วันพุธที่ 16 กันยายน 2015
สัปดาห์ที่ยี่สิบสี่ เทศกาลธรรมดา
ลก 7:31-35…

31“เราจะเปรียบคนยุคนี้กับสิ่งใดดี เขาเหมือนกับสิ่งใด 32เขาเป็นเสมือนเด็กๆ ที่นั่งตามลานสาธารณะ ร้องบอกเพื่อนๆ ว่า
เราเป่าขลุ่ย
เจ้าก็ไม่เต้นรำ
เราร้องเพลงโศกเศร้า
เจ้าก็ไม่ร้องไห้
33ยอห์นผู้ทำพิธีล้างได้มา ไม่กินอาหาร ไม่ดื่มเหล้าองุ่น ท่านก็ว่า “คนนี้มีปีศาจสิง” 34บุตรแห่งมนุษย์ได้มา กินและดื่ม ท่านก็ว่า “ดูซิ นักกินนักดื่ม เป็นเพื่อนกับคนเก็บภาษีและคนบาป” 35พระปรีชาญาณของพระเจ้าผ่านการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้องโดยผู้ปฏิบัติตามพระ ปรีชาญาณนั้น”

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง 

• “พระปรีชาญาณของพระเจ้าผ่านการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้องโดยผู้ปฏิบัติตามพระปรีชาญาณนั้น”


• พ่อคิดว่ามีเสียงเพลงนานาชนิด หลากหลายรูปแบบแห่งสังคมปัจจุบันให้เราได้เต้น ได้เดินตาม ได้ไหลไปตามกระแส แต่เราจะไปทางไหนกันดี... พระเยซูเจ้ามาเทศนาสั่งสอนมากมาย แต่...ชาวฟาริสีธรรมาจารย์กลับไม่พร้อม ไม่กระทำตาม ไม่ยอมตาม เพลงโอดครวญก็ไม่ร้องไห้... บรรเพลงรื่นเริงก็ไม่เต้นรำ... ชีวิตของชาวยิว ฟาริสีธรรมาจารย์ไม่รู้หนาวไม่รู้ร้อนกับคำสอนของพระเยซูเจ้า ไม่ได้ใส่ใจ ไม่ได้ออกจากตนเองไปสู่ความจริง มีแต่.. “วิจารณ์ วิภากษณ์ บ่น ว่า ไม่ทำอะไรเลยจริง”
1. สำหรับยอห์นบัปติสตามา ประกาศการกลับใจ ให้ใช้โทษบาป จำศีล เคร่งครัด มัธยัสตน พวกเขาก็หาว่ายอห์นเป็นคนผีสิง
2. พระเยซูเจ้ามา พระองค์กินดื่มปกติ เป็นหนึ่งเดียวกับทุกคน เข้าถึงคนบาป คนชายขอบสังคม คบหาช่วยเหลือบรรดาคนที่สังคมไม่ต้องการ พวกเขาก็สะดุดเพราะพระองค์ หาว่าพระองค์เป็นเพื่อนกับคนเก็บภาษีและคนบาป

• สรุปว่าอย่างไร สรุปก็คือพวกเขา ไม่ได้ต้องการอะไรเลย ไม่หนาว ไม่ร้อน คือ ไม่ต้องออกแรง ออกจากตัวเอง ไม่ต้องเปลี่ยนแปลง และไม่เคยคิดจะเห็นด้วยกับใครทั้งสิ้น นอกจากเห็นแก่ตัวเอง รักแต่ตนเอง ตนเองเท่านั้นที่ถูกต้อง ดี และเป็นคนศาสนาจริงๆ นี่แหละ สิ่งที่พระเยซูเจ้าตำหนิเสมอกับ ธรรมาจารย์และฟาริสี ที่หน้าซื่อใจคด (Hypocrite) ของพวกคนเหล่านี้...

• พ่ออ่านพระวรสารวันนี้ คำตำหนิของพระเยซูเจ้าต่อธรรมาจารย์และฟาริสีที่ไม่ใส่ใจ ไม่เอาจริงๆกับเรื่องอะไรทั้งสิ้น...


• คำสำคัญของพระวรสารที่พ่อต้องตีความและอธิบายต่อไปคือ ประโยคสุดท้ายขอพระเยซูเจ้านั้น คืออะไร มีความหมายว่าอย่างไร... “พระปรีชาญาณของพระเจ้าผ่านการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้องโดยผู้ปฏิบัติตามพระ ปรีชาญาณนั้น” ประโยคนี้มีความหมายว่าอะไรหนอ

o พระเยซูเจ้าคือพระปรีชาญาณแท้จริงของพระเจ้า

o พระวาจาของพระองค์ พระบัญญัติของพระองค์ คือ บ่อเกิดของปรีชาญาณ

o สิ่งนี้พ่อมั่นใจที่สุดครับ... พระวาจาของพระเจ้าเท่านั้นคือบ่อเกิดของพระปรีชาญาณและชีวิต

• ประสบการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นขณะที่พ่อเขียนบทเทศน์นี้เลย พ่อได้คุยกับพี่น้องท่านหนึ่งผ่านทางกล่องข้อความ พี่น้องท่านนั้น ได้เขียนข้อความนี้มาให้พ่อครับ... 

o “Before, I never pay any attention for the bible. But since I know and learned from you so I more understanding what you are teaching.” แปลครับ “ก่อนนั้น ฉันไม่ได้เคยให้ความสนใจกับพระคัมภีร์เลย แต่ตั้งแต่ได้รู้จักและได้อ่านจากที่พ่อเขียน... บัดนี้เข้าใจมากขึ้นสิ่งที่พ่อสอน” นี่คือข้อความจากแดนไกลของพี่น้องที่อ่านพระคัมภีร์และบทเทศน์ที่พ่อเขียน ทุกๆวัน และนี่คือสิ่งที่พ่อยืนยันได้ว่า การได้อ่านพระคัมภีร์ ได้เห็นคุณค่าของพระวาจา คือ การได้พบปรีชาญาณครับ

o อีกท่านหนึ่งเคยเขียนให้พ่ออ่านว่า “พ่อ ตั้งแต่ได้รู้จักพ่อ ได้อ่านพระคัมภีร์เสมอ... ชีวิตของ (ชื่อ...) เปลี่ยนไปเยอะมาก” (เป็นเช่นนี้จริงๆ พ่อได้คุยกับเขา พ่อได้เห็นคุณค่าและความดีของชีวิตคริสตชนในเขา และในหลายๆคนที่ได้อ่านพระคัมภีร์ทุกๆวัน ชีวิตเปลี่ยนไปจริงๆ อยากรักพระเจ้า อยากเป็นคนดีมากขึ้นเสมอ อยากแบ่งปันมากขึ้น... พ่อได้อ่านสิ่งที่เขาเขียน เขาบอกว่า “เขาใกล้พระเจ้ามากขึ้น และอยากเป็นคริสตชนคนดีมากขึ้นไปอีก)

• พี่น้องที่รัก พ่อจะสรุปอย่างไรดี.. 

o สรุปได้ง่ายมากครับ ขอเพียงได้สัมผัสได้ฟังพระวาจาของพระเจ้าและได้ปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้า 

o ขอเน้น ขอย้ำครับ.. “ได้ปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้า” คือ ได้ดำเนินชีวิตตามปรีชาญาณแท้จริงของชีวิตของเราคริสตชนจริงๆ เราจะเปลี่ยนไป เราจะสามารถดำเนินชีวิตอย่างมีปรีชาญาณและเปี่ยมด้วยความงดงามแห่งความรัก ของพระเจ้า

• นี่พ่อเองก็ยอมรับว่า... การได้อ่าน ได้ไตร่ตรองพระวาจาของพระเจ้าทุกวัน (แม้เป็นสิ่งที่ต้องทำต่อเนื่องและยากที่จะหยุด แม้หยุดได้) พ่อรู้สึกได้จริงๆว่า ชีวิตพ่อ “มีอะไรทำเสมอทุกวัน” คำว่ามีอะไรทำของพ่อหมายความว่า วันละสักชั่วโมงหนึ่งที่พ่อได้เขียน ได้ไตร่ตรอง ได้เปิดใจให้พระวาจาของพระเจ้าได้เข้ามาอยู่ในชีวิตของพ่อเองเหมือนกัน... ตรงนี้คงกล่าวถึงเยอะไม่ได้.. แต่ก็นะ พ่อก็ทำแบบนี้มาทุกวัน

• พี่น้องที่รัก... พ่อมั่นใจจากการศึกษาหนังสือพระคัมภีร์วรรณกรรมปรีชาญาณ พ่อพบว่า การได้ปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้านั้นคือปรีชาญาณแท้จริงแห่งชีวิตของเรา ดังนั้น... หันมาให้ความใส่ใจกับการอ่านพระคัมภีร์ การไตร่ตรองพระวาจา และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้าเถอะครับ” นี่คือ ปรีชาญาณแท้จริงแห่งการดำเนินชีวิตของเรา


• ครับ ฟาริสี ธรรมจารย์รู้พระคัมภีร์ดีที่สุด รู้พระวาจาของพระเจ้าที่สุด แต่ความหน้าซื่อใจคด ทำให้พวกเขาขาด “ปรีชาญาณในการดำเนินชีวิต” ไม่ได้เดินตามพระวาจาของพระเจ้าเป็นสำคัญ แต่หันไปทำตามใจตนเอง เอาแต่ใจตนเอง ไม่ได้คิดถึงคนอื่นๆ ไม่ได้คิดถึงพระวาจาของพระเจ้าเลย น่าเสียดาย ขาดปรีชาญาณหรือโง่เขลาจริงๆในการเป็นคนศาสนาครับ

• พี่น้องที่รัก พ่อคิดว่า “เรามาถูกทางที่สุดแล้ว” ให้ความสำคัญกับพระวาจาของพระเจ้ามากๆ และดำเนินชีวิตตามพระวาจาของพระเจ้าให้มากที่สุดนะครับ... และชีวิตเราจะเป็นการพิสูจน์ว่า “พระปรีชาญาณของพระเจ้าผ่านการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้องโดยผู้ปฏิบัติตามพระ ปรีชาญาณนั้น”

o ถูกต้องที่สุด คือ ปรีชาญาณของพระเจ้า “พระวาจาของพระเจ้า”

o ลงมือพิสูจน์ด้วยกรเป็น “ผู้ปฏิบัติตามพระปรีชาญาณนั้นเถอะนะครับ”

• พี่น้องที่รักครับ.... พ่อรับรองด้วยความเชื่อมั่นว่า... ชีวิตคริสตชนของเราจะแตกต่างไปจากที่เคย ในความรักต่อพระเจ้า ในความรักต่อพี่น้องรอบข้าง และเราจะโดดเด่นในความรัก ในความดีต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์ทุกคนอย่างแน่นอน... 

o ขอพระเจ้าอวยพรครับ... ลงมือเลยนะครับ ลงมือปฏิบัติตามพระวาจาเป็นการพิสูจน์ปรีชาญาณของพระเจ้าในพระวาจาของพระองค์ด้วยกันนะครับ
ะคนบาป’ พระปรีชาญาณของพระเจ้าผ่านการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้องโดยผู้ปฏิบัติตามพระ ปรีชาญาณนั้น”