“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)


(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)

เปาโลออกจากเมืองเอเฟซัส

20 1เมื่อการจลาจลสงบa เปาโลเรียกประชุมบรรดาศิษย์ ให้กำลังใจพวกเขา กล่าวอำลาและออกเดินทางไปยังแคว้นมาซิโดเนีย 2ระหว่างทางที่ผ่านไปb เปาโลพูดให้กำลังใจแก่คริสตชนหลายครั้ง ในที่สุดก็มาถึงประเทศกรีซ 3พักอยู่ที่นี่สามเดือนc ขณะที่จะออกเรือไปยังแคว้นซีเรียd เขาตัดสินใจเดินทางกลับผ่านแคว้นมาซิโดเนีย เพราะชาวยิววางแผนปองร้ายเขา 4เปาโลมีเพื่อนร่วมทางe คือโสปาแตร์บุตรชายของปิรัสชาวเบโรอา อาริสทารคัสและเซกุนดุสชาวเธสะโลนิกา กายอัสชาวเดอร์บีและทิโมธี รวมทั้งชาวแคว้นอาเซียสองคนคือทิคิกัสและโตรฟีมัสf 5คนเหล่านี้เดินทางล่วงหน้าไปรอเราgที่เมืองโตรอัส 6ส่วนเราแล่นเรือhออกจากเมืองฟีลิปปีหลังเทศกาลขนมปังไร้เชื้อi ห้าวันต่อมา เราก็มาพบกับเขาที่เมืองโตรอัส และพักอยู่ที่นั่นเจ็ดวันj

เปาโลปลุกให้คนตายกลับคืนชีวิตที่เมืองโตรอัส

7ค่ำวันเสาร์k เรามาชุมนุมกันเพื่อทำพิธีบิขนมปัง เปาโลพูดคุยกับบรรดาศิษย์อย่างยืดยาวจนถึงเที่ยงคืน เพราะจะต้องจากไปในวันรุ่งขึ้น 8มีตะเกียงหลายดวงในห้องชั้นบนที่ชุมนุมกัน 9ชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อยูทิกัสนั่งอยู่ที่ขอบหน้าต่าง กำลังง่วงนอนมาก ขณะที่เปาโลพูดต่อไปเรื่อยๆ เขาก็หลับและพลัดตกจากชั้นที่สามถึงพื้น มีผู้อุ้มเขาขึ้นมาพบว่าเขาตายแล้ว 10เปาโลจึงลงมาข้างล่างก้มลงกอดร่างของเขาไว้ พูดว่า “อย่าวุ่นวายไปเลย เขายังมีชีวิตอยู่” 11แล้วเปาโลก็ขึ้นไปชั้นบนอีกครั้งหนึ่ง ทำพิธีบิขนมปังและกินอาหาร พูดคุยต่อไปอีกนานจนถึงรุ่งเช้า แล้วจากไป 12บรรดาศิษย์พาชายหนุ่มผู้นั้นที่ยังมีชีวิตอยู่กลับไปบ้าน และรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาก

เปาโลเดินทางจากเมืองโตรอัสถึงเมืองมิเลทัส

13เราลงเรือล่วงหน้าและแล่นเรือไปยังเมืองอัสโซส ที่นั่นเราต้องรับเปาโลลงเรือด้วย เขาสั่งไว้เช่นนี้เพราะต้องการเดินทางทางบก 14เมื่อเปาโลพบเราที่เมืองอัสโซส เราก็รับเขาลงเรือและมาถึงเมืองมิทิเลนี 15วันรุ่งขึ้น เราออกจากที่นั่นมาอยู่หน้าเกาะคีโอส วันต่อมาเราแล่นเรือเลียบฝั่งเกาะซามอส และอีกวันหนึ่งก็มาถึงเมืองมิเลทัส 16เปาโลตัดสินใจไม่แวะที่เมืองเอเฟซัส เพื่อจะไม่อยู่ในแคว้นอาเซียนานเกินไป เพราะต้องการรีบไปให้ถึงกรุงเยรูซาเล็มก่อนวันเปนเตกอสเต ถ้าเป็นไปได้

 

เปาโลอำลาบรรดาผู้อาวุโสแห่งเมืองเอเฟซัส

17เปาโลส่งคนจากเมืองมิเลทัสไปยังเมืองเอเฟซัส เพื่อเชิญบรรดาผู้อาวุโสของพระศาสนจักรมาพบ 18เมื่อเขาเหล่านั้นมาถึง เปาโลพูดว่าl “ท่านทั้งหลายรู้ว่า ตลอดเวลาตั้งแต่วันแรกที่ข้าพเจ้าเข้ามาในแคว้นอาเซีย ข้าพเจ้าปฏิบัติตนต่อท่านอย่างไร 19ข้าพเจ้ารับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความถ่อมตนอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าต้องร่ำไห้เป็นทุกข์และเสี่ยงชีวิตจากการที่ชาวยิววางแผนปองร้ายข้าพเจ้า 20ท่านทั้งหลายรู้ว่า ข้าพเจ้าไม่เคยละเลยสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต่อท่าน ไม่เคยหยุดเทศน์ และยังสอนท่านในที่สาธารณะและตามบ้าน 21ข้าพเจ้าเชิญชวนทั้งชาวยิวและชาวกรีกอย่างแข็งขันให้กลับใจมาหาพระเจ้า และให้มีความเชื่อในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราm

22บัดนี้ ข้าพเจ้ากำลังจะไปกรุงเยรูซาเล็มตามพระบัญชาของพระจิตเจ้าn ไม่รู้ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นกับข้าพเจ้า 23ข้าพเจ้ารู้เพียงว่าพระจิตเจ้าทรงเตือนข้าพเจ้าในทุกๆ เมืองว่า โซ่ตรวนและความยากลำบากกำลังรอข้าพเจ้าอยู่ 24แต่ข้าพเจ้าไม่คิดว่าชีวิตของข้าพเจ้ามีค่าoสำหรับข้าพเจ้าเท่ากับการที่ข้าพเจ้าได้วิ่งถึงปลายทางและทำให้ภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าสำเร็จไป คือการเป็นพยานประกาศข่าวดีแห่งพระหรรษทานของพระเจ้า

25ข้าพเจ้าผ่านมาประกาศพระอาณาจักรแก่ท่านทั้งหลาย บัดนี้ ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านทุกคนจะไม่เห็นหน้าข้าพเจ้าอีกp 26ดังนั้น วันนี้ข้าพเจ้าขอประกาศยืนยันแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านผู้ใดไม่รอดพ้น ข้าพเจ้าก็ไม่รับผิดชอบ 27เพราะข้าพเจ้าไม่ได้ละเลยที่จะประกาศพระประสงค์ทั้งหมดของพระเจ้าแก่ท่าน 28ท่านทั้งหลายจงดูแลตนเองและฝูงแกะที่พระจิตเจ้าทรงแต่งตั้งท่านให้เป็นผู้ดูแล เพื่อเลี้ยงดูพระศาสนจักรของพระเจ้าqที่พระองค์ทรงได้มาด้วยพระโลหิตของพระบุตรr 29ข้าพเจ้ารู้ว่าเมื่อข้าพเจ้าจากไปแล้ว สุนัขป่าดุร้ายจะเข้ามาในกลุ่มของท่านและจะทำร้ายฝูงแกะ 30แม้ในกลุ่มของท่านก็จะมีบางคนลุกขึ้นกล่าวบิดเบือนความจริง เพื่อโน้มน้าวบรรดาศิษย์ให้ติดตามตน 31ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังไว้เถิด จงระลึกว่าข้าพเจ้าไม่เคยหยุดเตือนท่านแต่ละคนด้วยน้ำตานองหน้าทั้งกลางวันกลางคืนตลอดเวลาสามปี

32บัดนี้ ข้าพเจ้าฝากท่านทั้งหลายไว้กับพระเจ้าs และกับพระวาจาแห่งพระหรรษทานของพระองค์ พระวาจานี้สร้างพระศาสนจักรและประทานมรดกให้ท่านรับร่วมกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้ 33ข้าพเจ้าไม่เคยอยากได้เงินทองหรือเสื้อผ้าของผู้ใด 34ท่านก็รู้แล้วว่าข้าพเจ้าทำงานด้วยมือทั้งสองนี้เพื่อสนองความต้องการของข้าพเจ้าและของผู้ที่อยู่ด้วย 35ข้าพเจ้าแสดงให้ท่านเห็นเสมอมาว่า เราต้องทำงานเช่นนี้เพื่อช่วยเหลือผู้อ่อนแอ โดยระลึกถึงพระวาจาของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ว่า “การให้ย่อมเป็นสุขมากกว่าการรับ”t

36เมื่อกล่าวดังนี้แล้ว เปาโลคุกเข่าลงพร้อมกับทุกคนและอธิษฐานภาวนา 37ต่างร้องไห้ฟูมฟายเข้าสวมกอดและจูบลาเปาโล 38ทุกคนรู้สึกโศกเศร้า เพราะเปาโลพูดว่า เขาเหล่านั้นจะไม่ได้เห็นหน้าของเปาโลอีก แล้วทุกคนก็ไปส่งเปาโลถึงเรือ

 

20 a เหตุการณ์ตอนนี้ต่อจากเรื่องใน 19:22

b ระหว่างการเดินทางจากเมืองเอเฟซัสถึงแคว้นมาซิโดเนียเปาโลได้เขียน 2 คร

c ดังนั้น เปาโลสามารถปฏิบัติตามข้อตั้งใจใน 1 คร 16:5-6 ขณะอยู่ที่เมืองโครินธ์นี้ เปาโลได้เขียนจดหมายถึงชาวโรม สำเนาโบราณบางฉบับว่า “เมื่อเปาโลอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามเดือน และชาวยิวได้วางแผนปองร้ายเขา เปาโลจึงตัดสินใจลงเรือไปแคว้นซีเรีย แต่พระจิตเจ้าตรัสกับเขาให้เดินทางกลับ ผ่านแคว้นมาซิโดเนีย”

d เพื่อนำเงินที่ได้เรี่ยไรจากพระศาสนจักรต่างๆ ไปให้คริสตชนที่กรุงเยรูซาเล็ม (ดู 19:21; และ 1 คร 16:1 เชิงอรรถ a)

e สำเนาโบราณบางฉบับเสริมว่า “ไปถึงแคว้นอาเซีย” โสปาแตร์อาจเป็นคนเดียวกับชาวยิวชื่อโสสิปาแตร์ใน รม 16:21 “เดอร์บี” สำเนาโบราณบางฉบับว่า “ชาวเมืองดูเบเร”

f โตรฟีมัสเป็นชาวเอเฟซัส (21:29 เทียบ 2 ทธ 4:20) เปาโลกล่าวถึงทิคิกัสหลายครั้งในจดหมายต่างๆ (อฟ 6:21; คส 4:7; 2 ทธ 4:12; ทต 3:12)

g การเล่าเรื่องโดยใช้สรรพนามบุรุษที่หนึ่งในที่นี้ (ข้อ 5-15) คงจะมาจากแหล่งข้อมูลเดียวกับที่ใช้ใน 16:10-17 และจะพบอีกใน 21:1-18

h จากท่าเรือเมืองเนอาบุรี เทียบ 16:11

i เทศกาลขนมปังไร้เชื้อ คือ สัปดาห์หลังฉลองปัสกา (ดู อพย 12:1 เชิงอรรถ a)

j เรื่องงานธรรมทูตของเปาโลในเมืองนี้ เมื่อเดินทางจากเมืองเอเฟซัสไปเมืองโครินธ์ (ข้อ 1-2) (ดู 2 คร 2:12)

k แปลตามตัวอักษร “วันต้นสัปดาห์” วันต้นสัปดาห์ของชาวยิวกลายเป็นวันที่คริสตชนมาชุมนุมกัน (ดู มธ 28:1 เชิงอรรถ a; 1 คร 16:2) “วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า” (วว 1:10) การชุมนุมของคริสตชนในวันอาทิตย์ทำกันเมื่อเริ่มวันตั้งแต่ค่ำวันเสาร์ เพราะชาวยิวนับวันตั้งแต่ตะวันตกดิน

l นี่เป็นคำปราศรัยสำคัญครั้งที่สามของเปาโลใน กจ คำปราศรัยครั้งแรก (บทที่ 13) เป็นตัวอย่างของการเทศน์สอนแก่ชาวยิว คำปราศรัยครั้งที่สอง (บทที่ 17) เป็นการเทศน์สอนแก่คนต่างศาสนา คำปราศรัยครั้งที่สามนี้ (ข้อ 18-35) เป็นเหมือนพินัยกรรมของผู้อภิบาลที่กำลังจากไป เปรียบเทียบกับ 1 ซมอ 12:2-5 รายละเอียดหลายประการของคำปราศรัยครั้งที่สามนี้พบได้ในจดหมายต่างๆ ของเปาโล มีลีลาคล้ายกับจดหมายเกี่ยวกับงานอภิบาล คำปราศรัยนี้ในโครงสร้างดังต่อไปนี้ (1) ข้อ 18-21 กล่าวถึงงานธรรมทูตของเปาโลในแคว้นอาเซีย (2) ข้อ 22-27 เปาโลกล่าวถึงการจากไปของตนและดูเหมือนจะทราบล่วงหน้าว่าจะต้องตาย (3) ข้อ 28-34 เปาโลเตือนบรรดาผู้อาวุโสของเมืองเอเฟซัส (และผู้อภิบาลพระศาสนจักรทุกแห่ง) ให้ดูแลคริสตชนในปกครองด้วยความระมัดระวัง (4) ข้อ 33-35 เปาโลเตือนผู้อาวุโสให้เสียสละและมีความรัก ตลอดคำปราศรัยเปาโลเตือนผู้ฟังให้เอาอย่างตน เพราะฉะนั้น คำปราศรัยนี้จึงแสดงภาพแท้จริงของเปาโลอย่างชัดเจน

m ประโยคนี้สรุปการเทศน์ของเปาโลเช่นเดียวกับ 17:30-31; 1 คร 8:4-6; 1 ธส 1:9-10 “การกลับใจและมีความเชื่อ” เป็นความคิดที่อยู่เคียงคู่กันนับตั้งแต่คำเทศน์แรกเริ่มของพระเยซูเจ้าแล้ว (มก 1:15)

n ขณะนี้เปาโลยังไม่ถูกจองจำ แต่รู้สึกว่าตนเองเป็นนักโทษแล้ว ดังนั้น บางคนจึงแปล “ตามพระบัญชาของพระจิตเจ้า” ตามตัวอักษรว่า “ในฐานะนักโทษของพระจิตเจ้า”

o เทียบ 15:26; 21:13; ฟป 1:21-23; 1 ธส 2:8 ฉบับอื่นๆ แปลว่า “แต่ข้าพเจ้าไม่คิดว่าชีวิตของข้าพเจ้ามีค่าอะไร ราวกับว่าเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับข้าพเจ้า”

p เทียบ ข้อ 38 เปาโลคิดจะไปกรุงเยรูซาเล็มแล้วจากนั้นไปประเทศสเปน (รม 15:23-28) แต่การถูกจองจำเป็นเวลานานทำให้แผนการนี้ต้องเปลี่ยนไป เปาโลอาจกลับไปที่เมืองเอเฟซัสอีกทั้งๆ ที่ได้แสดงความสังหรณ์ใจว่าจะไม่ได้กลับไป

q สำเนาโบราณบางฉบับว่า “พระศาสนจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้า” (1 ปต 2:9-10) กล่าวถึง ประชาชนซึ่งพระเจ้าทรงเลือกเป็นของพระองค์ (ตาม อสย 43:21) ประชาชนเป็น “ที่ประชุม (พระศาสนจักร) ของพระเจ้า” (กจ 5:11 เชิงอรรถ b) “พระศาสนจักรของพระเจ้า” เป็นวลีที่เปาโลชอบใช้บ่อยๆ (ดู 1 คร 1:2; 10:32; 11:22)

r แปลตามตัวอักษรว่า “ซึ่งพระองค์ทรงได้มาเพื่อพระองค์ด้วยโลหิตของพระองค์เอง” แต่พระเจ้า (พระบิดา) ทรงเป็นจิต ไม่สามารถหลั่งพระโลหิตได้ วลีนี้จึงน่าจะหมายถึงพระโลหิตของพระบุตร (ของพระองค์) หรือมิฉะนั้น เปาโลซึ่งเริ่มประโยคโดยกล่าวถึงการกระทำของพระบิดา (พระเจ้า) แล้วเผลอไปกล่าวถึงการกระทำของพระบุตรโดยไม่ทันระวังตัว… (เทียบ รม 8:31-39) ความคิดเรื่องพระคริสตเจ้าทรงหลั่งพระโลหิตเพื่อพระศาสนจักร ดู อฟ 5:25-27; ฮบ 9:12-14; 13:12

s “กับพระเจ้า” สำเนาโบราณบางฉบับว่า “กับองค์พระผู้เป็นเจ้า” “สร้าง” ประธานอาจเป็น “พระวาจา” (ดังที่แปล) หรือ “พระเจ้า” ก็ได้ (เทียบ รม 16:25)

t พระวรสารไม่ได้บันทึกพระวาจานี้ไว้

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก