II. กษัตริย์ดาวิด ผู้กำหนดระบบพิธีกรรมในพระวิหาร
ก. พระราชกิจของกษัตริย์ดาวิด
ดาวิดรับเจิมเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลa
11 1ชาวอิสราเอลทุกคนมาชุมนุมกันพบดาวิดที่เมืองเฮโบรน พูดว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นสายเลือดเดียวกันกับท่าน 2ในอดีต เมื่อกษัตริย์ซาอูลทรงปกครอง ท่านเคยนำอิสราเอลออกรบ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านตรัสกับท่านว่า “ท่านจะเลี้ยงดูอิสราเอลประชากรของเราอย่างผู้เลี้ยงแกะ ท่านจะเป็นเจ้านายเหนืออิสราเอลประชากรของเรา” 3บรรดาผู้อาวุโสชาวอิสราเอลจึงมาเฝ้ากษัตริย์ที่เมืองเฮโบรน และกษัตริย์ดาวิดทรงกระทำพันธสัญญากับเขาเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ที่เมืองเฮโบรน เขาจึงเจิมดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลตามที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาทางซามูเอล
กษัตริย์ดาวิดทรงยึดกรุงเยรูซาเล็ม
4กษัตริย์ดาวิดเสด็จพร้อมกับชาวอิสราเอลทั้งหมดbเข้าโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม คือเมืองเยบุส ชาวเยบุสคนท้องถิ่นอาศัยอยู่ที่นั่น 5ชาวเยบุสพูดกับกษัตริย์ดาวิดว่า “ท่านไม่มีวันจะเข้ามาที่นี่ได้” แต่กษัตริย์ดาวิดทรงยึดป้อมศิโยน คือนครของดาวิดไว้ได้ 6กษัตริย์ดาวิดเคยตรัสว่า “คนแรกที่ฆ่าชาวเยบุสได้จะเป็นผู้บังคับบัญชากองทัพ” โยอาบบุตรของนางเศรุยาห์เป็นผู้เข้าโจมตีก่อน จึงได้เป็นผู้บังคับบัญชากองทัพ 7กษัตริย์ดาวิดทรงเข้าไปประทับในป้อมนั้น ซึ่งได้ชื่อว่า “นครของดาวิด” 8พระองค์ทรงสร้างกำแพงล้อมเมืองตั้งแต่มิลโลโดยรอบ และโยอาบก็ซ่อมแซมส่วนที่เหลือของเมืองนั้นc 9กษัตริย์ดาวิดทรงอำนาจยิ่งๆ ขึ้น เพราะพระยาห์เวห์จอมจักรวาลสถิตกับพระองค์
ทหารเอกของกษัตริย์ดาวิด
10ต่อไปนี้เป็นหัวหน้าทหารเอกของกษัตริย์ดาวิด คนเหล่านี้กับชาวอิสราเอลทั้งหมดสนับสนุนพระองค์ให้เป็นกษัตริย์ และช่วยรักษาพระราชอาณาจักรให้มั่นคงตามพระวาจาของพระยาห์เวห์เกี่ยวกับอิสราเอล 11นี่คือรายชื่อทหารเอกของกษัตริย์ดาวิดคือ ยาโชบเบอัมบุตรของชาวฮัคโมนีคนหนึ่ง เขาเป็นหัวหน้าของยอดทหารเอกสามคนd ในการรบครั้งหนึ่ง เขาใช้หอกต่อสู้กับคนสามร้อยคนและฆ่าทุกคน
12คนต่อมาคือ เอเลอาซาร์บุตรของโดโดชาวอาโคคี เขาเป็นคนหนึ่งในกลุ่มยอดทหารเอกสามคน 13เขาอยู่กับกษัตริย์ดาวิดที่ปัสดัมมิม เมื่อชาวฟีลิสเตียรวมกำลังเพื่อทำสงครามที่นั่น เขากับทหารอยู่ในทุ่งข้าวบาร์เลย์เมื่อประชากรอิสราเอลหนีจากการสู้รบกับชาวฟีลิสเตีย 14แต่เขายืนหยัดอยู่กลางทุ่งนั้นและป้องกันไว้ ฆ่าชาวฟีลิสเตีย พระยาห์เวห์ทรงช่วยเขาให้มีชัยชนะยิ่งใหญ่
15วันหนึ่ง ทหารสามคนจากจำนวนทหารเอกสามสิบคนลงมาพบกษัตริย์ดาวิดที่ก้อนหินใกล้ถ้ำอดุลลัม ขณะที่ชาวฟีลิสเตียตั้งค่ายอยู่ในหุบเขาเรฟาอิม 16ขณะนั้น กษัตริย์ดาวิดประทับอยู่ในที่มั่น ส่วนทหารชาวฟีลิสเตียอีกกองหนึ่งอยู่ที่เมืองเบธเลเฮม 17กษัตริย์ดาวิดตรัสแสดงความปรารถนาว่า “ใครจะตักน้ำจากบ่อใกล้ประตูเมืองเบธเลเฮมมาให้เราดื่มได้บ้าง” 18ทหารเอกทั้งสามคนตีฝ่าค่ายของชาวฟีลิสเตียไปตักน้ำจากบ่อที่อยู่ใกล้ประตูเมืองเบธเลเฮม นำมาถวายกษัตริย์ดาวิด แต่กษัตริย์ดาวิดไม่ทรงดื่มน้ำนั้น กลับเทลงที่พื้นดินถวายแด่พระยาห์เวห์ 19ตรัสว่า “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าดื่มน้ำนี้ไม่ได้ เพราะจะเป็นเหมือนดื่มโลหิตของผู้ที่เสี่ยงชีวิตไปตักน้ำนี้มา” พระองค์ไม่ทรงดื่มน้ำนั้น นี่คือวีรกรรมของทหารเอกสามคนนั้น
20อาบีชัยน้องชายของโยอาบเป็นผู้นำทหารเอกสามสิบคนe เขาใช้หอกต่อสู้กับทหารสามร้อยคนและฆ่าทุกคน จึงมีชื่อเสียงมากในหมู่ทหารเอกสามสิบคน 21เขามีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งในกลุ่มทหารเอกสามสิบคน แต่ยังมีชื่อเสียงไม่เท่ากับยอดทหารเอกสามคนf
22เบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดาชาวเมืองขับเซเอล เป็นทหารอีกคนหนึ่งที่แสดงวีรกรรมในการรบหลายครั้ง เขาฆ่ายอดทหารชาวโมอับสองคน และครั้งหนึ่งในวันที่หิมะตก เขาลงไปในบ่อเก็บน้ำแล้วฆ่าสิงโต 23เขาฆ่าชาวอียิปต์ร่างใหญ่คนหนึ่ง สูงห้าศอก ชาวอียิปต์คนนั้นถือหอกใหญ่เหมือนไม้กระพั่นทอผ้า แต่เบไนยาห์ใช้ไม้ตะบองตี แย่งหอกมาจากมือของชาวอียิปต์ และใช้หอกนั้นฆ่าเขา 24นี่คือวีรกรรมของเบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดา เขามีชื่อเสียงมากที่สุดในกลุ่มทหารเอกสามสิบคน 25เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากในกลุ่มทหารเอกสามสิบคน แต่ยังมีชื่อเสียงไม่เท่ากับยอดทหารเอกสามคน กษัตริย์ดาวิดทรงตั้งเขาให้เป็นผู้บังคับบัญชาทหารองครักษ์
26ต่อไปนี้คือยอดทหารเอกในกองทัพg
อาสาเฮลน้องชายของโยอาบ
เอลคานันบุตรของโดโดชาวเบธเลเฮม
27ชัมโมทชาวฮาโรด
เคเลสชาวเปเลท
28อิราบุตรอิกเขชชาวเทโคอา
อาบีเอเซอร์ชาวอานาโธท
29สิบเบคัยชาวคุชาห์
อิลัยชาวอาโคคี
30มาหะรัยชาวเนโทฟาห์
เคเลดบุตรของบาอานาห์ชาวเนโทฟาห์
31อิธัยบุตรของรีบัยชาวกิเบอา ชนเผ่าเบนยามิน
เบไนยาห์ชาวปิราโธน
32คูรัยชาวนาคาเลกาอัช
อาบีเอลชาวอารบาห์
33อัสมาเวทชาวบาคูริม
เอลยัคบาชาวชาอัลโบน
34บรรดาบุตรของฮาเชมชาวกิโซน
โยนาธานบุตรของชาเกชาวฮาราร์
35อาคีอัมบุตรของสาคาร์ชาวฮาราร์
เอลีฟัลบุตรของอูร
36เคแฟร์ชาวเมเค-รา
อาคียาห์ชาวเปโลน
37เคสโรชาวคารเมล
นาอารัยบุตรของเอสบัย
38โยเอลน้องชายของนาธัน
มิบคาร์บุตรของฮากรี
39เศเลกชาวอัมโมน
นาครัยชาวเบเอโรท ผู้ถืออาวุธของโยอาบบุตรของนางเศรุยาห์
40อิราชาวเยแตร์
กาเรบชาวเยแตร์
41อุรียาห์ชาวฮิตไทต์
ศาบาดบุตรของอัคลัย
42อาดีนาบุตรของชิซาชนเผ่ารูเบน หัวหน้าของชนเผ่ารูเบน
และทหารของเขาอีกสามสิบคน
43คานันบุตรของมาอาคาห์
โยชาฟัทชาวมิทเน
44อุสซีอาชาวอัชทาโรท
ชามาและเยอีเอลบุตรของโคธามชาวอาโรเออร์
45เยดีอาเอลบุตรของชิมรี และโยคาน้องชายของเขาชาวทิซี
46เอลีเอลชาวมาคะวี
เยรีบัยและโยชาวิยาห์ ทั้งสองคนเป็นบุตรของเอลนาอัม
อิทมาห์ชาวโมอับ
47เอลีเอล โอเบด และยาอาซีเอลชาวโซบา
11 a โดยแท้จริงแล้ว ชนอิสราเอลเผ่าทางเหนือมาแต่งตั้งดาวิดเป็นกษัตริย์หลายปีหลังจากกษัตริย์ซาอูลสิ้นพระชนม์แล้ว แต่ผู้เขียนพงศาวดารต้องการเน้นว่ากษัตริย์ดาวิดเป็นผู้รวมประชากรอิสราเอลทุกเผ่ามานมัสการพระยาห์เวห์ ใน 7 ปีแรก ดาวิดเป็นกษัตริย์ปกครองเพียงเผ่ายูดาห์ที่เมืองเฮโบรนเท่านั้น จึงเข้าใจได้ว่าทำไมผู้เขียนพงศาวดารจึงเรียกดาวิดเป็นกษัตริย์ในข้อ 3 เพราะข้อมูลที่ได้จาก 2 ซมอ บทที่ 5
b “ชาวอิสราเอลทั้งหมด” แต่ตาม 2 ซมอ 5:6 กษัตริย์ดาวิดทรงยึดกรุงเยรูซาเล็มได้โดยใช้เพียงกองทัพส่วนพระองค์ซึ่งมีจำนวนกำลังพลเพียงเล็กน้อย จนชาวเยบุสกล่าวเยาะเย้ยว่าดาวิดไม่มีวันจะเข้ายึดเมืองของตนได้
c กษัตริย์ดาวิดคงจะทรงจัดการเสริมกำลังสร้างกำแพงป้องกันกรุงเยรูซาเล็ม แต่โยอาบจัดการสร้างบ้านเรือนของประชาชนให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น
d “ยอดทหารเอกสามคน” แปลตามสำนวนแปลภาษากรีกฉบับคัดลอกของลูเชียน (Lucian) ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “สามสิบคน” แต่ ดูข้อ 20 ด้วย
e “สามสิบคน” ตามสำนวนแปลโบราณภาษาซีเรียค และต้นฉบับคัดลอกภาษากรีกหลายฉบับ ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “สามคน” ในข้อ 24 ก็เช่นเดียวกัน แต่ดูข้อ 21 และ 25 ด้วย ในภาษาฮีบรู คำว่า “สาม” และ “สามสิบ” คล้ายกันมาก จึงมักทำให้ผู้คัดลอกมีความสับสนอยู่บ่อยๆ
f สำเนาโบราณบางฉบับเพิ่มข้อความว่า “ในจำนวนสองคน” เพราะหนังสือพงศาวดารอ้างชื่อเพียงสองชื่อ (คือ ยาโชบเบอัม และ เอเลอาซาร์) เท่านั้น ไม่กล่าวถึงคนที่สามที่ชื่อ “ชัมมา” เลย (ดู 2 ซมอ 23:11-12)
g รายชื่อต่อไปนี้จนถึง “อุรียาห์” ในข้อ 41ก ตรงกันกับรายชื่อใน 2 ซมอ 23:24-39 ส่วนรายชื่อยอดทหารเอกอีก 16 คนที่เพิ่มเข้ามาในข้อ 41ข-47 ส่วนใหญ่เป็นชนท้องถิ่นทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน น่าจะมาจากรายชื่อที่ผู้เขียนพงศาวดารมีในมือเวลานั้น หรือมิฉะนั้นก็ถูกเพิ่มเข้ามาในภายหลัง