“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

เพลงสดุดีที่ 102

คำอธิษฐานภาวนาในยามทุกข์ยากa

สดด บทนี้เป็นบทที่ 5 ใน 7 บทของ “เพลงสดุดีขอสมาโทษ” (Seven penitential Psalms) อีก 6 บทได้แก่ สดด 6,32,38,51,130 และ 147 ผู้ประพันธ์ไม่สารภาพความผิดโดยตรง แต่กล่าวเป็นนัยถึงภัยพิบัติและความเจ็บป่วย ภาคแรก (ข้อ 1-11) มีลักษณะเป็นคำอ้อนวอน ส่วนภาคที่สอง (ข้อ 12-22) เป็นคำอธิษฐานภาวนาขอให้พระเจ้าทรงสถาปนาศิโยนขึ้นใหม่ ข้อท้ายๆ ซ้ำคำอ้อนวอนตอนต้น แต่บัดนี้ผู้ประพันธ์แสดงความวางใจในพระอานุภาพของพระเจ้า ผู้ทรงดำรงอยู่ตลอดนิรันดรโดยไม่ทรงเปลี่ยนแปลง เพลงสดุดีบทนี้แต่เดิมอาจเป็นคำอธิษฐานภาวนาของพระราชาในฐานะผู้แทนของประชาชนในชาติ การบรรยายถึงความทุกข์ยากส่วนตัวของพระราชา อาจเป็นคำอุปมาถึงความทุกข์ยากของประชาชน เช่นการกันดารอาหารหรือการเห็นกรุงเยรูซาเล็มในสภาพปรักหักพัง ในทำนองเดียวกัน คริสตชนควรคิดว่าตนเป็นเสมือนพระศาสนจักรที่ถูกเบียดเบียนหรืออยู่ในอันตราย จึงวอนขอให้พระเจ้าทรงช่วยเหลือ

คำภาวนาของผู้มีทุกข์ เมื่อเขาหมดกำลังและระบายความร้อนใจเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์

1ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงฟังคำภาวนาของข้าพเจ้า

        ขอให้เสียงร้องขอความช่วยเหลือของข้าพเจ้าขึ้นไปถึงพระองค์

2ขออย่าทรงซ่อนพระพักตร์ไปจากข้าพเจ้า

        ยามข้าพเจ้าอยู่ในความทุกข์ยาก

โปรดทรงเงี่ยพระกรรณฟังข้าพเจ้า

เมื่อข้าพเจ้าเรียกหาพระองค์ โปรดทรงตอบข้าพเจ้าโดยเร็วเถิด

3วันเวลาของข้าพเจ้าจางหายไปประดุจควันไฟ

        กระดูกของข้าพเจ้าลุกเป็นไฟเหมือนถ่านในเตา

4ใจของข้าพเจ้าเหี่ยวแห้งเหมือนต้นหญ้าที่ถูกแดดเผา

        ข้าพเจ้าลืมแม้กระทั่งจะกินอาหาร

5ข้าพเจ้าส่งเสียงร้องคร่ำครวญ

        จนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก

6ข้าพเจ้าเป็นเหมือนนกเค้าแมวในถิ่นทุรกันดาร

        เหมือนนกฮูกในซากปรักหักพัง

7ข้าพเจ้าตื่นเฝ้าอยู่และคร่ำครวญb

        ข้าพเจ้าเป็นเหมือนนกโดดเดี่ยวเกาะอยู่บนหลังคา

8ศัตรูของข้าพเจ้าด่าว่าเหน็บแนมข้าพเจ้าตลอดทั้งวัน

        เขาโกรธเคืองcและสาปแช่งข้าพเจ้า

9ถูกต้องแล้ว ข้าพเจ้ากินขี้เถ้าต่างอาหาร

        ดื่มน้ำตาแทนเครื่องดื่ม

10พระองค์ทรงยกข้าพเจ้าขึ้นมาและทรงขว้างทิ้งไป

        เพราะพระพิโรธและความกริ้วของพระองค์

11วันเวลาของข้าพเจ้าหมดไปเหมือนเงาที่ทอดยาวเวลาเย็น

        ข้าพเจ้าเหี่ยวแห้งไปคล้ายต้นหญ้า

12แต่พระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ประทับอยู่บนพระบัลลังก์ตลอดไป

        มนุษย์ทุกยุคทุกสมัยระลึกถึงพระองค์

13โปรดทรงลุกขึ้นและทรงเมตตาสงสารศิโยนเถิด

        บัดนี้เป็นเวลาที่จะโปรดปราน เวลานั้นมาถึงแล้ว

14เพราะผู้รับใช้ทั้งหลายของพระองค์รักศิลาทุกก้อนในศิโยน

        และสงสารซากปรักหักพังของนครนี้

15นานาชาติจะยำเกรงพระนามพระยาห์เวห์

        กษัตริย์ทั้งหลายของแผ่นดินจะเคารพยำเกรงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์

16เมื่อพระยาห์เวห์จะทรงสร้างศิโยนขึ้นใหม่

        พระองค์จะทรงปรากฏในพระสิริรุ่งโรจน์

17จะทรงผินพระพักตร์ฟังคำอธิษฐานภาวนาของผู้ถูกทอดทิ้ง

        และจะไม่ทรงดูหมิ่นคำอธิษฐานภาวนาของเขา

18ขอให้เรื่องนี้ได้รับการบันทึกไว้เป็นหลักฐานสำหรับชนรุ่นต่อๆ ไปในอนาคต

        และประชากรที่จะเกิดใหม่จะสรรเสริญพระยาห์เวห์d

19พระยาห์เวห์ทอดพระเนตรลงมาจากสักการสถานเบื้องบนของพระองค์

        จากสวรรค์ พระองค์ทรงสำรวจแผ่นดิน

20เพื่อทรงฟังเสียงคร่ำครวญของผู้ถูกจองจำ

        และทรงปลดปล่อยผู้ต้องโทษประหารให้เป็นอิสระ

21แล้วพระนามพระยาห์เวห์จะได้รับการประกาศในศิโยน

        พระองค์จะทรงได้รับคำสรรเสริญในกรุงเยรูซาเล็ม

22เมื่อประชาชาติทั้งหลายจะมาชุมนุมกัน

        และบรรดาอาณาจักรจะรับใช้พระยาห์เวห์

23พระองค์ทรงบันดาลให้พละกำลังของข้าพเจ้าeอ่อนเปลี้ยระหว่างการเดินทาง

        พระองค์ทรงทำให้วันเวลาของข้าพเจ้าสั้นลงf

24ข้าพเจ้าจึงพูดว่า “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า

        โปรดอย่าทรงยกข้าพเจ้าไปก่อนถึงครึ่งอายุของข้าพเจ้า

พระองค์ทรงพระชนมชีพอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์”

25พระองค์ทรงวางรากฐานของแผ่นดินนานมาแล้ว

        ท้องฟ้าเป็นผลงานจากฝีพระหัตถ์ของพระองค์

26สิ่งเหล่านี้จะผ่านพ้นไป แต่พระองค์จะยังทรงดำรงอยู่

        สิ่งต่างๆ จะผุกร่อนไปเหมือนเสื้อผ้า

พระองค์ทรงเปลี่ยนทุกสิ่งเหมือนอาภรณ์ที่ใช้แล้ว

27แต่พระองค์ไม่ทรงเปลี่ยนเลย

        และปีของพระองค์ก็ไม่มีวันสิ้นสุด

28บรรดาบุตรของผู้รับใช้พระองค์จะพำนักอยู่อย่างปลอดภัย

         ลูกหลานของเขาจะดำเนินชีวิตเฉพาะพระพักตร์อย่างมั่นคง

 

102 a เพลงสดุดีบทนี้เป็นเพลงยอมรับผิดขอสมาโทษ ผู้เรียบเรียงนำบทประพันธ์ 2 บทมารวมเข้าด้วยกัน บทหนึ่งเป็นเพลงอ้อนวอนส่วนตัว (คือ ข้อ 1-11 และ 23-27 เทียบ สดด 69) อีกบทหนึ่งเป็นคำอธิษฐานภาวนาขอให้พระเจ้าทรงบูรณะศิโยนขึ้นใหม่ (ข้อ 12-22 และ 28)

b “และคร่ำครวญ” แปลโดยคาดคะเนตามสำนวนแปลโบราณ ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “เป็นอยู่”

c “โกรธเคือง” สำนวนแปลโบราณหลายฉบับอ่านว่า “ผู้ที่เคยสรรเสริญข้าพเจ้า”

d “พระยาห์เวห์” ต้นฉบับภาษาฮีบรูใช้พระนามย่อว่า “ยาห์”

e “ของข้าพเจ้า” แปลตามสำนวนแปลโบราณ ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ของพระองค์” ประโยคนี้จึงน่าจะแปลว่า “พระองค์ทรงตอบสนองเขาด้วยพละกำลังของพระองค์”

f สำนวนแปลภาษากรีกและซีเรียคว่า “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดทรงแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบว่าวันเวลาของข้าพเจ้านั้นสั้น”

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก