วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน 2012
วันอาทิตย์ฉลองพระเมตตา
บทอ่าน :กจ 4: 32-35 ; 1 ยน 5: 1-6 ; ยน 20: 19-31
พระวรสารสัมพันธ์กับ คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก 442, 448, 514, 575, 643, 644, 645, 659, 730, 788, 858, 976, 1087, 1120, 1287, 1441, 1461, 1485, 2839
ประมวลคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร (CSDC) 491
จุดเน้น เมื่อสงสัย ให้ค้นหาความจริง จึงสามารถเป็นรุ่งอรุณแห่งความเชื่อ
ในวัฒนธรรมปัจจุบัน เรามีแนวโน้มเป็นคนช่างสงสัย หลายคนเชื่อเฉพาะสิ่งที่พวกเขาสามารถเห็นและสัมผัสเท่านั้น หลายคนไม่ไว้ใจรัฐบาล ไม่ไว้ใจเพื่อนบ้าน หรือแม้ไม่ไว้ใจว่าพระเจ้าทรงรักพวกเขา มีเพียงหนทางเดียวเท่านั้นที่จะขจัดความสงสัย นั่นก็คือ อาศัยความเชื่อ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ ไม่มีใครให้ความเชื่อแก่คุณ นอกจากพระเจ้า คนอื่นสามารถนำคุณไปที่นั่น บางคนพยายามแสดงเหตุผลให้คุณยอมรับ บางคนสามารถชี้ให้คุณเห็นทิศทางที่ถูกต้อง แต่คุณต้องเชื่ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อาศัยพระหรรษทานของพระเจ้า และอาศัยความสมัครใจของคุณเอง คุณต้องรู้ตัวกระโดดข้ามจากความสงสัยไปสู่ความเชื่อ (ศรัทธา)
จงจำคำของพระเยซูเจ้าที่ตรัสกับบรรดาอัครสาวกระหว่างอาหารค่ำมื้อสุดท้ายว่า “สิ่งที่เรากำลังกระทำ พวกท่านไม่เข้าใจในปัจจุบัน แต่พวกท่านจะเข้าใจภายหลัง” ประชาชนหลายคนต้องการคำตอบ แต่ก็ไม่มีคำตอบใดจะทำให้พวกเขาพอใจ “สิ่งที่เรากำลังกระทำ พวกท่านไม่เข้าใจในปัจจุบัน แต่พวกท่านจะเข้าใจภายหลัง” เราจึงต้องจำคำพูดของพระองค์ไว้ในใจ ขณะที่เราดำเนินชีวิต แบกไม้กางเขนของตนเอง เราเข้าใจน้อยมาก แม้ว่าเราคิดว่าเรารู้มากแล้ว
เมื่อเวลาผ่านไปในชีวิต พวกเราส่วนใหญ่ก็เหมือนกับอัครสาวกโทมัส ก็ไม่ใช่สิ่งไม่ดี แต่ถ้าเราคงอยู่ในความสงสัย และไม่ยอมแสวงหาความจริง เราก็ไม่สามารถเติบโตในความเชื่อ ถ้าเราเพียงแค่เชื่อสิ่งเหล่านั้น เราจะสามารถเห็นหรือเข้าใจดีขึ้น เราไม่สามารถเริ่มมีประสบการณ์สิริรุ่งโรจน์ของสิ่งสร้าง หรือธรรมล้ำลึกของความเชื่อของเรา ถ้าเราจมอยู่ในความสงสัย แล้วพระเยซูสามารถกลับมาหาเรา ผู้ไม่มีอำนาจในชีวิต ความเชื่อและความหวังของเราก็จะเหี่ยวเฉาไป
พระวรสารวันนี้ เราเห็นแบบอย่างความเมตตาของพระเจ้า ในเวลาที่พระเยซูเจ้าตรัสกับโทมัสอย่างอ่อนโยน พระองค์รู้ว่าเขาสงสัยและกำลังเสริมความเชื่อให้ พระองค์ทรงอดทนกับโทมัส พบโทมัสในระดับความเชื่อของเขา พระองค์ทรงทำกับเราเหมือนกัน และกับทุกคนที่กำลังติดขัดเพราะความสงสัย พระวรสารวันนี้ช่วยให้รูปแบบวิธีการที่เราต้องช่วยเหลือผู้อื่น กลับมาเข้าใจพระเมตตาของพระเจ้า รักพระองค์ และไว้วางใจในพระองค์
เราแสดงหนทางแก่คนอื่น ด้วยการดำเนินชีวิตแห่งความรักและเมตตา นี่เป็นพยานแห่งความเชื่อ ซึ่งต้องช่วยนำคนอื่นมาหาพระคริสตเจ้า หลายคนชอบพิพากษาตัดสินคนอื่นในนามของพระเจ้า โดยลืมไปว่าพระเยซูเจ้าเสด็จมามิใช่เพื่อตัดสินผู้อื่น แต่เพื่อช่วยเหลือ จงฟังคำสอนอีกตอนหนึ่ง “เราคือประตู ผู้ที่เข้ามาทางเรา ผู้นั้นจะรอดพ้น... เรามาเพื่อให้พวกเขามีชีวิต และมีชีวิตอย่างสมบูรณ์” (ยน 10:9-10) พระเยซูเจ้าต้องการช่วยเราทุกคนให้รอด ไม่ว่าเป็นคริสตชน พี่น้องมุสลิม ชาวยิว นักการเมือง พระสงฆ์ ผู้ร้าย ผู้ติดยาเสพติด นักโทษ คนดี คนรวย คนจน และแน่นอนคนชอบสงสัยด้วย ดังนั้น ให้เรายินดี เพราะพระเจ้าทรงส่งพระเยซู พระบุตรสุดที่รักของพระองค์ ผู้ทรงมอบความรอดแก่เราทุกคน อาศัยพระเมตตาของพระองค์
พระสังฆราชวีระ อาภรณ์รัตน์ แปล
จาก Homilies โดย Catholic Diocese of Lansing,
(เมษายน – มิถุนายน 2012 Vol. 45 No. 2), หน้า 175-176.