“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

จ. ฉลองปัสกาa

 

12 1พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนในแผ่นดินอียิปต์ว่า 2“เดือนนี้bจะเป็นเดือนแรกสำหรับท่านทั้งหลาย เป็นเดือนเริ่มต้นปี 3ท่านทั้งสองคนจงบอกชุมชนชาวอิสราเอลทั้งหมดว่า วันที่สิบเดือนนี้ แต่ละคนต้องเลือกลูกแกะหรือลูกแพะตัวหนึ่งสำหรับครอบครัวของตน หนึ่งตัวต่อหนึ่งครอบครัว 4แต่ถ้าครอบครัวเล็กเกินไป กินลูกแกะไม่หมด จงเชิญเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงมากินด้วยตามจำนวนคน การเลือกลูกแกะนั้น จงคำนึงว่า แต่ละคนกินได้เท่าไร 5ลูกแกะนั้นต้องไม่มีตำหนิ เป็นตัวผู้อายุหนึ่งปี จะเลือกลูกแพะแทนลูกแกะก็ได้ 6จงจับมันเลี้ยงไว้จนถึงวันที่สิบสี่ของเดือนนี้ แล้วให้ชุมชนของชาวอิสราเอลทั้งหมดฆ่าลูกแกะนั้นในตอนเย็นc 7เอาเลือดทากรอบด้านข้างและด้านบนของประตูบ้านที่จะกินลูกแกะนั้น 8คืนนั้น จงย่างเนื้อสัตว์นั้น แล้วกินกับขนมปังไร้เชื้อและผักรสขม 9อย่ากินเนื้อดิบหรือเนื้อต้ม แต่จงย่างไฟทั้งหัว ขาและเครื่องใน 10อย่าให้มีส่วนใดเหลืออยู่จนกระทั่งเช้า ถ้ายังมีส่วนใดเหลือ ก็ให้เผาไฟเสียd 11ท่านทั้งหลายจงกินโดยพร้อมที่จะเดินทาง คือคาดสะเอว สวมรองเท้า และถือไม้เท้าe ท่านจงกินอย่างเร่งรีบ นี่เป็นปัสกาของพระยาห์เวห์f 12ในคืนนั้น เราจะผ่านเข้าไปทั่วแผ่นดินอียิปต์ และประหารชีวิตบุตรคนแรกทั้งหมดในแผ่นดินอียิปต์ ทั้งของคนและสัตว์ เราจะลงโทษเทพเจ้าทั้งหมดของอียิปต์ เราคือพระยาห์เวห์ 13เลือดที่กรอบประตูจะเป็นเครื่องหมายว่าเป็นบ้านที่ท่านทั้งหลายอาศัยอยู่ เมื่อเราเห็นเลือด เราจะผ่านเลยไป ท่านจะพ้นจากภัยพิบัติที่ทำลายgขณะที่เราลงโทษแผ่นดินอียิปต์ 14วันนี้จะเป็นวันที่ท่านทั้งหลายต้องจดจำไว้ ท่านต้องถือเป็นวันฉลองถวายพระเกียรติแด่พระยาห์เวห์ ท่านต้องฉลองเช่นนี้เป็นกฎถาวรชั่วลูกชั่วหลาน”

 

เทศกาลขนมปังไร้เชื้อ

15“ท่านต้องกินขนมปังไร้เชื้อเป็นเวลาเจ็ดวัน วันแรกท่านต้องเอาเชื้อแป้งในบ้านทิ้งให้หมด ถ้าผู้ใดขืนกินขนมปังใส่เชื้อตั้งแต่วันแรกถึงวันที่เจ็ด เขาจะต้องถูกตัดขาดจากชาติอิสราเอล 16วันแรกท่านจะต้องจัดให้มีการประชุมศักดิ์สิทธิ์ และวันที่เจ็ดท่านจะจัดให้มีการประชุมศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งหนึ่ง ทั้งสองวันนี้ท่านอย่าได้ทำการงานอะไรเลย ยกเว้นการเตรียมอาหาร 17ท่านจงรักษาเทศกาลขนมปังไร้เชื้อนี้ไว้ เพราะวันนี้เป็นวันที่เรานำขบวนของท่านออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ท่านต้องฉลองวันนี้เป็นกฎถาวรชั่วลูกชั่วหลาน 18ท่านต้องกินขนมปังไร้เชื้อตั้งแต่เย็นวันที่สิบสี่ของเดือนแรกจนถึงเย็นวันที่ยี่สิบเอ็ด 19อย่าให้มีเชื้อแป้งหลงเหลืออยู่ในบ้านของท่านเป็นเวลาเจ็ดวัน เพราะถ้าผู้ใดกินขนมปังใส่เชื้อ ผู้นั้นจะต้องถูกตัดขาดจากชุมชนชาวอิสราเอล ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นคนต่างด้าวหรือเป็นชาวอิสราเอลโดยกำเนิด 20ท่านต้องไม่กินขนมปังที่ใส่เชื้อ ไม่ว่าท่านอยู่ที่ใด ท่านจะต้องกินแต่ขนมปังไร้เชื้อเท่านั้น”

 

โมเสสสั่งประชาชนให้ฉลองปัสกา

21โมเสสเรียกประชุมผู้อาวุโสทั้งปวงของชาวอิสราเอลพูดว่า “จงไปhเลือกลูกแกะหรือลูกแพะสำหรับครอบครัวของท่าน และฆ่าเป็นเครื่องบูชาสำหรับฉลองปัสกา 22จงเอากิ่งหุสบiจุ่มลงในชามเลือดของสัตว์นั้น พรมที่กรอบประตูด้านข้างและด้านบน อย่าให้ผู้ใดออกนอกบ้านจนกระทั่งเช้า 23เมื่อพระยาห์เวห์เสด็จผ่านมาลงโทษอียิปต์ พระองค์จะทอดพระเนตรเห็นเลือดที่กรอบประตูทั้งด้านข้างและด้านบน พระยาห์เวห์จะเสด็จผ่านประตูไป จะไม่ทรงอนุญาตให้ผู้ทำลายjเข้าไปประหารชีวิตคนในบ้านของท่าน 24ท่านจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งนี้เป็นกฎถาวรสำหรับท่านและลูกหลานของท่านตลอดไป 25เมื่อท่านเข้าไปในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์จะประทานให้ท่านตามพระสัญญา ท่านจะต้องรักษาพิธีนี้ไว้ 26เมื่อลูกหลานถามท่านว่า ‘พิธีนี้มีความหมายว่าอย่างไร’ 27ท่านจะตอบเขาว่า ‘เป็นเครื่องบูชาสำหรับฉลองปัสกาถวายเป็นเกียรติแด่พระยาห์เวห์ ผู้เสด็จผ่านบ้านของชาวอิสราเอลในอียิปต์ เมื่อพระองค์ทรงประหารชีวิตชาวอียิปต์ แต่ทรงไว้ชีวิตครอบครัวของเรา’” ประชาชนต่างคุกเข่ากราบนมัสการ 28ชาวอิสราเอลกลับไปทำตามที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาโมเสสและอาโรน

 

ภัยพิบัติประการที่สิบ บุตรชายคนแรกถูกประหารชีวิต

29ครั้นถึงเวลาเที่ยงคืน พระยาห์เวห์ทรงประหารชีวิตบุตรชายคนแรกทั้งหมดในแผ่นดินอียิปต์ ตั้งแต่พระโอรสองค์แรกของกษัตริย์ฟาโรห์ผู้ประทับบนพระบัลลังก์ ไปจนถึงบุตรชายคนแรกของนักโทษในคุกใต้ดิน และลูกตัวแรกของสัตว์ทั้งปวง 30กษัตริย์ฟาโรห์ทรงลุกขึ้นในคืนนั้นพร้อมกับข้าราชบริพารและชาวอียิปต์ทุกคน มีเสียงร้องไห้คร่ำครวญดังไปทั่วอียิปต์ เพราะทุกบ้านต่างมีผู้ตาย 31ในคืนนั้นเอง กษัตริย์ฟาโรห์ทรงเรียกโมเสสและอาโรนเข้าเฝ้า ตรัสว่า “ท่านทั้งสองคนและชาวอิสราเอล จงรีบออกไปจากประชาชนของเรา จงไปนมัสการพระยาห์เวห์ตามที่ท่านขอเถิด 32จงต้อนฝูงแพะแกะและฝูงโคไปด้วยตามที่ท่านได้ขอไว้ จงไปเถิดและจงขอพรให้เราด้วย” 33ชาวอียิปต์เร่งให้ประชากรอิสราเอลรีบออกไปจากแผ่นดิน พูดว่า 34“มิฉะนั้นเราทุกคนจะต้องตาย” ประชากรอิสราเอลเอาภาชนะใส่แป้งขนมปังที่นวดแล้ว แต่ไม่ใส่เชื้อห่อผ้าสะพายบ่าไป

 

ชาวอิสราเอลได้ทรัพย์สินทั้งหมดของชาวอียิปต์

35ชาวอิสราเอลปฏิบัติตามคำสั่งของโมเสสทุกประการ ขอเครื่องเงิน เครื่องทอง และเสื้อผ้าจากชาวอียิปต์ 36พระยาห์เวห์ทรงบันดาลให้ชาวอียิปต์มีใจกรุณาต่อประชากรอิสราเอล จนให้สิ่งของตามที่ชาวอิสราเอลขอ ชาวอิสราเอลจึงได้ทรัพย์สินทั้งหมดของชาวอียิปต์โดยวิธีนี้

 

ชาวอิสราเอลออกเดินทาง

          37ชาวอิสราเอลออกเดินทางจากเมืองราเมเสสมุ่งไปเมืองสุคคท ผู้เดินทางเป็นชายฉกรรจ์หกแสนคนk ไม่นับผู้หญิงและเด็ก 38นอกจากนั้น ยังมีชนชาติผสมเป็นจำนวนมากเดินทางไปด้วยพร้อมทั้งสัตว์เลี้ยง ฝูงแพะแกะ และฝูงโคจำนวนมาก 39เขาเอาแป้งขนมปังนวดแล้วที่นำจากอียิปต์มาอบเป็นขนมปังไร้เชื้อ แป้งขนมปังไม่ได้ใส่เชื้อก็เพราะเขาถูกขับออกจากอียิปต์อย่างฉับพลัน ไม่มีเวลาจะเตรียมเสบียงสำหรับการเดินทางl 40ชาวอิสราเอลอยู่ในอียิปต์เป็นเวลาสี่ร้อยสามสิบปีm 41และในวันที่ครบสี่ร้อยสามสิบปีนั้นเอง ขบวนทั้งหมดของพระยาห์เวห์ก็ออกจากแผ่นดินอียิปต์ 42คืนนั้นเป็นคืนที่พระยาห์เวห์ทรงตื่นเฝ้าเพื่อทรงนำชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ คืนนั้นจึงเป็นคืนที่ชาวอิสราเอลทุกคนจะต้องตื่นเฝ้าถวายพระเกียรติแด่พระยาห์เวห์ชั่วลูกชั่วหลาน

 

กฎเกี่ยวกับการฉลองปัสกา

43พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า “นี่เป็นข้อกำหนดสำหรับพิธีปัสกาn อย่าให้คนต่างชาติกินลูกแกะปัสกา 44แต่ทาสทุกคนที่ท่านซื้อมาจะกินปัสกาได้เมื่อเขาเข้าสุหนัตแล้ว 45คนต่างด้าวหรือลูกจ้างกินปัสกาไม่ได้ 46ท่านจะต้องกินปัสกาในบ้านหลังเดียวเท่านั้น อย่าได้นำออกไปกินนอกบ้าน อย่าหักกระดูกของลูกแกะเลย”

47ประชาชนอิสราเอลทุกคนต้องกินเลี้ยงฉลองปัสกา 48คนต่างด้าวoที่ต้องการร่วมฉลองปัสกาถวายแด่พระยาห์เวห์ จงให้ผู้ชายทุกคนในครอบครัวของเขาเข้าสุหนัตเสียก่อน แล้วจึงจะเข้าร่วมพิธีฉลองนี้ได้ เขาจะเป็นเหมือนชาวอิสราเอลโดยกำเนิด แต่ห้ามชายทุกคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัตกินปัสกา 49ให้ผู้ที่เป็นชาวอิสราเอลโดยกำเนิดและคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่กับท่านปฏิบัติตามกฎเดียวกันนี้” 50ชาวอิสราเอลทุกคนปฏิบัติตามที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาโมเสสและอาโรน 51วันนั้น พระยาห์เวห์ทรงนำชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ เรียงรายเป็นขบวนราวกับกองทัพ

 

12 a ข้อความยืดยาวเรื่องงานฉลองปัสกา (12:1-13:16) มาจากแหล่งข้อมูลโบราณหลายแหล่งคือจากตำนานยาห์วิสต์ (12:21-23, 27ข, 29-39) มีรายละเอียดเพิ่มเติมจากตำนานเฉลยธรรมบัญญัติ (12:24-27ก; 13:3-16 และบางที 13:1-2ด้วย) รวมทั้งรายละเอียดเพิ่มเติมจากตำนานสงฆ์ ได้แก่กฎพิธีกรรมและความหมายของฉลองปัสกา (12:1-20,28,40-51) จงเปรียบเทียบรายละเอียดเหล่านี้กับพิธีใน ลนต 23:5-8; กดว 28:16-25; ฉธบ 16:1-8 แท้จริงแล้ว ฉลองปัสกาและเทศกาลขนมปังไร้เชื้อแต่เดิมเป็นสองฉลองแยกจากกัน เทศกาลขนมปังไร้เชื้อเป็นงานฉลองของเกษตรกรซึ่งปฏิบัติกันเมื่อชาวอิสราเอลมาอาศัยอยู่ในแผ่นดินคานาอันแล้วเท่านั้น ต่อมาเมื่อกษัตริย์โยสิยาห์ทำการปฏิรูปทางศาสนาแล้ว เทศกาลนี้จึงถูกนำมารวมกันกับการฉลองปัสกา ส่วนการฉลองปัสกาซึ่งปฏิบัติกันก่อนจะมีชาติอิสราเอลเสียอีก เป็นการฉลองประจำปีของชนเผ่าเร่ร่อนผู้เลี้ยงแกะเพื่อขอพรให้ฝูงแกะปลอดภัย การเริ่มกล่าวถึงฉลองเก่าแก่นี้ในข้อ 21 ตามตำนานยาห์วิสต์โดยไม่มีการอธิบายใดๆ ทำให้เข้าใจว่า ฉลองนี้เป็นพิธีที่รู้จักกันดีแล้ว และอาจเป็นฉลองเดียวกันกับ “วันฉลองพระยาห์เวห์” ซึ่งโมเสสได้ขออนุญาตกษัตริย์ฟาโรห์ออกไปทำฉลอง (ดู 5:1 เชิงอรรถ b) ดังนั้น การรวมฉลองปัสกา ภัยพิบัติประการที่สิบ และการออกจากอียิปต์เข้าด้วยกัน จึงเป็นผลงานของผู้เรียบเรียงหนังสืออพยพเท่านั้น เป็นการบังเอิญที่การออกจากอียิปต์เกิดขึ้นในเวลาเดียวกับวันฉลองนี้ แต่ต่อมา ความบังเอิญนี้เป็นสาเหตุทำให้รายละเอียดจากตำนานเฉลยธรรมบัญญัติ (12:24-27; 13:3-10) มาอธิบายการฉลองปัสกา (และเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ) ว่าเป็นพิธีระลึกถึงการอพยพออกจากอียิปต์ (ดู ฉธบ 16:1-3) ตำนานสงฆ์นำพิธีปัสกาทั้งหมดมารวมกับเรื่องภัยพิบัติประการที่สิบและการอพยพออกจากอียิปต์ (12:11ข-14, 42) ก่อนนั้นตำนานยาห์วิสต์ (12:34, 39 เชิงอรรถ l) ก็รวมพิธีโบราณของการฉลองปัสกา ซึ่งมีการกินขนมปังไร้เชื้อเข้ากับการอพยพออกจากอียิปต์ด้วย การอพยพออกจากอียิปต์มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับชาวอิสราเอลที่พระเจ้าทรงเรียกเป็นพิเศษ เมื่อพิธีฉลองปัสกาและเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อถูกนำมาสัมพันธ์กับเหตุการณ์สำคัญยิ่งทางประวัติศาสตร์นี้ ทำให้พิธีทั้งสองนี้มีความหมายใหม่ทางศาสนาคือ เป็นการระลึกว่าพระเจ้าทรงช่วยประชากรของพระองค์ให้รอดพ้นอย่างไร ดังจะเห็นได้ในสูตรที่อธิบาย (12:26-27; 13:8) ดังนั้น ฉลองปัสกาของชาวยิวจึงเป็นการเตรียมการฉลองปัสกาของคริสตชน พระคริสตเจ้าจึงเป็นลูกแกะของพระเจ้า ถูกประหารชีวิตเป็นเครื่องบูชา (บนไม้กางเขน) และเป็นอาหาร (อาหารค่ำมื้อสุดท้าย) ในบรรยากาศของการฉลองปัสกาของชาวยิว (สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์)

b เดือนนี้คือเดือนแรกของฤดูใบไม้ผลิ ตรงกับเดือนมีนาคม เมษายน ปฏิทินโบราณของชาวยิวเรียกเดือนนี้ว่า “อาบีบ” (ฉธบ 16:1) แต่ปฏิทินที่ใช้หลังจากการถูกเนรเทศที่กรุงบาบิโลนเรียกว่า “นิสาน”

c แปลตามตัวอักษรว่า “ระหว่างสองเย็น”

d เพื่อมิให้นำไปใช้นอกพิธี ต้นฉบับภาษากรีกยังเสริมว่า “ท่านอย่าไปหักกระดูกของลูกแกะเลย” (ดู ข้อ 46)

e การคาดสะเอว สวมรองเท้า และถือไม้เท้าเป็นการแต่งตัวเตรียมเดินทาง

f เราไม่รู้รากศัพท์ของคำที่แปลว่า “ปัสกา” (pesah) 12:13, 23, 27 อธิบายความหมายของคำนี้ว่า พระยาห์เวห์ “เสด็จผ่านเลย” หรือ “ทรงละไว้” หรือ “ทรงปกป้อง” บ้านของชาวอิสราเอล แต่คำอธิบายนี้ไม่ใช่ความหมายดั้งเดิม

g อาจแปลได้อีกว่า “ภัยพิบัติของผู้ทำลาย” (ดู ข้อ 23)

h “จงไปเลือก” ตามต้นฉบับภาษากรีก ส่วนต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “จงเลือกเอา”

i ต้นหุสบเป็นพืชมีกลิ่นหอมที่ใช้ในพิธีชำระ (กดว 19:6; สดด 51:7; ฮบ 9:19) มีกิ่งตรง มีดอกสีฟ้าหรือชมพู

j ในพิธีปัสกาที่มีอยู่ก่อนสมัยชาวอิสราเอล ผู้ทำลาย หมายถึง ปีศาจที่คุกคามฝูงสัตว์และครอบครัว การทาหรือพรมเลือดที่ประตูบ้านหรือกระโจม เป็นวิธีป้องกันการโจมตีของปีศาจนี้ แต่ชาวอิสราเอลนำความคิดนี้มาประยุกต์ “ผู้ทำลาย” คือ ทูตสวรรค์ผู้ปฏิบัติตามพระบัญชาของพระเจ้า (ปฐก 19:13; 2 ซมอ 24:16; ฮบ 11:28)

k จำนวนเลขนี้เกินความจริง บางคนอธิบายว่า “หกแสน” = “หกร้อยพัน” น่าจะอ่านว่า “หกร้อยครอบครัว” บางคนคิดว่าผู้เขียนนำจำนวนชาวอิสราเอลในสมัยของผู้เขียนตำนานยาห์วิสต์มาใส่ที่นี่

l ขนมปังไม่ใส่เชื้อที่กล่าวที่นี่เป็นอาหารปกติของชนเผ่าเร่ร่อน (ดู ยชว 5:11) การที่ชาวอิสราเอลปิ้งขนมปังไร้เชื้อเพื่อเป็นเสบียงในการเดินทางนั้น จึงยังไม่ใช่พิธีในเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อในสมัยต่อมา ตำนานยาห์วิสต์อธิบายว่า ชาวยิวต้องปิ้งขนมปังโดยไม่ใส่เชื้อ เพราะต้องรีบออกจากอียิปต์

m ต้นฉบับของชาวสะมาริตันและภาษากรีกกล่าวว่า จำนวน 430 ปีนี้นับตั้งแต่อับราฮัม

n ข้อ 43-50 กำหนดเงื่อนไขสำหรับผู้ไม่ใช่ชาวอิสราเอลที่ต้องการร่วมเลี้ยงฉลองปัสกา และอธิบายว่าพิธีนี้ต้องดำเนินอย่างไร ข้อกำหนดนี้เสริมข้อกำหนดจากตำนานสงฆ์ในข้อ 3-11 ให้ครบถ้วนยิ่งขึ้น ตามตำนานนี้ ชาวอิสราเอลเป็น “พลเมืองของแผ่นดิน” คือ ผู้อาศัยตัวจริงในแผ่นดินคานาอัน

o “คนต่างด้าว” (ger) ผู้อาศัยในแผ่นดินอิสราเอลมีกฎกำหนดสิทธิของตนโดยเฉพาะ บรรดาบรรพบุรุษเคยอาศัยอยู่ในแผ่นดินคานาอันอย่างคนต่างถิ่น (ปฐก 23:4) เช่นเดียวกับที่ชาวอิสราเอลเป็นคนต่างถิ่นในแผ่นดินอียิปต์ (อพย 2:22; ปฐก 15:13) แต่หลังจากที่ชาวอิสราเอลยึดครองแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว บทบาทจึงกลับกัน ชาวอิสราเอลกลายเป็น “พลเมืองของแผ่นดิน” และทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านสำหรับคนต่างด้าว (ฉธบ 10:19) คนต่างชาติเหล่านี้ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของอิสราเอล (ลนต 17:15; 24:16-22) และต้องถือกฎวันสับบาโตเช่นเดียวกัน (อพย 20:10; ฉธบ 5:14) คนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ถวายบูชาแด่พระยาห์เวห์ได้ (กดว 15:15-16) และร่วมฉลองปัสกาได้ (กดว 9:14) ถ้าเขายอมเข้าสุหนัต (อพย 12:48) กฎนี้เป็นรากฐานสำหรับกฎที่จะใช้ในสมัยชาวกรีกปกครอง เมื่อคนต่างชาติสมัครมาถือศาสนายิวตามที่กล่าวล่วงหน้าใน อสย 14:1 “คนต่างด้าว” เหล่านี้มักมีฐานะยากจน จึงได้รับการปกป้องจากธรรมบัญญัติ (ลนต 23:22; 25:35; ฉธบ 24; 26:12) ฉธบ 12:2 และ 26:12 เปรียบคนต่างด้าวกับชนเลวีซึ่งไม่มีที่ดินเป็นมรดกในอิสราเอล ใน วนฉ 17:7 ชาวเลวีจากเมืองเบธเลเฮมถูกเรียกว่าเป็น “ผู้อาศัยอยู่อย่างคนต่างถิ่น” ในแคว้นยูดาห์ (ดู วนฉ 19:1) ต้นฉบับภาษากรีก แปล “ger” ว่า “proselytes” หรือ “คนต่างชาติที่กลับใจมาถือศาสนายิว” (ดู มธ 23:15)

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก