เพลงสดุดีที่ 59
ขอพระเจ้าทรงช่วยให้พ้นจากคนชั่วร้ายa
เพลงอ้อนวอนบทนี้แบ่งออกเป็น 2 ภาค (ข้อ 1-8 และ 10ข-16) แต่ละภาคจบด้วยสร้อยตอบรับ (ข้อ 9 และ 17) แม้ว่าเนื้อหาดูเหมือนจะเป็นบทเพลงส่วนตัว ข้อความบางตอน (เช่น ข้อ 11) ดูเหมือนจะบอกว่าผู้ถูกคุกคามคือชุมชนมากกว่าจะเป็นปัจเจกบุคคล อาจเป็นไปได้ว่าพระราชาในฐานะผู้แทนของชาติเป็นผู้กล่าวเพลงสดุดีบทนี้ "ศัตรู" ที่กล่าวถึงอาจเป็นประชาชนที่กบฏหรือชนต่างชาติที่ไม่นับถือพระเจ้า คริสตชนอาจใช้ สดด บทนี้โดยคิดว่าพระคริสตเจ้ากำลังทรงถูกเบียดเบียนในพระศาสนจักรซึ่งเป็นพระกายทิพย์ของพระองค์
สำหรับหัวหน้านักขับร้อง ตามทำนองเพลง "อย่าทำลาย" มิคตามของกษัตริย์ดาวิด เมื่อกษัตริย์ซาอูลทรงส่งคนไปคอยเฝ้าบ้านของดาวิด เพื่อจะฆ่าเขา
1 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากบรรดาศัตรูด้วยเถิด
โปรดทรงปกป้องข้าพเจ้าจากผู้ที่จู่โจมข้าพเจ้า
2 โปรดทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากผู้กระทำความชั่ว
โปรดทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากผู้กระหายเลือด
3 ดูซิ เขาดักซุ่มจะเอาชีวิตของข้าพเจ้า
ผู้ทรงอำนาจรวมหัวกันโจมตีข้าพเจ้า
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ามิได้ทำผิดหรือทำบาปเลย
4 ข้าพเจ้าไม่มีความผิด แต่เขาก็วิ่งเข้ามาโจมตีข้าพเจ้า
ขอทรงลุกขึ้นมาช่วยข้าพเจ้าและทอดพระเนตรเถิด
5 พระองค์คือพระยาห์เวห์ พระเจ้าจอมจักรวาล พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ขอทรงลุกขึ้นมาลงโทษประชาชาติทั้งหลายb
อย่าได้ทรงพระเมตตาต่อผู้วางแผนร้ายเลย
(หยุดสักครู่หนึ่ง)
6 เขากลับมาอีกเมื่อพลบค่ำ
แยกเขี้ยวคำรามเหมือนสุนัข เดินไปทั่วเมืองc
7 ดูซิ เขาสำรอกถ้อยคำชั่วร้าย
เหมือนมีดาบคาอยู่ที่ริมฝีปาก พูดว่า
"ใครที่ไหนจะมาได้ยินเรา"d
8 แต่พระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ทรงพระสรวล
พระองค์ทรงเยาะเย้ยบรรดาประชาชาติ
9 ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงเป็นพลังของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจับตามองพระองค์
เพราะพระเจ้าทรงเป็นที่มั่นของข้าพเจ้า
10 พระเจ้าผู้ทรงความรักมั่นคงeกำลังเสด็จมาช่วยข้าพเจ้า
พระเจ้าจะทรงโปรดให้ข้าพเจ้าเห็นศัตรูต้องปราชัย
11 ขอพระองค์อย่าทรงฆ่าเขา เพื่อประชากรของข้าพเจ้าจะไม่ลืมพระองค์
แต่ขอพระองค์ทรงใช้พระอานุภาพบันดาลให้เขากระจัดกระจายไปf และต้องอับอาย
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นโล่กำบังข้าพเจ้าทั้งหลาย
12 เมื่อเขาอ้าปาก คำพูดของเขาก็เป็นบาป
ขอให้เขาติดกับอยู่ในความจองหองของตน
ในคำสาปแช่งและคำเท็จที่เขาพูด
13 ขอพระองค์ทรงทำลายเขาด้วยพระพิโรธ
ทรงทำลายเขาอย่าให้เหลืออยู่เลย
เขาจะได้รู้ว่าพระเจ้าทรงปกครอง
ตั้งแต่ยาโคบไปจนสุดปลายแผ่นดิน
(หยุดสักครู่หนึ่ง)
14 เขากลับมาอีกเมื่อพลบค่ำ
แยกเขี้ยวคำรามเหมือนสุนัข เดินไปทั่วเมือง
15 เขาเพ่นพ่านหาอาหาร
เห่าหอนทั้งคืนg ถ้ากินไม่อิ่ม
16 แต่ข้าพเจ้าจะขับร้องสรรเสริญพระพลานุภาพ
ในยามเช้าจะประกาศความรักมั่นคงของพระองค์
พระองค์ทรงเป็นที่มั่นของข้าพเจ้า
เป็นที่หลบภัยของข้าพเจ้าในยามทุกข์ร้อน
17 ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงเป็นพลังของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะถวาย สดุดีแด่พระองค์
เพราะพระเจ้าทรงเป็นที่มั่นของข้าพเจ้า
พระเจ้าผู้ทรงแสดงความรักมั่นคงต่อข้าพเจ้าh
59 a เพลงสดุดีบทนี้ประกอบด้วยคำสรรเสริญพระเจ้า และคำสาปแช่งศัตรู มีข้อความตอบรับเป็นบทสร้อย 2 ข้อ คือข้อ 6 (กับข้อ 14) และข้อ 9 (กับข้อ17) ผู้นิพนธ์น่าจะเป็นชาวยิวที่อยู่นอกปาเลสไตน์ท่ามกลางคนต่างศาสนาที่เป็นศัตรู หรืออาจเป็นชาวยิวใจศรัทธาที่อยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มในสมัยที่มีคนต่างศาสนาจำนวนมากมาอยู่ด้วย
b "ลงโทษประชาชาติทั้งหลาย" เป็นความคิดเกี่ยวกับอวสานกาล เมื่อพระเจ้าจะทรงพิพากษามนุษยชาติ (เทียบ อสย 26:21)
c ข้อความที่นี่และในข้อ 14-15 ชวนให้คิดถึงภาพของสุนัขจรจัดที่มักจะพบเป็นฝูงๆตามหมู่บ้านแถบตะวันออกกลาง
d "ใครที่ไหนจะมาได้ยินเรา" ถ้อยคำนี้อาจเป็นคำผรุสวาทดูหมิ่นพระเจ้าว่าไม่ทรงทราบเรื่องราวอะไรเกี่ยวกับมนุษย์ (เทียบ สดด 10:4; 14:1; 64:5; 94:7) * บางคนคิดว่าประโยคนี้ไม่ใช่คำพูดของคนชั่ว แต่เป็นข้อสังเกตของผู้นิพนธ์เพลงสดุดี
e "พระเจ้าผู้ทรงความรักมั่นคง" แปลตามสำนวนแปลโบราณ
f "กระจัดกระจายไป" เหมือนคาอินใน ปฐก 4:14-15 พระเจ้าไม่ทรงทำลายคนชั่วให้สิ้นไป เพื่อจะได้เตือนใจชาวอิสราเอลให้เห็นพระยุติธรรมของพระองค์
g "เห่าหอนทั้งคืน" แปลตามตัวอักษรว่า "ค้างคืน" แต่คำนี้ยังเขียนคล้ายกับคำว่า "หอน" อีกด้วย ดูเหมือนว่าผู้เขียนต้องการรวมความหมายทั้งสองเข้าด้วยกัน
h ข้อความตอบรับเหมือนบทสร้อยข้อนี้ดูเหมือนจะไม่สมบูรณ์ น่าจะเพิ่มข้อความว่า "กำลังเสด็จมาช่วยข้าพเจ้า" (เทียบข้อ 10)