ไตร่ตรองพระวาจา  โดย..คุณพ่อชวลิต  กิจเจริญวันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน 2017
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลธรรมดา
บทอ่าน กจ 5:27-33 / ยน 3:31-36
        แม่หม้ายที่ยากจนคนหนึ่ง ได้โทรศัพท์ไปยังสถานีวิทยุคาทอลิก เพื่อขอความช่วยเหลือ
บังเอิญชายที่มีความคิดชั่วร้ายคนหนึ่ง กำลังฟังวิทยุอยู่ด้วย ได้ตกลงใจที่จะหาประโยชน์จากเรื่องที่เกิดขึ้น
เขาได้เขียนที่อยู่ของเธอมอบให้แก่เลขานุการส่วนตัว ได้สั่งให้ไปซื้ออาหาร และให้นำไปให้แก่หญิงหม้าย

โดยได้สั่งว่า ถ้าหญิงหม้ายถามว่าใครส่งอาหารมาให้ ก็ให้บอกเธอว่า ปีศาจส่งมาให้
เมื่อเลขานุการไปถึงบ้านหญิงหม้าย เธอได้รับอาหารอย่างมีความสุขมาก และได้ใส่เข้าไปที่ไหนกระเป๋า
เลขานุการคนนั้นจึงถามเธอว่าเธอไม่ต้องการรู้หรือว่าใครส่งอาหารนี้มาให้
หญิงหม้ายได้ตอบว่า ไม่สำคัญเพราะเมื่อพระเป็นเจ้าสั่งแม้แต่ปีศาจก็ยังต้องนบนอบพระองค์

คำตอบของเธอทำให้เลขานุการคนนั้นถึงกับร้องไห้ออกมาทันที

เปโตรและบรรดาอัคาพระสาวกได้ตอบว่า “เราต้องเชื่อฟังพระเป็นเจ้า ยิ่งกว่าเชื่อฟังมนุษย์ พระเป็นเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเรา
ได้ทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้า ที่พวกท่านได้เอาไปประหาร โดยตรึงกับไม้กางเขน ใดได้กลับเป็นขึ้นมาใหม่”
คำตอบนี้ทำให้เราประหลาดใจ ในความกล้าหาญของบรรดาอัครสาวกพวกเขาส่วนใหญ่ ได้แสดงความกล้าหาญที่อยู่ฝ่ายพระเยซูเจ้า แต่
เมื่อพระองค์ได้ถูกตรึงบนไม้กางเขน และได้สิ้นพระชนม์ พวกเขาได้รวมตัวกันในห้องที่ประตูห้องปิด เพราะกลัวว่าชาวยิวจะจับพวกท่านไปทรมานและจะพบกับชะตาชีวิตเหมือนกับพระอาจารย์ เมื่อพวกท่านต้องเผชิญหน้ากับสภาซันเฮรดิน พวกเขาพร้อมที่จะทนทรมาน และถือเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่
ที่จะทรมานในนามของพระเยซูเจ้า พวกท่านได้เป็นประจักษ์พยานถึงพระเยซูเจ้า และได้ประกาศต่อหน้าผู้มีอำนาจ ซึ่งสั่งให้ประหารชีวิตพระองค์
เรารู้สึกประหลาดใจในบรรดามรณสักขี ซึ่งได้ยินดีสละเลือดเพื่อพระเยซูเจ้า จึงเป็นสิ่งยากที่จะมีชีวิตเพื่อพระเยซูเจ้า มากกว่าจะตายเพื่อพระองค์
พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ได้ตรัสว่า “ความเชื่อไม่ใช่เป็นเพียงรู้ความจริง แต่เป็นกิจการที่เราเลือกที่จะมอบตัวเราทั้งครบให้พระเป็นเจ้า
ด้วยเสรีภาพอย่างเต็มเปี่ยม นี่เป็นความเชื่อที่แท้จริง ที่จะช่วยให้เราเจริญเติบโตเป็นคริสตชนที่แท้จริงด้วย”