศีลอดอาหารหรือการฉลอง ก็มีเหตุผลมาจากผลประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น

ความรอดพ้นจะมาถึงในไม่ช้าa

8 1พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสกับข้าพเจ้าว่า

2“พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสดังนี้

เราหวงแหนศิโยนอย่างมาก

เราโกรธมากต่อผู้ที่พรากศิโยนไปจากเรา

3พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้

เรากำลังจะกลับมายังศิโยน

จะอยู่ภายในกรุงเยรูซาเล็ม

กรุงเยรูซาเล็มจะได้ชื่อว่าเมืองซื่อสัตย์

และภูเขาของพระยาห์เวห์จอมจักรวาล

จะได้ชื่อว่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์

4พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสดังนี้

ชายชราและหญิงชราจะนั่งอยู่ตามลานกรุงเยรูซาเล็มอีก

แต่ละคนจะถือไม้เท้าเพราะมีอายุมาก

5ลานเมืองจะมีเด็กชายเด็กหญิง

วิ่งเล่นอยู่เต็มลาน

6พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสดังนี้

ถ้าเรื่องนี้ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้

ในสายตาของผู้ที่รอดชีวิตเหลืออยู่

ในหมู่ประชากรของเราในเวลานี้

เรื่องนี้จะเป็นไปไม่ได้

ในสายตาของเราด้วยกระนั้นหรือ

พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัส

7พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสดังนี้

ดูซิ เราจะช่วยประชากรของเรา

ให้รอดพ้นจากแผ่นดินทางตะวันออก

และจากแผ่นดินทางตะวันตก

8เราจะนำเขากลับมาอาศัยอยู่ภายในกรุงเยรูซาเล็ม

เขาจะเป็นประชากรของเรา

และเราจะเป็นพระเจ้าของเขาด้วยความซื่อสัตย์และยุติธรรม”b

9พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสดังนี้ “จงมีกำลังใจขึ้นเถิด ท่านทั้งหลายที่ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้จากปากของบรรดาประกาศกในวันนี้ เมื่อcรากฐานพระวิหารของพระยาห์เวห์จอมจักรวาลถูกวางไว้ เพื่อจะก่อสร้างสักการสถานขึ้นใหม่ 10เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีผู้ใดจ่ายค่าจ้างแก่คนหรือสัตว์ ผู้ที่เข้าออกก็ไม่มีความปลอดภัยจากศัตรู เพราะเราได้ปล่อยdให้คนเป็นศัตรูกัน 11ตั้งแต่บัดนี้ เราจะไม่ทำกับผู้ที่รอดชีวิตเหลืออยู่ในหมู่ประชากรนี้อย่างแต่ก่อน พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัส 12เพราะจะหว่านสิ่งใดก็จะเจริญงอกงาม เถาองุ่นจะออกผล แผ่นดินจะให้ผลิตผล ท้องฟ้าจะให้น้ำค้าง เราจะให้ทุกสิ่งเหล่านี้เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ที่รอดชีวิตเหลืออยู่ในหมู่ประชากรนี้ 13พงศ์พันธุ์ยูดาห์และพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย ท่านทั้งหลายเคยเป็นคำสาปแช่งในหมู่นานาชาติฉันใด บัดนี้ เราจะช่วยท่านให้รอดพ้น และท่านจะเป็นคำอวยพรฉันนั้น อย่ากลัวไปเลย จงมีกำลังใจขึ้นเถิด”

14“เพราะพระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสดังนี้ เราเคยคิดจะทำร้ายท่านเมื่อบรรพบุรุษของท่านได้ยั่วยุเราให้โกรธ และเราก็ไม่ได้เปลี่ยนใจฉันใด พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัส 15บัดนี้เราตั้งใจจะทำดีต่อกรุงเยรูซาเล็มและต่อพงศ์พันธุ์ยูดาห์ฉันนั้น อย่ากลัวไปเลย

16นี่คือสิ่งที่ท่านทั้งหลายต้องทำ จงพูดความจริงต่อกัน จงพิพากษาตามความจริงที่ประตูเมืองเพื่อสร้างสันติ 17อย่าให้ผู้ใดวางแผนชั่วในใจต่อกัน อย่าชอบสาบานเท็จ เพราะเราเกลียดชังการเหล่านี้ทั้งหมด” พระยาห์เวห์ตรัส

คำตอบปัญหาเรื่องการจำศีลอดอาหาร

            18พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสกับข้าพเจ้าว่า 19“พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสดังนี้ การจำศีลอดอาหารในเดือนที่สี่ เดือนที่ห้า เดือนที่เจ็ด และเดือนที่สิบe จะเปลี่ยนเป็นความสำราญ ความยินดี และเป็นการฉลองรื่นเริงสำหรับพงศ์พันธุ์ยูดาห์ ดังนั้น จงรักความจริงและสันติเถิด”

ความรอดพ้นจะมาถึงในไม่ช้า

            20พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสดังนี้ “บรรดาประชาชนและผู้อาศัยในหลายเมืองจะมาด้วย 21ชาวเมืองหนึ่งจะไปหาชาวเมืองอีกเมืองหนึ่ง พูดว่า ‘พวกเราจงรีบไปทูลขอพระกรุณาจากพระยาห์เวห์ ไปแสวงหาพระยาห์เวห์จอมจักรวาลกันเถิด ข้าพเจ้าจะไปด้วย’ 22ประชาชนจำนวนมากและชนหลายชาติที่มีอำนาจจะแสวงหาพระยาห์เวห์จอมจักรวาลที่กรุงเยรูซาเล็ม และทูลขอพระกรุณาจากพระยาห์เวห์”

          23พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสดังนี้ “ในวันเหล่านั้น ชายสิบคนจากชนชาติทุกภาษาจะยึดชายเสื้อคลุมของชาวยิวคนหนึ่งไว้ พูดว่า ‘ขอให้พวกเราไปกับท่านทั้งหลายเถิด เพราะพวกเราได้ยินว่าพระเจ้าสถิตกับท่าน’”

8 a บทที่ 8 นี้เป็นการรวบรวมคำประกาศพระวาจาสั้นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกัน คำประกาศพระวาจาต่างๆ เหล่านี้ทุกบท ยกเว้นข้อ 16-17 ซึ่งเป็นคำแนะนำ กล่าวถึงยุคพระเมสสิยาห์ซึ่งได้รับคำบรรยายถึงว่าเป็นยุคความสุขที่ทุกคนจะมีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ ในสันติที่พระยาห์เวห์ซึ่งประทับอยู่บนเนินศิโยนจะประทานพระพรให้ มุมมองเปลี่ยนเป็นมิติครอบคลุมมนุษย์ทุกชาติในข้อ 20ฯ

b ข้อนี้ไม่กล่าวถึงเฉพาะผู้กลับจากแดนเนรเทศที่กรุงบาบิโลน เช่นใน 2:10ฯ เท่านั้น แต่กล่าวถึงชาวยิวที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป การกลับมาของเขาเหล่านี้จะมีการรื้อฟื้นพันธสัญญาตามมา (ดู ยรม 31:31 เชิงอรรถ l)

c “เมื่อ” ตามตัวอักษรว่า “ตั้งแต่วันที่...” ตามต้นฉบับภาษากรีก หรือ “ในวันที่....” ตามต้นฉบับภาษาฮีบรู

d “เราได้ปล่อย” แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “เราจะส่ง”

e นอกเหนือจากการจำศีลอดอาหารในเดือนที่ 5 และเดือนที่ 7 (ดู 7:3, 5) แล้ว ที่นี่ยังเพิ่มการจำศีลอดอาหารในเดือนที่ 4 และเดือนที่ 10 (ของ 2 ปีก่อนหน้านั้น) ซึ่งระลึกถึงการทะลวงกำแพงกรุงเยรูซาเล็ม (2 พกษ 25:1-4) และการเริ่มล้อมกรุง

ภาคสอง

 

9 1คำพยากรณ์

แผ่นดินใหม่แห่งพระสัญญาa

          พระวาจาของพระยาห์เวห์กล่าวโทษแผ่นดินคัดรัก

มาอยู่เหนือกรุงดามัสกัส

เพราะไข่มุกของซีเรียbเป็นของพระยาห์เวห์

รวมทั้งชนทุกเผ่าของอิสราเอล

2และเมืองคามัทซึ่งมีเขตแดนติดกัน

เมืองไทระกับเมืองไซดอน แม้จะเป็นเมืองฉลาดมาก

3เมืองไทระสร้างตนเป็นป้อมปราการ

สะสมเงินไว้เหมือนฝุ่นดิน

และสะสมทองคำไว้เหมือนโคลนบนถนน

4แต่ดูซิ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงยึดเมืองนี้เป็นกรรมสิทธิ์

จะทรงโยนทรัพย์สมบัติของเมืองลงไปในทะเล

เมืองนี้จะถูกไฟเผาจนหมดสิ้น

5เมืองอัชเคโลนจะได้เห็น และหวาดกลัว

เมืองกาซาก็จะได้เห็น และบิดตัวด้วยความเจ็บปวดอย่างมาก

เมืองเอโครนก็เช่นเดียวกัน

เพราะความหวังที่จะมีผู้ช่วยเหลือจะหมดไป

กษัตริย์จะสูญหายไปจากเมืองกาซา

เมืองอัชเคโลนจะไม่มีผู้คนอาศัยอยู่

6คนเลือดผสมcจะมาอยู่ที่เมืองอัชโดด

เราจะทำลายความหยิ่งผยองของชาวฟีลิสเตีย

7เราจะเอาเนื้อที่มีเลือดติดออกจากปากของเขาd

และจะเอาสิ่งน่าสะอิดสะเอียนออกมาจากซอกฟัน

จะมีชาวฟีลิสเตียที่รอดชีวิตเหลืออยู่เป็นของพระเจ้าของพวกเราด้วย

เขาจะเป็นเหมือนตระกูลหนึ่งในยูดาห์

เมืองเอโครนจะเป็นเหมือนชาวเยบุสe

8เราจะตั้งตนเป็นยามเฝ้าบ้านของเราf

เพื่อมิให้ผู้ใดเดินทัพผ่านไปมาได้

จะไม่มีผู้ข่มเหงมากดขี่เขาอีก

เพราะบัดนี้เราคอยเฝ้าเขาไม่ให้คลาดสายตาของเรา

กษัตริย์ผู้ทรงช่วยให้รอดพ้น

            9ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงร่าเริงอย่างยิ่ง

ธิดาแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย จงโห่ร้องด้วยความยินดีเถิด

ดูซิ กษัตริย์ของท่านกำลังเสด็จมาหาท่าน

พระองค์ทรงเที่ยงธรรมgและทรงชัยชนะ

ทรงถ่อมพระองค์และประทับบนหลังลา

บนหลังลาตัวน้อย ลูกแม่ลาh

10พระองค์จะทรงกำจัดรถศึกจากเอฟราอิมi

จะทรงกำจัดม้าศึกออกจากกรุงเยรูซาเล็ม

คันธนูสำหรับสงครามจะถูกกำจัดไปด้วย

พระองค์จะทรงประกาศสันติแก่นานาชาติ

การปกครองของพระองค์แผ่จากทะเลนี้ไปถึงทะเลโน้น

และจากแม่น้ำยูเฟรติสไปถึงสุดปลายแผ่นดินj

การสถาปนาอิสราเอลขึ้นใหม่

            11ส่วนท่าน เพราะเห็นแก่โลหิตแห่งพันธสัญญาkของเรากับท่าน

เราจะปลดปล่อยเชลยของท่านจากบ่อที่ไม่มีน้ำl

12ท่านทั้งหลายที่เป็นเชลยและยังมีความหวัง

จงกลับไปยังป้อมปราการเถิด

วันนี้เรายืนยันว่าเราจะตอบแทนท่านเป็นสองเท่า

13เพราะเราง้างยูดาห์เหมือนง้างคันธนู

วางเอฟราอิมบนสายเหมือนวางลูกธนู

ศิโยนเอ๋ย เราปลุกเร้าบรรดาบุตรของเจ้ามาต่อสู้

กับบรรดาบุตรของเจ้า ยาวานmเอ๋ย

เราจะทำให้เจ้า ศิโยนเอ๋ย เป็นเหมือนดาบของนักรบ

14แล้วพระยาห์เวห์จะทรงสำแดงพระองค์เหนือเขาทั้งหลาย

ลูกธนูของพระองค์จะออกไปเหมือนฟ้าแลบ

พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้า

จะเสด็จมาในลมพายุจากทิศใต้

15พระยาห์เวห์จอมจักรวาลจะทรงพิทักษ์รักษาเขาทั้งหลาย

เขาจะทำลายและเหยียบหินลูกกระสุนสลิง

เขาจะดื่มเลือดnเหมือนดื่มเหล้าองุ่น

จนอิ่มเหมือนชามที่มีเลือดเต็ม

สำหรับหลั่งบนเชิงงอนของแท่นบูชา

16ในวันนั้น พระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา

จะทรงช่วยประชากรของพระองค์

ที่เป็นเหมือนฝูงแกะให้รอดพ้น

เพราะเขาจะส่องแสงเหนือแผ่นดินของพระองค์

เหมือนเพชรพลอยoประดับมงกุฎ

17เขาช่างมีความสุขและงดงามจริงๆ

ข้าวสาลีจะทำให้คนหนุ่มกระชุ่มกระชวย

และเหล้าองุ่นใหม่จะทำให้หญิงสาวสดชื่น

9 a แผ่นดินแห่งพระสัญญาจะไม่ครอบคลุมเพียงดินแดนของอิสราเอล (ดู วนฉ 20:1 เชิงอรรถ a) แต่ยังรวมเมืองของชาวซีเรีย (หรืออารัม) ชาวฟีนีเซีย และชาวฟีลิสเตียด้วย คำประกาศพระวาจากล่าวพาดพิงถึงการยกทัพเข้ามายึดครอง ซึ่งได้รับการอธิบายว่าเป็นกิจการของพระยาห์เวห์ที่ประกาศล่วงหน้าถึงยุคพระเมสสิยาห์ ดูเหมือนว่าข้อความนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากชัยชนะครั้งใหญ่ของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราชในการรบที่เมือง Issus (333 ก่อน ค.ศ.)

b “ไข่มุกของซีเรีย” แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ตาของมนุษย์” บางทีประโยคนี้ยังอาจเข้าใจได้อีกด้วยว่า “พระยาห์เวห์ทรงทอดพระเนตรเหนือมนุษย์” (เทียบข้อ 8 และ 12:4)

c “คนเลือดผสม” เกิดจากการที่ชาวยิวถูกบังคับให้ไปอาศัยอยู่ต่างแดน เขาจึงแต่งงานกับหญิงต่างชาติและให้กำเนิดบุตรที่เป็นคนเลือดผสม

d “เนื้อที่มีเลือดติดออกจากปากของเขา” เป็นการกล่าวพาดพิงถึงการที่ชนที่ไม่ใช่ชาวยิวกินเนื้อสัตว์ที่ยังมีเลือดติดอยู่ (ดู ลนต 1:5) และกินเนื้อสัตว์ต้องห้าม เช่นเนื้อหมู (เทียบ อสย 65:4; 66:17)

e “เป็นเหมือนชาวเยบุส” นั่นคือถูกผนวกเข้ามาเป็นชาวอิสราเอลด้วยเหมือนกับชาวเยบุสก่อนหน้านั้น

f “บ้านของเรา” ที่นี่หมายถึงแผ่นดินอิสราเอลทั้งหมด (เทียบ 14:20; ยรม 12:7ฯ; ฮชย 8:1; 9:15) **** “เราจะตั้งตนเป็นยามเฝ้า” แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “จากกองทัพ” (mitztzabah)

g “ทรงเที่ยงธรรม” ไม่ใช่ในความหมายว่า พระเมสสิยาห์จะทรงพิจารณาตัดสินคดีอย่างเที่ยงธรรม (ดู อสย 11:3-5) แต่ในความหมายว่าทรงรับพระกรุณาและการคุ้มครองจากพระเจ้า (ดู อสย 45:21-25)

h พระเมสสิยาห์จะทรง “ถ่อมองค์” (cani) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ประกาศกเศฟันยาห์กล่าวถึงใน 3:12 ว่าเป็นเอกลักษณ์ของประชากรของพระเจ้าในอนาคต (ดู 2:3 เชิงอรรถ d) พระเมสสิยาห์-กษัตริย์จะทรงเปลื้องเครื่องทรงที่หรูหราสง่างามอย่างกษัตริย์ในอดีต (ยรม 17:25; 22:4) จะทรงสัตว์ทรงตามประเพณีของเจ้านาย (ปฐก 49:11; วนฉ 5:10; 10:4; 12:14; เทียบ 1 พกษ 1:38 กับ 1 พกษ 1:5 ด้วย) พระเยซูเจ้าทรงทำให้คำพยากรณ์นี้เป็นความจริงเมื่อทรงลาเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม

i “พระองค์จะทรง...” ตามต้นฉบับภาษากรีก ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “เราจะ...” เผ่าทางเหนือจะถูกรวมเข้ากับยูดาห์อีกในอาณาจักรของพระเมสสิยาห์ (ดู ยรม 3:18 เชิงอรรถ h)

j นั่นคือจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจนถึงอ่าวอากาบา และจากแม่น้ำยูเฟรติสไปทางตะวันออกโดยไม่มีขอบเขตจำกัด (แต่ดู สดด 72:8 เชิงอรรถ g)

k “โลหิตแห่งพันธสัญญา” เป็นการกล่าวพาดพิงถึงพิธีทำพันธสัญญาที่ภูเขาซีนาย (อพย 24:5ฯ) หรือพาดพิงถึงการถวายบูชาในพระวิหาร

l “บ่อที่ไม่มีน้ำ” บ่อเก็บน้ำที่ใช้เก็บน้ำไม่ได้แล้วอาจใช้เป็นคุกได้ด้วย ที่ตรงนี้ เป็นสัญลักษณ์หมายถึงกรุงบาบิโลน

m “ยาวาน” หมายถึงชาวกรีก ขณะนั้นจักรวรรดิเปอร์เซียกำลังจะล่มสลายจากการบุกรุกของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช

n “เลือด” (dam) ตามต้นฉบับภาษากรีกและต้นฉบับคัดลอกบางฉบับ ต้นฉบับภาษาฮีบรู (MT) ว่า “เขาทั้งหลายจะส่งเสียงอึกทึก” (hamu) ประโยคนี้จึงยังอาจเข้าใจได้อีกว่า “เขาทั้งหลายจะดื่มและส่งเสียงอึกทึกเพราะความเมามาย” ซึ่งอาจชวนให้คิดถึงเสียงฝูงสัตว์ (เทียบ อสค 34:36-38; มคา 2:12)

o “เพชรพลอย” ตามตัวอักษรว่า “หิน”

พระยาห์เวห์ทรงซื่อสัตย์

10 1ท่านทั้งหลายจงขอฝนปลายฤดูใบไม้ผลิจากพระยาห์เวห์

พระยาห์เวห์ผู้ทรงบันดาลให้เกิดลมพายุ

จะประทานฝนชุก

และผักหญ้าในทุ่งนาแก่มนุษย์ทุกคน

2เพราะรูปเคารพประจำบ้านพูดไร้สาระ

และผู้ทำนายก็เห็นนิมิตเท็จa

เล่าความฝันเท็จ

พูดคำบรรเทาใจที่ไร้ประโยชน์

ประชาชนจึงหลงทางเหมือนฝูงแกะ

มีความทุกข์เพราะไม่มีผู้เลี้ยง

อิสราเอลจะได้รับการปลดปล่อยและจะกลับมาb

          3เราโกรธจัดต่อผู้เลี้ยงแกะ

เราจะลงโทษบรรดาแพะเพศผู้c

เพราะพระยาห์เวห์จอมจักรวาลเสด็จมาเยี่ยมฝูงแพะแกะของพระองค์

คือพงศ์พันธุ์ยูดาห์

และจะทรงทำเขาให้เป็นเหมือนม้าศึกสง่างามในการรบ

4ศิลามุมเอกจะออกมาจากยูดาห์

หลักขึงกระโจมจะออกมาจากเขา

คันธนูสำหรับสู้รบdจะออกมาจากเขา

และผู้ปกครองทุกคนจะออกมาจากเขา

5เขาทั้งหลายจะเป็นเหมือนนักรบชำนาญศึก

ที่เหยียบย่ำโคลนบนถนนในการสู้รบ

เขาจะสู้รบเพราะพระยาห์เวห์สถิตกับเขา

เขาจะทำให้บรรดาผู้ขี่ม้าต้องอับอาย

6เราจะทำให้พงศ์พันธุ์ยูดาห์เข้มแข็ง

จะทำให้พงศ์พันธุ์โยเซฟมีชัยชนะ

เราจะนำเขากลับมาเพราะสงสารเขา

เขาจะเป็นเหมือนกับว่าเราไม่เคยทอดทิ้งเขา

เพราะเราเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา

เราจะตอบคำวอนขอของเขา

7เอฟราอิมจะเป็นเหมือนนักรบชำนาญศึก

ใจของเขาจะยินดีเหมือนได้ดื่มเหล้าองุ่น

บรรดาบุตรของเขาจะได้เห็นและยินดี

ใจของเขาจะชื่นชมในพระยาห์เวห์

8เราจะผิวปากเรียกเขาและรวบรวมเขาเข้ามา

เพราะเราได้ไถ่เขาไว้แล้ว

เขาจะมีจำนวนมากเหมือนเดิม

9แม้เราได้ทำให้เขากระจัดกระจายไปอยู่ในหมู่นานาชาติ

เขาก็ยังจะระลึกถึงเราในแผ่นดินห่างไกลนั้น

เขาจะอบรมเลี้ยงดูeบุตรของตนและจะกลับมา

10เราจะนำเขากลับมาจากแผ่นดินอียิปต์

จะรวบรวมเขามาจากอัสซีเรีย

เราจะนำเขามายังแผ่นดินกิเลอาดและเลบานอน

จนจะไม่มีพื้นที่พอให้เขาอยู่f

11เขาทั้งหลายจะข้ามทะเลแห่งอียิปต์g

พระองค์จะทรงทุบคลื่นในทะเล

ที่ลึกทั้งหมดของแม่น้ำไนล์จะแห้งไป

ความหยิ่งผยองของอัสซีเรียจะตกต่ำ

คทาของอียิปต์จะถูกริบไป

12เราจะทำให้เขาทั้งหลายเข้มแข็งในพระยาห์เวห์

เขาจะภูมิใจhในพระนามพระองค์

พระยาห์เวห์ตรัส

10 a “รูปเคารพประจำบ้าน” และ “ผู้ทำนาย” ยังถูกจัดไว้ด้วยกันใน 1 ซมอ 15:23 ที่นี่ รูปเคารพเป็นอุปกรณ์ใช้ทำนายอนาคต (เทียบ อสค 21:26) เรื่องการทำนายสมัยหลังเนรเทศ ดู มลค 3:5; เทียบ ลนต 19:31; 20:6

b ข้อความที่เข้าใจยากตอนนี้ใช้วิธีการแปลกๆ รวมข้อความที่พระยาห์เวห์ตรัส (3ก, 6, 8-11) เข้ากับข้อความที่กล่าวถึงพระองค์ในบุรุษที่ 3 (3ข-5, 7, 12; 11:1-3)

c “ลงโทษ” และ “เยี่ยม” (ในบรรทัดต่อมา) เป็นคำเดียวกันในภาษาฮีบรู (paqad) ซึ่งมีความหมายทั้งทางลบและทางบวก บรรดากษัตริย์ต่างชาติกำลังปกครองประชากรของพระยาห์เวห์อยู่ในขณะนั้น คำ “ผู้เลี้ยงแกะ” จึงใช้กับบุคคลเหล่านี้ได้ด้วย ใน ยรม 25:34ฯ; นฮม 3:18 (ดู อสย 44:28 ด้วย) เช่นเดียวกับคำ “แพะเพศผู้” ใน ดนล 8:5ฯ การกล่าวถึง “การเยี่ยม” ครั้งแรกจึงเป็นการลงโทษ ส่วนครั้งที่สองเป็นการแสดงพระกรุณา

d “คันธนูสำหรับสู้รบ” เป็นสัญลักษณ์หมายถึงผู้นำซึ่งจะขึ้นมาจากประชากร

e “อบรมเลี้ยงดู” แปลโดยคาดคะเนตามต้นฉบับภาษากรีก ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “มีชีวิตอยู่(กับ)” บางคนแปลโดยคาดคะเนอีกว่า “สั่งสอน”

f ที่นี่ อัสซีเรียและอียิปต์เป็นตัวแทนของผู้เบียดเบียนข่มเหงโดยทั่วไป แคว้นกิเลอาดเป็นดินแดนที่ชาวอิสราเอลยึดได้หลังออกจากอียิปต์ (ดู อสย 40:3 เชิงอรรถ e) เลบานอนควรจะเป็นดินแดนเพิ่มเติมในภายหลัง แต่การขยายอาณาเขตที่คาดไว้นี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นเลย

g “เขาทั้งหลายจะข้าม...” ตามต้นฉบับภาษากรีก ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “เขา(หรือ พระองค์)จะข้าม...” **** “แห่งอียิปต์” เป็นการแปลโดยคาดคะเน (mitzrayim) ให้สอดคล้องกับข้อความต่อไปในข้อนี้ ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ความทุกข์” (tzarah)

h “ภูมิใจ” แปลตามตัวอักษรว่า “เดิน”

คำเยาะเย้ยบรรดาศัตรู

11 1เลบานอนเอ๋ย จงเปิดประตูของเจ้าเถิด

ไฟจะได้เผาผลาญต้นสนสีดาร์aของเจ้า

2ต้นสนไซเปรสเอ๋ย จงร้องโหยหวนเถิด

เพราะต้นสนสีดาร์ล้มลงแล้ว

บรรดาต้นไม้ที่สง่างามถูกทำลายหมดแล้ว

บรรดาต้นโอ๊กแห่งแคว้นบาชานเอ๋ย

จงร้องโหยหวนเถิด

เพราะป่าทึบถูกโค่นลงแล้ว

3ฟังซิ เสียงร้องโหยหวนของบรรดาผู้เลี้ยงแกะ

เพราะเกียรติยศของเขาทั้งหลายถูกทำลายแล้ว

ฟังซิ เสียงของสิงห์หนุ่มคำราม

เพราะป่างดงามตามลุ่มแม่น้ำจอร์แดนถูกทำลายลงหมดแล้ว

ผู้เลี้ยงแกะสองคนb

          4พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าตรัสดังนี้ “จงเลี้ยงฝูงแพะแกะที่จะต้องถูกฆ่า 5ผู้ที่ซื้อมันไปก็ฆ่ามันได้โดยไม่ต้องรับโทษ ผู้ที่ขายมันพูดว่า ‘ขอถวายพระพรแด่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ารวยแล้ว’ ผู้เลี้ยงไม่รู้สึกสงสารcแกะของตนเลย 6เราจะไม่สงสารผู้อาศัยในแผ่นดินนี้อีกต่อไป พระยาห์เวห์ตรัส ดูซิ เราจะปล่อยแต่ละคนให้อยู่ในเงื้อมมือของเพื่อนบ้าน ปล่อยแต่ละคนให้อยู่ในอำนาจของกษัตริย์ เขาเหล่านี้จะบดขยี้แผ่นดิน และเราจะไม่ช่วยผู้ใดให้พ้นจากมือของเขาเลย”d

          7ข้าพเจ้าจึงได้เลี้ยงดูฝูงแพะแกะที่จะต้องถูกฆ่าไว้สำหรับพ่อค้าแกะe ข้าพเจ้าจึงนำไม้มาสองท่อน ข้าพเจ้าเรียกท่อนหนึ่งว่า “ความกรุณา” เรียกอีกท่อนหนึ่งว่า “สหภาพ” แล้วข้าพเจ้าก็เลี้ยงดูฝูงแพะแกะ 8ข้าพเจ้ากำจัดผู้เลี้ยงแกะสามคนในเดือนเดียวf แต่ข้าพเจ้าหมดความเพียรกับแกะเสียแล้ว แกะก็เกลียดข้าพเจ้าด้วย 9ข้าพเจ้าพูดว่า “ข้าจะไม่เลี้ยงดูเจ้าอีกต่อไป ตัวใดจะต้องตายก็ให้ตายไป ตัวใดที่จะต้องพินาศก็ให้พินาศไป และให้ตัวที่เหลือกินเนื้อกันเอง” 10ข้าพเจ้าหยิบไม้ท่อนที่มีชื่อว่า “ความกรุณา” มาหักเพื่อจะล้มเลิกพันธสัญญาที่ข้าพเจ้าเคยทำไว้กับประชาชนทุกชาติ 11เมื่อ “ความกรุณา” ถูกหักในวันนั้น บรรดาพ่อค้าแกะซึ่งคอยดูข้าพเจ้าอยู่ก็รู้ว่า นี่เป็นพระวาจาของพระยาห์เวห์ 12ข้าพเจ้าจึงบอกเขาว่า “ถ้าท่านเห็นควรก็จงจ่ายค่าจ้างแก่ข้าพเจ้า ถ้าไม่เห็นควรก็ไม่ต้องจ่าย” เขาทั้งหลายจึงชั่งเงินสามสิบบาทเป็นค่าจ้างให้ข้าพเจ้าg 13พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงนำเงินนี้ไปให้ช่างหลอม” เงินเท่านี้แหละคือเงินก้อนงามที่เขาจ่ายเป็นค่าจ้างให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงนำเงินสามสิบบาทไปโยนให้ช่างหลอมในพระวิหารของพระยาห์เวห์ 14แล้วข้าพเจ้าก็หักไม้ท่อนที่สองที่ชื่อว่า “สหภาพ” เพื่อทำลายความเป็นพี่น้องกันระหว่างยูดาห์กับอิสราเอลh

          15แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงหยิบเครื่องใช้ของคนเลี้ยงแกะที่โง่เขลา 16เพราะดูซิ เรากำลังจะตั้งผู้เลี้ยงแกะคนหนึ่งในแผ่นดินนี้ เขาจะไม่เลี้ยงดูแกะที่กำลังจะพินาศ จะไม่ตามหาแกะที่พลัดหลง จะไม่รักษาแกะที่บาดเจ็บให้หาย ไม่เลี้ยงแกะที่สบายดีi แต่จะกินเนื้อของแกะตัวอ้วน จะฉีกกินจนถึงกีบของมัน”

          17“วิบัติจงเกิดแก่ผู้เลี้ยงแกะที่โง่เขลา

และละทิ้งฝูงแพะแกะ

ขอให้ดาบฟันแขนของเขา

ทิ่มตำตาขวาของเขา

ขอให้แขนของเขาลีบจนใช้การไม่ได้

ให้นัยน์ตาขวาของเขาบอดสนิท”

11 a “ต้นสนสีดาร์” เป็นสัญลักษณ์หมายถึงอำนาจปกครองที่ยิ่งใหญ่ (เทียบ อสย 10:33ฯ; อสค 31) หรือหมายถึงกษัตริย์ของเขาเหล่านี้ “ต้นสนไซเปรส” ในข้อ 2 หมายถึงกลุ่มเล็กกว่าที่ทรงอำนาจทางการเมือง

b ข้อความตอนนี้เรื่องผู้เลี้ยงแกะ (ดู อสค 34:1 เชิงอรรถ a) จบลงด้วยคำประกาศพระวาจาถึงพระเมสสิยาห์ใน 13:7-9 ที่นี่ในข้อ 4-14 เป็นการพิจารณาแบบอุปมานิทัศน์ถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น และพระญาณเอื้ออาทรได้รับการยืนยันว่าถูกต้อง ประกาศกแสดงบทบาทของพระยาห์เวห์ที่เขารับหน้าที่ปกครองดูแลสูงสุดมาปฏิบัติเสียเอง แต่อิสราเอลไม่ได้เข้าใจถึงผลประโยชน์ที่พระยาห์เวห์ทรงปรารถนาจะประทานให้ พระยาห์เวห์จึงจะทรงมอบผู้เลี้ยงชั่วร้ายให้ปกครองดูแลเขา ประกาศกได้รับคำสั่งให้เลียนแบบผู้เลี้ยงชั่วร้ายนี้ (ข้อ 15-17) เป็นการเกริ่นว่าความไม่ซื่อสัตย์ดังแต่ก่อนจะกลับมาอีก

c “พูด” และ “สงสาร” แปลโดยคาดคะเน กริยาในต้นฉบับภาษาฮีบรูอยู่ในรูปเอกพจน์ “ผู้ซื้อ” และ “ผู้ขาย” หมายถึงบรรดาชนชั้นปกครองชาวยิว เงินทองและการคดโกงทำให้เขาสามารถควบคุม “ผู้เลี้ยงแกะ” ของประชากรได้

d ข้อ 6 นี้มักถูกกล่าวว่าเป็นข้อความที่ผู้คัดลอกเสริมเข้ามาจากความคิดของคำ “สงสาร” ในข้อ 4-5 แต่ข้อนี้อยู่นอกบริบท ถึงกระนั้นบางคนก็เห็นว่าเป็นการกล่าวพาดพิงถึงเหตุการณ์ที่มีบันทึกไว้ใน 1 พกษ 12:19 และ 24 ข้อความตอนนี้ทั้งตอนกล่าวพาดพิงถึงระยะแรกของการมีกษัตริย์ปกครองในอิสราเอล และคนเลี้ยงแกะสามคนที่ถูกกำจัดในข้อ 8 หมายถึงกษัตริย์ซาโลมอนซึ่งทรงทำผิดไปนับถือรูปเคารพ กษัตริย์เรโหโบอัมที่ทรงเป็นเหตุให้อาณาจักรต้องแตกแยก และกษัตริย์เยโรโบอัมซึ่งทรงตั้งคารวกิจที่ไม่ถูกต้อง (ดูข้อ 8 เชิงอรรถ f)

e “พ่อค้า” ตามตัวอักษรว่า “ชาวคานาอัน” ตามต้นฉบับภาษากรีก ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ผู้ยากจนที่สุด” เช่นเดียวกับในข้อ 11 (เป็นการแยกคำ “คานาอัน” [kenacani] เป็นสองคำ ken กับ cani)

f คำอธิบายถึง “ผู้เลี้ยงแกะสามคนที่ทำผิด” (ดูข้อ 6 เชิงอรรถ d) ยังอาจหมายถึงมหาสมณะที่สืบตำแหน่งต่อมา ซึ่งพระยาห์เวห์ในตัวของประกาศกทรงปลดจากตำแหน่งด้วย ไม่นานหลังกลับจากแดนเนรเทศ บรรดาสมณะกลับเป็นผู้ปกครองกลุ่มชาวยิว **** “เดือน” เป็นสัญลักษณ์หมายถึงเวลาที่พระเจ้าทรงพระกรุณา แต่ประชากรไม่ได้ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์

g ผู้ปกครองมีสิทธิได้รับค่าจ้าง (ดู นหม 5:15) ในอุปมานิทัศน์เรื่องนี้ ค่าจ้างที่ชนชั้นปกครองให้แก่ประกาศก (ซึ่งเป็นผู้แทนของพระยาห์เวห์) นั้นเล็กน้อยอย่างน่าเหยียดหยาม เงินหนัก 30 บาทเป็นราคาซื้อขายทาสคนหนึ่งเท่านั้น (อพย 21:32) พูดสั้นๆ พวกนี้กำลังเยาะเย้ยพระยาห์เวห์ **** มธ 27:3-10 ใช้ข้อความจาก ศคย 11:12-13 กับพระเยซูเจ้า ซึ่งประกาศก (ที่รับบทบาทของพระยาห์เวห์) ดูเหมือนจะเป็นภาพล่วงหน้า

h ข้อความตอนนี้อาจเป็นหลักฐานเก่าแก่ที่สุดที่เรามีเกี่ยวกับการที่ชาวสะมาเรียแยกตัวออกไปจากชาวยิว จากข้อเขียนของโยเซฟุส นักประวัติศาสตร์ชาวยิว ชาวสะมาเรียสร้างพระวิหารคู่แข่ง (กับพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็ม) บนภูเขาเกริซิมราวปี 328 ก่อน ค.ศ. ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง การหักท่อนไม้ในข้อ 10 ก็เป็นสัญลักษณ์หมายถึงการเริ่มถูกชนต่างชาติข่มเหง และการแตกแยกภายในเป็นการถาวร

i “ที่พลัดหลง” ความหมายของคำภาษาฮีบรูไม่ชัดเจน อาจหมายถึง “การร้อง(ขอความช่วยเหลือ)” “สบายดี” บางคนแปลว่า “ป่อง” (swollen) หรือ “อ้วน” จากรากศัพท์ tzabah ใน กดว 5:22, 27

การกอบกู้และฟื้นฟูกรุงเยรูซาเล็ม

12 1คำพยากรณ์พระวาจาของพระยาห์เวห์เกี่ยวกับอิสราเอล

            พระยาห์เวห์ผู้ทรงขึงท้องฟ้าและวางฐานแผ่นดิน ทรงปั้นจิตภายในของมนุษย์ ตรัสว่า 2 “ดูซิ เรากำลังทำให้กรุงเยรูซาเล็มเป็นเหมือนถ้วยเหล้าองุ่นaที่ชนชาติทั้งหลายโดยรอบจะดื่มและเดินโซเซ เมื่อกรุงเยรูซาเล็มจะถูกล้อม และแคว้นยูดาห์ก็จะถูกล้อมด้วยb

          3วันนั้น เราจะทำให้กรุงเยรูซาเล็มเป็นเหมือนก้อนหินหนักเกินกว่าที่ชนชาติทั้งหลายจะยกขึ้น ทุกคนที่พยายามยกหินก้อนนี้ขึ้นจะทำให้ตนเองบาดเจ็บอย่างสาหัส แม้ชนชาติทั้งหมดบนแผ่นดินจะรวมกันมาต่อสู้กับกรุงเยรูซาเล็ม 4วันนั้น พระยาห์เวห์ตรัส เราจะทำให้ม้าทุกตัวตกใจกลัว และผู้ขี่บ้าคลั่ง เราจะทำให้ม้าทุกตัวของชนชาติทั้งหลายตาบอด แต่เราจะลืมตาดูแลพงศ์พันธุ์ยูดาห์c 5บรรดาผู้ปกครองยูดาห์จะคิดว่า ‘กำลังของผู้อาศัยในกรุงเยรูซาเล็มdอยู่ในพระยาห์เวห์จอมจักรวาลพระเจ้าของเขา’ 6วันนั้น เราจะทำให้ผู้ปกครองยูดาห์เป็นเหมือนถาดไฟลุกอยู่กลางกองฟืน เหมือนคบเพลิงลุกอยู่กลางฟ่อนข้าว และเขาทั้งหลายจะเผาผลาญชนทุกชาติโดยรอบทั้งทางขวาและทางซ้าย แต่กรุงเยรูซาเล็มยังจะมีผู้คนอาศัยอยู่ในที่เดิมที่เขาเคยอยู่* 7ก่อนอื่น พระยาห์เวห์จะทรงช่วยกระโจมของยูดาห์ให้รอดพ้น เพื่อความรุ่งโรจน์แห่งราชวงศ์ดาวิด และความรุ่งโรจน์ของผู้อาศัยในกรุงเยรูซาเล็มจะไม่ยิ่งใหญ่กว่าความรุ่งโรจน์ของยูดาห์ 8วันนั้น พระยาห์เวห์จะทรงปกป้องผู้อาศัยในกรุงเยรูซาเล็มไว้ ในวันนั้นผู้คนอ่อนแอที่สุดในหมู่เขาจะเป็นเหมือนกษัตริย์ดาวิด และราชวงศ์กษัตริย์ดาวิดจะเป็นเหมือนพระเจ้า เหมือนทูตของพระยาห์เวห์ผู้นำหน้าเขาทั้งหลาย”e

          9“วันนั้น เราตั้งใจจะทำลายนานาชาติที่มาต่อสู้กับกรุงเยรูซาเล็ม 10แต่เราจะเทจิตแห่งความเมตตากรุณาและการวอนขอลงเหนือราชวงศ์กษัตริย์ดาวิด และเหนือผู้อาศัยที่กรุงเยรูซาเล็ม เขาทั้งหลายจะมองดูผู้ที่เขาได้แทงf เขาจะไว้ทุกข์ให้ผู้นั้น เหมือนไว้ทุกข์ให้บุตรคนเดียว และจะร้องคร่ำครวญอย่างขมขื่นถึงเขา เหมือนร้องคร่ำครวญถึงบุตรคนแรก 11วันนั้น จะมีการร้องไห้คร่ำครวญยิ่งใหญ่ที่กรุงเยรูซาเล็ม เหมือนการร้องไห้คร่ำครวญสำหรับฮาดัดริมโมนในที่ราบเมกิดโด 12แต่ละครอบครัวในแผ่นดินนั้นจะร้องไห้คร่ำครวญ

          ราชวงศ์กษัตริย์ดาวิดจะร้องไห้คร่ำครวญตามลำพัง

และบรรดาสตรีของเขาก็เช่นเดียวกัน

ครอบครัวของตระกูลนาธันgจะร้องไห้คร่ำครวญตามลำพัง

และบรรดาสตรีของเขาก็เช่นเดียวกัน

13ครอบครัวของตระกูลเลวีจะร้องไห้คร่ำครวญตามลำพัง

และบรรดาสตรีของเขาก็เช่นเดียวกัน

ครอบครัวของตระกูลชิเมอีhจะร้องไห้คร่ำครวญตามลำพัง

และบรรดาสตรีของเขาก็เช่นเดียวกัน

14และครอบครัวอื่นทั้งหมดก็จะร้องไห้คร่ำครวญตามลำพัง

และบรรดาสตรีของเขาก็เช่นเดียวกัน”

12 a “ถ้วยเหล้าองุ่น” ในพระคัมภีร์หลายครั้งหมายถึงการลงโทษจากพระเจ้า (ดู ยรม 25:15ฯ; อสค 23:31ฯ; และ อบด ข้อ 16)

b “เมื่อกรุงเยรูซาเล็มและแคว้นยูดาห์จะถูกล้อมด้วย” อาจเป็นข้อความที่ผู้คัดลอกเสริมเข้ามา

c “แต่เราจะลืมตาดูแลพงศ์พันธุ์ยูดาห์” เรานำข้อความนี้มาจัดไว้ตอนปลายของข้อ หลังจากพูดเรื่อง “ม้า” แล้ว ประโยคนี้อาจเป็นข้อความที่ผู้คัดลอกเสริมเข้ามาด้วย

d “ของผู้อาศัยในกรุงเยรูซาเล็ม” แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “กำลังของเราผู้อาศัยในกรุงเยรูซาเล็ม”

* ที่ตรงนี้ ต้นฉบับภาษาฮีบรูยังเสริมว่า “ในกรุงเยรูซาเล็ม”

e ในยุคพระเมสสิยาห์ ราชวงศ์กษัตริย์ดาวิดจะได้รับการสถาปนาขึ้นมาอีก

f “เขาทั้งหลายจะมองดูผู้ที่เขาได้แทง” ตามสำนวนแปลของเทโอโดซิโอน (Theodotion) ที่ยอห์นได้อ้างถึงใน ยน 19:37 ต้นฉบับภาษาฮีบรู (MT)ว่า “เขาจะมองเรา เขาจะร่ำไห้คร่ำครวญถึงผู้ที่เขาได้แทง” ความตายของผู้ถูกแทงเกิดขึ้นในบริบทของอันตวิทยา กรุงเยรูซาเล็มถูกล้อม ชนทั้งชาติจะไว้ทุกข์ (ข้อ 10-14) การเปิดพุน้ำแห่งความรอดพ้น (13:1) ยุคพระเมสสิยาห์จึงขึ้นอยู่กับการรับทรมานและความตายอย่างลึกลับ ซึ่งคล้ายกันกับชะตากรรมของ “ผู้รับใช้” ใน อสย 52:13–53:12 (ดู สดด 69:26; อสค 37 ด้วย) ยน 19:37 อธิบายความหมายของข้อความนี้เป็นการพยากรณ์ถึงพระทรมานของพระเยซูเจ้า

g “นาธัน” ผู้นี้เป็นพระโอรสของกษัตริย์ดาวิด (2 ซมอ 5:14ฯ)

h “ชิเมอี” คือ ชิเมอี ลูกหลานของเกอร์โชนบุตรของเลวี (กดว 3:21)

13 1“วันนั้น พุน้ำจะเปิดสำหรับราชวงศ์กษัตริย์ดาวิดและผู้อาศัยในกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อชำระล้างaบาปและความสกปรก”

          2“วันนั้น พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัส เราจะกำจัดชื่อของรูปเคารพออกจากแผ่นดิน และจะไม่มีผู้ใดระลึกถึงชื่อเหล่านั้นอีก เราจะกำจัดประกาศกbและจิตสกปรกออกไปจากแผ่นดินด้วย 3ถ้าผู้ใดยังประกาศพระวาจาอีก บิดามารดาผู้ให้กำเนิดจะบอกเขาว่า ‘เจ้าอย่ามีชีวิตอยู่เลย เพราะเจ้าพูดมุสาในพระนามพระยาห์เวห์’ และขณะที่เขาประกาศพระวาจา บิดามารดาผู้ให้กำเนิดจะแทงเขา 4วันนั้น บรรดาประกาศกแต่ละคนจะต้องอับอายเพราะนิมิตที่เขาประกาศ เขาจะไม่สวมเสื้อคลุมผ้าขนสัตว์เพื่อหลอกลวงอีกต่อไป 5แต่เขาจะกล่าวว่า ‘ข้าพเจ้าไม่เป็นประกาศก ข้าพเจ้าเป็นชาวนา เพราะแผ่นดินเป็นที่เลี้ยงชีวิตข้าพเจ้าcมาตั้งแต่วัยหนุ่ม’ 6ถ้าผู้ใดถามเขาว่า ‘ทำไมท่านมีแผลเป็นที่หน้าอก’ เขาจะตอบว่า ‘ข้าพเจ้าได้รับแผลนั้นในบ้านของเพื่อน’”d

การรื้อฟื้นพันธสัญญาe

          7ดาบเอ๋ย จงตื่นขึ้นต่อสู้กับผู้เลี้ยงแกะของเรา

จงต่อสู้กับผู้อยู่ใกล้ชิดเรา

พระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัส

จงตีผู้เลี้ยงแกะ แล้วฝูงแกะก็จะกระจัดกระจายไป

เราจะหันมือมาโจมตีแกะตัวเล็กๆ

8ทั่วทั้งแผ่นดิน

พระยาห์เวห์ตรัส

ผู้คนสองในสามจะถูกกำจัดและจะพินาศ

หนึ่งในสามจะคงเหลืออยู่

9คนหนึ่งในสามเหล่านี้จะถูกทดลองในไฟ

เขาจะถูกถลุงเหมือนถลุงเงิน

เราจะพิสูจน์เขาเหมือนพิสูจน์ทองคำ

เขาจะเรียกขานนามของเรา

เราจะตอบเขา

เราจะบอกว่าf ‘เขาเป็นประชากรของเรา’

และเขาจะพูดว่า ‘พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า’”

13 a “เพื่อชำระล้าง” เราเสริมวลีนี้เพื่อทำให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น เรื่อง “พุน้ำ” ซึ่งจะไหลผ่านกรุงเยรูซาเล็มในยุคพระเมสสิยาห์ ดู อสย 12:3; อสค 47:1 ที่นี่ ไม่เหมือนกับใน 14:8 พุน้ำนี้ถูกเปิดออกเพื่อชำระประชากร (ดู อสค 36:25)

b สถาบันประกาศกจะต้องยกเลิก เพราะประกาศกเทียมได้พูดเท็จ ทำให้สถาบันนี้แปดเปื้อน (ดู ยรม 23:9ฯ; อสค 13)

c “แผ่นดินเป็นที่เลี้ยงชีวิตข้าพเจ้า” แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “(ชาย)คนหนึ่งได้ซื้อข้าพเจ้า”

d “(แผลเป็น)ที่หน้าอก” ตามตัวอักษรว่า “(แผลเป็น)ระหว่าง(สอง)มือ” ประกาศกในสมัยโบราณมักจะกรีดร่างกายให้เป็นบาดแผล (เทียบ 1 พกษ 18:28) ใครที่มีแผลเป็นบนร่างกายจึงถูกกล่าวหาว่าเป็นประกาศก เขาจึงป้องกันตนเองโดยอ้างว่าแผลเป็นเหล่านั้นเกิดจากการทะเลาะวิวาทกับเพื่อน

e ข้อความตอนนี้เป็นคำประพันธ์เกี่ยวกับพระเมสสิยาห์ อาจเป็นคำประพันธ์ที่เป็นเอกเทศ “ผู้เลี้ยงแกะ” ที่นี่ไม่ใช่ทั้ง “ผู้เลี้ยงแกะที่ดี” ใน 11:4-14 หรือ “ผู้เลี้ยงแกะไม่ดี” ใน 11:15-16 แต่ถ้าไม่มีคำอธิบายอะไรอื่น “ผู้เลี้ยงแกะ” ก็หมายถึงผู้นำของประชากร ในฐานะผู้แทนพระยาห์เวห์ ดาบซึ่งกำลังจะฟันเขาจะทำให้ชนทั้งชาติมีความทุกข์ในยุคสุดท้ายซึ่งจะนำหน้ายุคพระเมสสิยาห์ ความทุกข์นี้ถูกบรรยายโดยใช้ภาพตามประเพณีของ “ฝูงแกะที่ไม่มีผู้เลี้ยง” (อสค 34:5) “ผู้รอดชีวิตเหลืออยู่” (อสย 4:3 เชิงอรรถ c) “หนึ่งในสาม” (อสค 5:1-4) “ไฟถลุงแร่” (ยรม 6:29-30) แล้วชาติจึงจะพร้อมสำหรับพันธสัญญาใหม่ (ดู ยรม 31:31 เชิงอรรถ l)

f “เราจะบอกว่า” ตามต้นฉบับภาษากรีก ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “เราได้บอก”

การสู้รบในยุคสุดท้าย - ความรุ่งโรจน์ของกรุงเยรูซาเล็มa     

14       1ดูซิ วันของพระยาห์เวห์กำลังมา เขาจะแบ่งของเชลยที่ยึดไปจากเจ้าแก่กันต่อหน้าเจ้า 2เราจะรวบรวมนานาชาติให้ทำสงครามกับกรุงเยรูซาเล็ม เมืองนั้นจะถูกยึด บ้านเรือนจะถูกปล้น บรรดาสตรีจะถูกข่มขืน พลเมืองครึ่งหนึ่งจะถูกจับไปเป็นเชลย แต่ประชากรส่วนที่เหลืออยู่จะไม่ถูกขับไล่ออกไปจากเมือง 3แล้วพระยาห์เวห์จะเสด็จออกไปต่อสู้กับชนชาติเหล่านั้น เหมือนเมื่อทรงต่อสู้ในวันสงคราม 4วันนั้น พระบาทของพระองค์จะยืนอยู่บนภูเขามะกอกเทศซึ่งอยู่หน้ากรุงเยรูซาเล็มด้านตะวันออก และภูเขามะกอกเทศจะแยกออกเป็นสองส่วนจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก เกิดมีหุบเขาใหญ่มาก ภูเขาครึ่งหนึ่งจะถอยไปทางเหนือ และอีกครึ่งหนึ่งจะถอยไปทางใต้ 5ท่านทั้งหลายจะหนีไปตามหุบเขาในบรรดาภูเขาของเรา เพราะหุบเขาของภูเขาเหล่านี้จะแผ่ไปถึงหมู่บ้านอาซาล ท่านทั้งหลายจะหนีไปbเหมือนหนีจากแผ่นดินไหวในรัชสมัยของกษัตริย์อุสซียาห์แห่งยูดาห์ พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าจะเสด็จมาพร้อมกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์c

          6วันนั้น แสงสว่างจะไม่เปลี่ยนเป็นความมืดd 7จะมีแต่กลางวันเท่านั้น พระยาห์เวห์ทรงทราบ จะไม่มีกลางวันสลับกับกลางคืน แต่เวลาเย็นจะมีแสงสว่าง 8วันนั้น พุน้ำจะไหลออกมาจากกรุงเยรูซาเล็ม ครึ่งหนึ่งจะไหลไปสู่ทะเลด้านตะวันออก อีกครึ่งหนึ่งจะไหลไปสู่ทะเลด้านตะวันตกอยู่ตลอดเวลา ทั้งในฤดูร้อนและในฤดูหนาว 9พระยาห์เวห์จะทรงเป็นกษัตริย์ปกครองทั่วแผ่นดิน วันนั้นจะมีพระยาห์เวห์เพียงพระองค์เดียว และจะมีพระนามพระองค์เพียงพระนามเดียวe 10ทั่วแผ่นดินจะกลายเป็นที่ราบจากเมืองเกบาไปจนถึงเมืองริมโมนทางใต้ แต่กรุงเยรูซาเล็มจะตั้งอยู่บนที่สูงf และจะมีผู้อาศัยที่นั่นจากประตูเบนยามินจนถึงประตูหัวมุมที่เคยเป็นสถานที่ของประตูเก่า จนถึงบ่อย่ำองุ่นของกษัตริย์ 11จะมีผู้คนอาศัยอยู่ในเมืองนี้ จะไม่มีคำสาปแช่งอีกต่อไป และกรุงเยรูซาเล็มจะอยู่อย่างปลอดภัย

          12ต่อไปนี้จะเป็นภัยพิบัติที่พระยาห์เวห์จะทรงใช้โจมตีชนชาติทั้งหลายที่ทำสงครามกับกรุงเยรูซาเล็ม เนื้อของเขาจะเน่าไปขณะที่เขายังยืนอยู่ ตาของเขาจะเน่าคาเบ้าตา และลิ้นของเขาจะเน่าคาปากg 15ภัยพิบัติเช่นนี้จะเกิดแก่ม้า ล่อ อูฐ ลา และสัตว์อื่นๆ ในค่ายของเขา 13วันนั้น พระยาห์เวห์จะทรงบันดาลให้เกิดความโกลาหลยิ่งใหญ่ในหมู่เขา แต่ละคนจะจับมือของเพื่อน และจะยกมือขึ้นต่อสู้กัน 14ชาวยูดาห์จะต่อสู้ที่กรุงเยรูซาเล็มด้วย ทรัพย์สมบัติของชนชาติทั้งหลายที่อยู่โดยรอบจะถูกเก็บมากองไว้ คือ ทองคำ เงิน และเสื้อผ้าจำนวนมาก

          16แล้วทุกคนที่รอดชีวิตจากชนชาติทั้งหลายที่ได้ต่อสู้กับกรุงเยรูซาเล็มจะขึ้นไปนมัสการพระยาห์เวห์จอมจักรวาลผู้ทรงเป็นกษัตริย์ทุกปี เพื่อฉลองเทศกาลอยู่เพิงh 17ถ้าชนเผ่าใดในแผ่นดินไม่ขึ้นไปที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าจอมจักรวาลผู้ทรงเป็นกษัตริย์ จะไม่มีฝนตกเหนือเขา 18และถ้าชนชาติอียิปต์ไม่ยอมขึ้นไปที่นั่น ภัยพิบัติจะเกิดiแก่เขาเหมือนภัยพิบัติที่พระยาห์เวห์ทรงใช้ลงโทษชนชาติต่างๆ ที่ไม่ยอมขึ้นไปฉลองเทศกาลอยู่เพิง 19ที่กล่าวมานี้จะเป็นการลงโทษอียิปต์และชนทุกชาติที่ไม่ยอมขึ้นไปฉลองเทศกาลอยู่เพิง

          20วันนั้น แม้ลูกพรวนที่ผูกคอม้าก็จะมีคำจารึกว่า “ศักดิ์สิทธิ์ถวายแด่พระยาห์เวห์” และหม้อในครัวของพระวิหารของพระยาห์เวห์จะศักดิ์สิทธิ์เหมือนชามที่ใช้ประพรม ซึ่งอยู่หน้าแท่นบูชา 21ใช่แล้ว หม้อทุกใบในกรุงเยรูซาเล็มและในแคว้นยูดาห์จะศักดิ์สิทธิ์ถวายแด่พระยาห์เวห์ จอมจักรวาล และทุกคนที่มาถวายเครื่องบูชาจะนำหม้อของตนมาใช้ต้มเนื้อ วันนั้น จะไม่มีพ่อค้าในพระวิหารของพระยาห์เวห์จอมจักรวาลอีกต่อไปj

14 a บทที่ 14 กล่าวพยากรณ์ถึงผลกระทบระดับโลกที่ความเชื่อในพระเจ้าหนึ่งเดียว (เอกเทวนิยม) จะทำให้เกิดขึ้น คือการรวมเวลาทั้งหมดไว้ด้วยกัน (เป็นกลางวันที่ต่อเนื่องเพียงวันเดียว) การเปลี่ยนแปลงสถานที่ต่างๆ (ทำให้แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ราบเรียบ) โดยกำจัดโอกาสสำหรับการกราบไหว้ หรือแม้แต่การระลึกถึงรูปเคารพและการทำนายโชคชะตา (การตรวจตราดาวดาราและฤดูกาลต่างๆ หุบเขาฮินโนมและโทเฟท ภูเขาแห่งอุปสรรค ฯลฯ) และยังรวมศาสนาเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งสำหรับชาวอิสราเอลและชนต่างชาติ คือ พระเจ้าจะเป็นทุกสิ่งในทุกสิ่ง **** การบรรยายถึงการรบในยุคสุดท้าย (ข้อ 1-5, 12-15) ถูกคั่นหรือเสริมให้สมบูรณ์โดยการบรรยายถึงสถานภาพใหม่ของสิ่งต่างๆ ซึ่งจะตามมา

b “ท่านทั้งหลายจะหนีไปตาม... ท่านทั้งหลายจะหนีไป” ต้นฉบับภาษากรีกอ่านว่า “หุบเขาระหว่างเนินเขาจะถูกกั้น ใช่แล้ว จะถูกกั้นไปจนถึงยาโซล จะถูกกั้นเหมือน...” **** “หมู่บ้านอาซาล” อาจหมายถึงหมู่บ้านเล็กๆ ในห้วยขิดโรน หรือ “ห้วยยาโซล” ซึ่งเป็นห้วยเล็กๆ ที่ไหลลงสู่ห้วยขิดโรน **** “แผ่นดินไหวในรัชสมัยของกษัตริย์อุสซียาห์” ตรงกับที่ประกาศกอาโมสกล่าวถึงใน อมส 1:1 และโยเซฟุสนักประวัติศาสตร์ชาวยิวก็กล่าวถึงด้วย

c “พร้อมกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์” ตามตัวอักษรว่า “และบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์(จะมา)พร้อมกับเจ้า” ต้นฉบับภาษากรีกว่า “พร้อมกับเขา (=พระองค์)”

d ข้อนี้แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับภาษาฮีบรูไม่ชัดเจน

e การกล่าวซ้ำๆ เพื่อความสง่าของลีลา “พระนาม” พระยาห์เวห์ก็คือ “พระยาห์เวห์”เอง การที่ชนทุกชาติในโลกยอมรับความคิดว่ามีพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว (เอกเทวนิยม) เป็นเอกลักษณ์ประการหนึ่งของยุคพระเมสสิยาห์ (เทียบ มลค 1:11)

f “ไปจนถึงเมืองริมโมนทางใต้ แต่กรุงเยรูซาเล็มจะตั้งอยู่บนที่สูง” แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ถึงริมโมน ถึงแคว้นเนเกบ (ทางใต้)ของกรุงเยรูซาเล็ม และ(กรุงเยรูซาเล็ม)จะตั้งอยู่สูง” **** “เมืองเกบา” ตั้งอยู่ที่เขตแดนทางเหนือของอาณาจักรยูดาห์ ในดินแดนของชนเผ่าเบนยามิน “เมืองริมโมน” น่าจะเป็นเมือง Um-er-Rammamin ราว 15 กิโลเมตร ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเบเออร์เชบา

g ข้อ 15 ถูกจัดไว้หลังข้อ 12 ตามที่ความหมายเรียกร้อง ภัยพิบัติที่เกิดกับมนุษย์จะเกิดกับสัตว์เลี้ยง (สัตว์พาหนะ) ด้วย

h เทศกาลอยู่เพิงถูกเลือกกล่าวถึงที่นี่ เพราะเทศกาลนี้เป็นการสมโภชสรรเสริญพระยาห์เวห์ทรงเป็นผู้ปกครองสากลโลก

i “จะเกิด” ตามต้นฉบับภาษากรีก ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “จะไม่เกิด”

j ผู้แต่งคิดถึงประกาศกเอเสเคียล มองเห็นล่วงหน้าถึงการทำให้ทุกสิ่งในอิสราเอลศักดิ์สิทธิ์ในยุคพระเมสสิยาห์

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก