“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่อับราฮัมa

18 1พระยาห์เวห์ทรงสำแดงพระองค์แก่อับราฮัมที่หมู่ต้นโอ๊กของมัมเร ขณะนั้นเป็นเวลาแดดร้อนจัด อับราฮัมกำลังนั่งอยู่ที่ประตูกระโจม 2เขาเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นชายสามคนยืนอยู่ใกล้ตน ทันทีที่เห็น อับราฮัมก็วิ่งจากประตูกระโจมไปต้อนรับและกราบลงที่พื้นดินb 3เขาพูดว่า “เจ้านายของข้าพเจ้า ถ้าท่านโปรดปรานข้าพเจ้า โปรดอย่าผ่านผู้รับใช้ของท่านไปเลย 4ข้าพเจ้าจะให้เขาเอาน้ำมาล้างเท้าให้ท่าน เชิญท่านพักใต้ต้นไม้นี้เถิด 5ขอให้ข้าพเจ้าไปนำอาหารมาให้ท่านสักเล็กน้อย ท่านจะได้สดชื่น มีกำลังเดินทางต่อไป ท่านมาถึงบ้านข้าพเจ้าแล้ว ขอให้ข้าพเจ้ารับใช้ท่านเถิด” เขาทั้งสามคนจึงตอบว่า “จงทำตามที่ท่านพูดนั้นเถิด”

          6อับราฮัมรีบเข้าไปในกระโจมของนางซาราห์ และบอกว่า “เร็วเข้า ไปเอาแป้งละเอียดสามถังมานวดและทำขนมปังสำหรับแขกสามคนเถิด” 7แล้วอับราฮัมวิ่งไปที่ฝูงสัตว์ นำลูกโคอ้วนพีตัวหนึ่งให้ผู้รับใช้ฆ่า และรีบปรุงเป็นอาหาร 8เขาเอานมข้นเปรี้ยว น้ำนมสดและเนื้อลูกโคที่เตรียมแล้วมาวางต่อหน้าคนทั้งสาม และยืนอยู่ใต้ต้นไม้คอยรับใช้ ขณะที่คนทั้งสามกำลังกินอาหาร

          9เขาเหล่านั้นถามว่า “นางซาราห์ภรรยาของท่านอยู่ที่ไหน” อับราฮัมตอบว่า “นางอยู่ในกระโจม” 10คนหนึ่งจึงพูดว่า “ปีหน้าเราจะกลับมาหาท่านอีกอย่างแน่นอน นางซาราห์ภรรยาของท่านจะมีบุตรชายคนหนึ่ง” นางซาราห์ฟังอยู่ที่ประตูกระโจมเบื้องหลังอับราฮัม 11อับราฮัมและนางซาราห์ชรามากแล้ว ทั้งประจำเดือนของนางซาราห์ก็หมดไปแล้วด้วย 12นางซาราห์จึงหัวเราะอยู่ในใจc คิดว่า “ฉันแก่เกินกว่าที่จะมีบุตรแล้ว สามีของฉันก็แก่แล้ว ฉันยังจะมีความสนุกในทางประเวณีอีกหรือ” 13แต่พระยาห์เวห์ตรัสถามอับราฮัมว่า “ทำไมนางซาราห์จึงหัวเราะ และคิดว่า ‘ฉันแก่แล้วจะคลอดบุตรได้หรือ’ 14มีสิ่งใดที่ยากเกินไปสำหรับพระยาห์เวห์หรือ เมื่อถึงเวลากำหนด เราจะกลับมาหาท่านในปีหน้า และนางซาราห์จะมีบุตรชายคนหนึ่ง” 15นางซาราห์ปฏิเสธว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้หัวเราะ” เพราะนางกลัว พระองค์จึงตรัสว่า “ไม่จริง ท่านหัวเราะแน่ๆ”

 

อับราฮัมอ้อนวอนเพื่อเมืองโสโดม

          16ชายทั้งสามคนออกเดินทางไปจากที่นั่น และมาถึงสถานที่ซึ่งมองลงมาเห็นเมืองโสโดมได้ อับราฮัมเดินตามไปส่งด้วย 17พระยาห์เวห์ทรงพระดำริว่า “ควรหรือที่เราจะปิดบังไม่ให้อับราฮัมรู้ถึงสิ่งที่เราจะทำ 18อับราฮัมจะเป็นชนชาติใหญ่และมีอำนาจ และชนทุกชาติบนแผ่นดินจะได้รับพรเพราะเขา 19เราเลือกเขาไว้ให้สั่งสอนลูกหลานและครอบครัวที่จะตามมาให้ปฏิบัติตามวิถีทางของพระยาห์เวห์ โดยทำแต่สิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรม เพื่อว่าพระยาห์เวห์จะประทานสิ่งที่ทรงสัญญาไว้แก่อับราฮัม” 20พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เสียงกล่าวโทษเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์นั้นดังเหลือเกิน และบาปของเขาก็หนักมาก 21เราจะลงไปดูว่าเป็นจริงตามเสียงกล่าวโทษทั้งหมดนี้หรือไม่d เราอยากรู้”

          22ชายเหล่านั้นeจึงออกจากที่นั่นเดินตรงไปยังเมืองโสโดม แต่อับราฮัมยังยืนเฝ้าพระยาห์เวห์อยู่ 23อับราฮัมเข้ามาใกล้ทูลถามว่า “พระองค์จะทรงทำลายผู้ชอบธรรมพร้อมกับคนอธรรมเทียวหรือ 24ถ้ามีคนชอบธรรมอยู่ห้าสิบคนในเมืองนั้น พระองค์จะยังทรงทำลายเมืองนั้นหรือ พระองค์จะไม่ทรงอภัยเมืองนั้นเพราะเห็นแก่คนชอบธรรมห้าสิบคนที่อยู่ที่นั่นหรือf 25ขอพระองค์อย่าทรงคิดที่จะกระทำเช่นนั้นเลย อย่าทรงคิดที่จะฆ่าคนชอบธรรมพร้อมกับคนอธรรม อย่าทรงกระทำกับคนชอบธรรมเช่นเดียวกับคนอธรรม ขอพระองค์อย่าทรงกระทำเช่นนั้นเลย พระองค์ผู้ทรงพิพากษาตัดสินโลกจะไม่ทรงกระทำสิ่งที่ถูกต้องหรือ”g 26พระยาห์เวห์ตรัสตอบว่า “ถ้าเราพบคนชอบธรรมห้าสิบคนในเมืองโสโดม เราจะให้อภัยเมืองนั้น เพราะเห็นแก่เขา”

          27อับราฮัมทูลอีกว่า “ขอประทานอภัยที่ข้าพเจ้าบังอาจทูลเจ้านายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเป็นเพียงฝุ่นผงและขี้เถ้า 28ถ้าในห้าสิบคนนั้นขาดไปห้าคน พระองค์ยังจะทรงทำลายเมืองนั้นทั้งเมืองเพราะขาดไปห้าคนหรือ” พระองค์ตรัสว่า “เราจะไม่ทำลาย ถ้าเราพบคนชอบธรรมสี่สิบห้าคนที่นั่น” 29อับราฮัมทูลพระองค์อีกว่า “ถ้าทรงพบเพียงสี่สิบคนที่นั่นเล่า” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราจะไม่ทำลาย เพราะเห็นแก่สี่สิบคน”

          30อับราฮัมทูลว่า “เจ้านายของข้าพเจ้าอย่ากริ้วเลย ถ้าข้าพเจ้าจะทูลต่ออีกเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าพระองค์ทรงพบเพียงสามสิบคนที่นั่น” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราจะไม่ทำลาย ถ้าเราพบสามสิบคน” 31อับราฮัมทูลว่า “ขอประทานอภัยที่ข้าพเจ้าบังอาจทูลเจ้านายของข้าพเจ้า ถ้าพระองค์ทรงพบเพียงยี่สิบคนที่นั่น” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราจะไม่ทำลายเมืองนั้น เพราะเห็นแก่ยี่สิบคน” 32อับราฮัมทูลว่า “เจ้านายของข้าพเจ้าอย่ากริ้วเลย ถ้าข้าพเจ้าจะทูลต่ออีกเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าพระองค์ทรงพบเพียงสิบคนที่นั่น” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราจะไม่ทำลายเมืองนั้น เพราะเห็นแก่สิบคน”

33เมื่อตรัสกับอับราฮัมแล้ว พระยาห์เวห์เสด็จจากไป อับราฮัมจึงกลับบ้านh

 

18 a เรื่องราวจากตำนานยาห์วิสต์บทนี้เล่าถึงการสำแดงพระองค์ของพระยาห์เวห์  (ข้อ1, 3, 10ฯ, 13, 22) พร้อมกับ  “ชาย” สองคน ซึ่งตาม 19:1 คือ ทูตสวรรค์ ต้นฉบับทั้งภาษาฮีบรู กรีก และสะมาริตันใช้กริยาทั้งในเอกพจน์และพหูพจน์คละกันไปไม่แน่นอน การที่อับราฮัมพูดกับชายสามคนด้วยสรรพนามเอกพจน์ ทำให้ปิตาจารย์หลายคนของพระศาสนจักรเห็นว่าข้อความตอนนี้เป็นการกล่าวพาดพิงถึงธรรมล้ำลึกเรื่องพระตรีเอกภาพ ซึ่งเป็นคำสอนที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผยในพันธสัญญาเดิม เรื่องอับราฮัมต่อรองกับพระเจ้าเป็นการเตรียมทางสำหรับบทที่ 19 ผู้เขียนตำนานยาห์วิสต์ได้ใช้และดัดแปลงตำนานโบราณเรื่องการทำลายเมืองโสโดม เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญในเรื่องชุดเกี่ยวกับโลท ต่อมาได้ถูกนำเข้ามารวมกับเรื่องชุดเกี่ยวกับอับราฮัม

b การกราบลงกับพื้นดินไม่ใช่การนมัสการพระเจ้า แต่เป็นเพียงการแสดงความเคารพผู้มีเกียรติในตอนแรก อับราฮัมคิดว่าแขกทั้งสามคนเป็นมนุษย์ธรรมดาและได้ต้อนรับอย่างดี อับราฮัมจะค่อยๆ เข้าใจว่าแขกของตนไม่ใช่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา แต่มีลักษณะเหนือมนุษย์ (ข้อ 2, 9, 13, 14)

c “หัวเราะ” ชวนให้คิดถึงความหมายของชื่ออิสอัค (ดู 17:17 เชิงอรรถ f) นางซาราห์ยังไม่รู้ว่าแขกที่กำลังพูดนี้เป็นใคร ในข้อ 15 นางเข้าใจว่าเป็นพระเจ้าจึงรู้สึกตกใจ

d “ทั้งหมด” (kullah) เป็นการคาดคะเน ในต้นฉบับภาษาฮีบรู มีว่า kalah “การทำลาย”

e “ชายเหล่านั้น” หมายถึง เพียงสองคน เพราะพระยาห์เวห์ยังประทับอยู่กับอับราฮัมต่อไป เราจะรู้ในภายหลังว่า (19:1) ชายสองคนนี้ คือ ทูตสวรรค์

f คนดีต้องทนทุกข์เพราะอยู่ร่วมกับคนชั่วหรือไม่ เป็นปัญหาอยู่เสมอในสมัยที่ชาวอิสราเอลโบราณเชื่อว่าสมาชิกทุกคนในสังคมมีส่วนรับผิดชอบร่วมกัน การที่ทุกคนในสังคมจะรับโทษหรือไม่จึงไม่เป็นปัญหา การที่พระเจ้าจะทรงไว้ชีวิตคนชอบธรรมบางคนก็ไม่เป็นปัญหาเช่นเดียวกัน พระเจ้าจะทรงช่วยโลทและครอบครัวให้รอดชีวิต (19:15-16) แต่หลักคำสอนเรื่องความรับผิดชอบส่วนบุคคลยังไม่ปรากฏจนกระทั่งใน ฉธบ 7:10; 24:16; ยรม 31:29-30; อสค 14:12 และบทที่ 18 (ดู เชิงอรรถ) ดังนั้น อับราฮัมซึ่งคิดว่าทุกคนต้องร่วมรับชะตากรรมเดียวกัน จึงถามว่าคนชอบธรรมบางคนอาจทำให้คนชั่วจำนวนมากได้รับการอภัยด้วยได้หรือไม่ คำตอบของพระยาห์เวห์ยืนยันว่าผู้ชอบธรรมมีส่วนช่วยมนุษย์โลกให้รอดพ้น แต่อับราฮัมไม่กล้าต่อรองต่ำกว่าจำนวนสิบคน ตามความคิดของ ยรม 5:1 และ อสค 22:30 พระเจ้าจะทรงอภัยกรุงเยรูซาเล็มถ้าทรงพบคนชอบธรรมเพียงคนเดียว ที่สุด ใน อสย 53 ความทุกข์ทรมานของผู้รับใช้คนหนึ่งจะช่วยชนทั้งชาติให้รอดพ้น ตามความคิดของพันธสัญญาใหม่ถ้อยคำของประกาศกตอนนี้เป็นความจริงในองค์พระคริสตเจ้า

g ดู รม 3:6 การลงโทษคนบริสุทธิ์จำนวนน้อยนี้ ดูจะเป็นความอยุติธรรมมากกว่าการไว้ชีวิตคนชั่วจำนวนมาก

h ในวันรุ่งขึ้นอับราฮัมจะกลับมาดูว่าได้เกิดอะไรขึ้นกับเมืองโสโดม (19:27)

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก