"ข้าพเจ้ามีความหวังในพระวาจาของพระองค์" (สดด. 119:74)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2016
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลมหาพรต 

ยรม 20:10-13…..
10ข้าพเจ้าได้ยินเสียงหลายคนซุบซิบว่า
“ความหวาดกลัวอยู่รอบด้าน มาแล้ว
จงกล่าวหาเขา พวกเราจงกล่าวหาเขาเถิด”
มิตรสหายทุกคนของข้าพเจ้า


คอยเฝ้าดูความล่มจมของข้าพเจ้า พูดว่า
“เขาคงจะยอมถูกหลอกลวง
แล้วเราจะเอาชนะเขาได้
และจะแก้แค้นเขา”
11แต่พระยาห์เวห์ทรงอยู่ข้างข้าพเจ้าเหมือนนักรบทรงพลัง
ดังนั้น ผู้ข่มเหงข้าพเจ้าจะสะดุดล้ม
จะเอาชนะข้าพเจ้าไม่ได้
เขาจะต้องอับอายมาก
เพราะเอาชนะข้าพเจ้าไม่ได้
ความอัปยศอดสูของเขาจะคงอยู่ตลอดไป ไม่มีวันถูกลืม
12ข้าแต่พระยาห์เวห์จอมจักรวาล
พระองค์ทรงทดสอบผู้ชอบธรรม
ทรงสำรวจใจและจิต
ขอโปรดให้ข้าพเจ้าเห็นว่าพระองค์ทรงลงโทษเขา
เพราะข้าพเจ้าได้ทูลเสนอคดีของข้าพเจ้าให้ทรงทราบแล้ว
13จงร้องเพลงถวายพระยาห์เวห์
จงสรรเสริญพระยาห์เวห์
เพราะพระองค์ทรงช่วยชีวิตของผู้ขัดสน
ให้พ้นมือของผู้ทำความชั่วร้าย

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• วันนี้เมื่ออ่านประกาศกเยเรมีย์ ทำให้พ่อระลึกถึงเพลงบทสร้อยที่เราคริสตชนคาทอลิกร้องกันเป็นประจำ และเพลงสั้นๆ นี้ก็เกิดขึ้นในความคิดของพ่อโดยทันทีที่ได้อ่านพระวาจาประจำวันนี้จากหนังสือประกาศกเยเรมีย์... จริงๆ แล้วพ่อได้ขับร้องหลายรอบ หลายรอบจริงๆ ร้องเพื่อฟังเสียงของบทเพลงที่ทำให้พ่อได้คิดถึงและตระหนักถึงพระวาจาของพระเจ้าวันนี้

• บทเพลงบทสร้อยบทนั้น ที่นี่พ่อจะขอเขียนซ้ำสามครั้งเลยครับ
o “แม้ข้าพเจ้าอยู่กลางเงาความตาย ข้าพเจ้าก็ไม่กลัว สิ่งร้ายทั้งสิ้น”
o “แม้ข้าพเจ้าอยู่กลางเงาความตาย ข้าพเจ้าก็ไม่กลัว สิ่งร้ายทั้งสิ้น”
o “แม้ข้าพเจ้าอยู่กลางเงาความตาย ข้าพเจ้าก็ไม่กลัว สิ่งร้ายทั้งสิ้น”

• เงาความตาย “Shadow of Death” ในพระคัมภีร์เราพบข้อความว่า “หุบเขาแห่งเงาความตาย” (valley of the shadow of death) พ่อตัดสินใจศึกษาคำนี้ก่อนทันที และอยากจะนำมาเขียนถึงในเวลานี้ครับ

• คำว่า “หุบเขาแห่งเงาความตาย” From Psalm 23 หรือบทเพลงสดุดีที่ 23 "Shadow of death" is from the Hebrew צלמות (tzal "shadow" + mavet "death") ถ้าจะออกเสียงภาษาฮีบรูคำนี้คือ “ซัลมาเว็ต”
o “ซัล” แปลว่า “เงา” และคำว่า
o “มาเว็ต” แปลว่า “ความตาย”

• คำนี้เป็นเครื่องหมายอธิบาย “โลก” หมายถึง “ความมืด และความตาย” และภาพที่ใช้คือภาพของหุบเขาบนโลกที่เรามนุษย์ต้องเดินผ่านไป... ซึ่งหนทางหรือหุบเขาแห่งความตายคือสภาพที่เรามนุษย์ทุกคนต้องเดินผ่าน “แม้ข้าพเจ้าจะต้องเดินไปในหุบเขาที่มืดมิด ข้าพเจ้าก็จะไม่กลั อันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงอยู่กับข้าพเจ้า พระคทาและธารพระกรของพระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้าอุ่นใจ” (สดด 23:4) เราได้เห็นภาพของฝูงแกะที่เดินกับนายชุมพาบาลผู้เลี้ยงดูที่พาเรา (ฝูงแกะ) ให้เดินในสถานที่แม้ยากลำบากแต่ “ปลอดภัย” แน่นอน
• ความจริงของข้อความนี้คือ “หุบเขาแห่งความตาย” คือ “สถานที่หรือที่ๆ หน้ากลัวไปหมดจริงๆ น่ากลัวอย่างลึกลับและเฉียดความตายหรือปางตาย”

• พ่อคิดถึงโลกปัจจุบันของเรา...ครับ
o โลกปัจจุบันของเราอยู่ในท่ามกลางสิ่งที่เรียกว่า “วัฒนธรรมแห่งความตาย” (Culture of Death)
o คำๆ นี้ “วัฒนธรรมแห่งความตาย” นี้มีความหมายลึกซึ้งมาก

• ในปัจจุบันของโลก ของสังคมของเรา เพราะความรู้สึกรู้สาต่อเรื่องความตายนั้นมันค่อยๆ หย่อนยานลง หย่อนยานลงไปเรื่อยๆ อาการหนักมากๆ จนถึงปัจจุบัน เราไม่รู้สึกรู้สาอะไรมากกับความตาย...
o ตายรายวัน ฆ่ารายวัน
o จนถึงล่าสุดที่เราได้ยิน แบ่งกลุ่มแตกแยกทางความคิด และก็ทำร้าย ทำลายกันเอง สร้างกลุ่ม กองกำลัง และทำร้ายทำลายชีวิตฝ่ายที่คิดต่างๆ นี่เป็นความโหดร้ายและความเลวร้ายจริงๆ... ทำไมเล่นกับความตาย และง่ายกับความตายขนาดนี้...
o แม้แต่เด็กหรือลูกๆในปัจจุบัน... โอพระเจ้าข้าเราคนไทยไปไกลขนาดนี้แล้วหรือ สังคมไทยของเราที่นักถือบิดามารดาที่สุด และเป็นพระบัญญัติของพระเจ้าจริงๆ เป็นสำนึกจริงๆ แต่ทว่าข่าวล่าสุด ลูกฆ่าพ่อแม่พี่น้อง ดูง่ายจังเลย...

• ความรู้สึกรู้สาของคนต่อความตายนั้น มีน้อยลงไปทุกทีๆ...
o ความรู้สึกรู้สาต่อเพื่อนมนุษย์ ความลำบาก และความตายหรือความเสียหายของเพื่อนมนุษย์นั้นมีลดลงเรื่อยๆ ลดลงจริงๆนะครับ เรื่องนี้พ่อคงต้องให้คำอธิบายและตัวอย่างชัดๆ เพื่อกระตุ้นเตือนมโนธรรมของพี่น้องคริสตชนของพ่อให้มีความรู้สึกรู้สาและมีความรักชีวิต รักพี่น้องและห่วงใยพี่น้องมากขึ้น
o เราจะปล่อยให้ตัวเราไหลไปกับวัฒนธรรมแห่งความตายไม่ได้ จะปล่อยให้เราเป็นคนไม่รู้สึกรู้สากับเพื่อนพี่น้อง ความลำบาก ความเสียหาย ความน่าสงสาร และจนถึงความน่าเวทนาของเพื่อนี่น้องของเราไม่ได้เด็นขาด
o แต่อันที่จริงสำหรับเราคริสตชนเราต้องไม่จมอยู่ในวัฒนธรรมแห่งความตาย
o เพราะว่าอันที่จริง ความเป็นจริงๆของชีวิตของเรา... คือ พวกเราคริสตชน... พวกเราดำเนินชีวิต และมีความเชื่อศรัทาและมีชีวิตแท้จริงอยู่ใน “วัฒนธรรมแห่งความรักและวัฒนธรรมแห่งชีวิต” (Civilization of LOVE และ Culture of Life)
o พ่อเชื่อว่า... เราคริสตชนคงจะไม่ตกตามไปกับสภาพที่สังคมกำลังถลำลึกลงไปในวัฒนธรรมแห่งความตาย ความรุนแรง หรือความเห็นแก่ตัวอย่างที่สุดไม่ได้เด็ดขาด....
พี่น้องที่รักครับ เราคนไทย เรารักประเทศไทยของเรา เรารักชาติบ้านเมืองของเรา และบ่อครั้งเราอาจจะได้ละเลยความรักชาติบ้านเมืองและไปหลงกับอุดมการณ์ที่อาจะนำความบ้าคลั่งและความเกลียดชัง พ่อขอยกตัวอย่างความน่าเวทนาของสังคมไทยของเรา....

• การไม่แยแสกับความเสียหายของคนอื่น ความเสียใจความเสียดาย และความเดือนร้อนของคนอื่นๆ เด็กวัยรุ่นหรือแก็งค์ขโมยรถ บ่อยครั้งรวมหัวรวมตัวกันออกไปเป็นกลุ่มเพื่อขโมยรถจักรยานยนต์ และเอาไปชำแหละขายชิ้นส่วนเพื่อเอาเงินไปเที่ยวเล่นกินดื่มหรือเสพยา...
o พวกคนร้ายขี้ขโมยเหล่านี้ทำได้อย่างไร เขาไม่รู้สึกรู้สากับความเจ็บปวดของคนอื่นเลยหรือ... การขโมยรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครื่องมือมาหากิน หาเช้ากินค่ำ และส่วนใหญ่ก็ยังมีหนี้สิน ผ่อนไม่หมด ค้างชำระ และลำบาก และอีกมากมายหลากร้อยรูปแบบ ขโมย ขโมย ขโมย มีข่าวทุกวันและที่ไม่เป็นข่าวอีกมากๆ งัดแงะ ลัก ขโมย หยิบ ฉวย เรื่องราวจริงๆมีมากกว่าที่เป็นข่าว...
o คำถามของพ่อ คือ สำนึกถึงความเดือนร้อนของคนอื่นๆหายไปไหนหมด
o โจรงัดห้องพัก โจรมีดอีโต้ งัด ขโมย และมากมาย
o ยังไม่รวมคอรัปชั่นโดยเฉพาะพวกคอรัปชั้นเชิงนโยบาย โกงกินเป็นเครือข่ายของบาปและความชั่ว การโกงกินกันเป็นสายใยของคอรัปชั่น.. จนหลายๆประเทศโกงกันเป็นครอบครัว โกงทั้งครอบครัว โกงจนเป็นครอบครัวทรราช.. กินตามน้ำตามตำแหน่งที่แข่งขันกัน

• คำถามอีกครั้งแรงๆ... สำนึก ความผิด บาป และความเห็นใจคนอื่นหายไปไหนจากประเทศไทย...

• เคยมีกลุ่มเด็กๆ อีกกลุ่มก็ดีดหินใส่รถยนต์บนถนน ใครดีดโดนรถกระจกแตกก็ถือว่าเยี่ยมยอดมาก สำเร็จ เก่ง รถที่ผ่านมาอันตรายมากสำหรับคนขับและชีวิต ทรัพย์สินที่ต้องเสียไป... เวลาลาและความปลอดภัย... ได้ยินว่า บางทีร้านกระจกรถยนต์ก็ทำเอง จ้างคนไปคอยยิงหินใส่กระจกรถยนต์ห่างจากร้านไปสักสองสามกิโล พอแตก ก็เจอร้านกระจกพอดี... มีอย่างนี้ด้วยหรือ... น่าคิด สำนึก ความรู้สึกรู้สาต่อความเดือนร้อนของคนอื่นหายไปไหนหมดแล้ว....

• เราเคยมีเรื่องนักเรียนตีกัน นักเลงรวมหัวกันตีคนอื่น ซัดเสียน่วม เอาพวกมารุมตีเพียงเพราะตนเองทำผิดจอดรถในที่ห้ามจอด มีปากเสียงกันกับยาม อารมณ์ แบบนี้ โมโหแบบนี้ โกรธก็ขับรถพุ่งชนเสียจนคนอื่นแทบเสียชีวิต ไม่พอใจก็ใช้ความรุนแรงกันเต็มๆ ... นักเรียน นักศึกษา ตีกัน ยิงกัน และที่แย่ เด็กดีๆ โดนลูกหลงทุกที... สังคมเราเมื่อใดจะเห็นคุณค่าชีวิต เมื่อไรหนอคนของเราจะ คนไทยจะมีการศึกษา มีวุฒิภาวะ มีความตระหนักและสำนึกรักชีวิต และไม่ทำลายชีวิตกัน เลิกทำร้าย และทำลายกันเสียที อันนี้ยังไม่รวมเรื่องขัดผลประโยชน์และเก็บกันรายวัน...

• อนิจจาพ่อต้องใช้คำว่านี้ “อนิจจา” ชีวิตคนไทย สังคมไทย...

• ปัญหาสังคมมีแต่มากๆ ขึ้นเพราะวัฒนธรรมแห่งความตายครอบงำจิตใจ
o ความไม่รู้สึกรู้สากับชีวิตและความรู้สึกของคนอื่นๆ
o ไม่รู้สึกรู้สากับความลำบากของเพื่อพี่น้อง....
o สังคมและวัฒนธรรมแห่งความตายรากเหง้าของเจ้าอยู่ที่ไหน????
o รากเหง้าของเจ้ามาจากไหน????...

• คำตอบที่เห็นได้ชัดที่สุดและเลวร้ายที่สุดคือ... “ความเห็นแก่ตัวจนถึงความโลภมากที่สุด”

• พ่อถามจริงๆกับใจตนเอง...
o เจ้าปีศาจความเห็นแก่ตัวตัวเดียวจริงๆ เห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัว และก็เห็นแก่ตัว
o เจ้าปีศาจที่เรียกคนว่าเป็นวัฒนธรรมที่มือใครยาวสาวได้สาวเอา ความคิดเห็นแก่ตัวที่ไม่ได้สนใจความสุข ชีวิตและคุณค่าของคนอื่นๆเลย
o เจ้าปีศาจเลวร้ายที่เอาแต่ได้ เห็นแก่ตัว เห็นแก่พวกพ้อง เห็นแก่พรรค เห็นแก่ก๊กเหล่า และอันที่จริงพรรค เห็นแก่ตระกูล ครอบครัวเชื้อสายใยโยงเป็นเครือข่ายที่สร้างความทรราชให้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นแก่ความดีส่วนรวมเลย เห็นแก่พวก เหล่า รากเหง้าก็เห็นแก่ตัวนั่นแหละ... เพราะทุกคนออกแรงก็เพื่อตนเองอีกอย่างหนีไม่พ้น... ความคุกรุ่นอยู่ภายในใจคือความอยากของแต่ละคน เมื่อมาร่วมกันก็เรียกว่า อุดมการณ์แต่ลึกๆ ก็คือผลประโยชน์ความตะกละโลภส่วนตัวส่วนตนอีกอย่างหนีไม่พ้น...
o วัฒนธรรมแห่งความตาย คือ ไม่รู้สึกรู้สากับคนอื่น ชีวิตคนอื่น ความเสียหายของคนอื่น ความตายของคนอื่นๆ คือวัฒนธรรมที่ขาดความรัก ขาดความรัก ขาดความรักจริงๆ ไม่ได้รักพระเจ้า ไม่ได้รักเพื่อนพี่น้องเลย

• ประกาศกเยเรมีย์ประกาศการถูกเบียดเบียนก็จริง แต่อันที่จริง “เราไม่ต้องกลัว”

• พี่น้องครับ พ่อเขียนเรื่องนี้เพื่อสะท้อนเยเรมีย์ครับ... เป็นความจริงครับ
o เราต้องไม่กลัววัฒนธรรมแห่งความตาย ไม่ต้องกลัว เพราะ เพราะ เพราะว่า พระเจ้าทรงชีวิต LIFE อยู่กับเรา
o และอันที่จริงเราคริสตชนนั้นดำรงอยู่ เราดำรงอยู่ในวัฒนธรรมหรืออารยธรรมแห่งความรัก หรือวัฒนธรรมแห่งความรักครับ ดังนั้น “แม้ข้าพเจ้าอยู่กลางเงาความตาย ข้าพเจ้าก็ไม่กลัว...” ไม่ต้องกลัวครับ... ทำไมหรือครับ??? คำขอบคือ “พระเจ้าอยู่กับเรา”
o ท่านประกาศกเยเรมีย์ถูกขู่ทำร้าย ถูกขู่เอาชีวิตแต่ท่านไม่กลัว เพราะพระเจ้าอยู่กับท่าน

• อ่านเยเรมีย์ตอนนี้สิครับ... “แต่พระยาห์เวห์ทรงอยู่ข้างข้าพเจ้าเหมือนนักรบทรงพลัง ดังนั้น ผู้ข่มเหงข้าพเจ้าจะสะดุดล้ม จะเอาชนะข้าพเจ้าไม่ได้ เขาจะต้องอับอายมาก เพราะเอาชนะข้าพเจ้าไม่ได้ความอัปยศอดสูของเขาจะคงอยู่ตลอดไป ไม่มีวันถูกลืม”

พี่น้องที่รัก ไตร่ตรองส่งท้ายกันหน่อยครับ...
• พ่ออยากให้ชีวิตของเรามีพระเจ้าทรงประทับอยู่อย่างชัดเจนครับ
• มีพระเจ้าจริงๆ และเราจะมีสันติสุขแท้จริง
• เราจะสามารถเป็นเกลือดองแผ่นดิน
• เราจะสามารถเอาชนะหรือไม่พ่ายแพ้ให้กับ วัฒนธรรมแห่งความตาย โดย
1. ให้เราต้องพยายามทำลายความเห็นแก่ตัว ด้วยวัฒนธรรมแห่งความรักเมตตาและบัญญัติแห่งความรักในชีวิตของเราครับ....
2. เราต้องไม่กลัวครับ เพราะพระเจ้าเป็นความรัก “Deus Caritas Est” และผู้ที่อยู่ในความรักก็อยู่ในพระเจ้าครับ เขาจะไม่ต้องกลัวอะไร ดังนั้น
3. เราต้องสร้างวัฒนธรรมแห่งความรักเสมอไปครับ...

• พ่ออยากภาวนาด้วยคำของประกาศกเยเรมีย์ครับ
o “จงร้องเพลงถวายพระยาห์เวห์ จงสรรเสริญพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงช่วยชีวิตของผู้ขัดสน ให้พ้นมือของผู้ทำความชั่วร้าย”
o ขอพระเจ้าองค์ความรัก ประทานความรักเพื่อเราทุกคน
o ทั้งนี้เพื่อว่า...พี่น้องคริสตชนทุกคนจะได้เป็นความรัก เพื่อเราจะได้เจริญชีวิตในวัฒนธรรมแห่งความรักมากๆ นะครับ

• ขอย้ำจริงๆว่า ให้เรารู้สึกรู้สา และเมตตากันและกันมาก ห่วงใยกันมากๆด้วยนะครับ พระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ.... ใกล้ปัสกาแล้วนะครับ กลับคืนชีพจากความตายเสมอนะครับ รู้สึกรู้สา และมีเมตตากันเสมอไปครับ....

• พระสันตะปาปาฟรังซิสย้ำสอนเรา ใน Evangelii Gaudium “ความยินดีแห่งพระวรสาร” เน้นย้ำว่า “เฉพาะคนที่รู้สึกรู้สาถึงความสุขในการแสวหาความดี และด้านที่ดีของเพื่อนพี่น้องเท่านั้น และคนที่ปรารถนาให้เพื่อนพี่น้องมีความสุขเท่านั้น สามารถเป็นมิชชันนารีผู้ประกาศพระวรสารได้ (EG ข้อ 272)

 

Sunday of the Word of God 2025

Sunday of the Word of God 2025

เช้าวันใหม่ใส่ใจภาวนา

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2025

Sinapis Talk | ซีนาปีส ทอล์ค

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก