ข้อคิดจากพระวาจาประจำวัน  โดย..คุณพ่อฉลองรัฐ สังขรัตน์

วันพุธที่ 7 กันยายน 2016

วันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา

1คร 7: 25-31 / ลก 6: 20-26

บทอ่านจากพระวรสารตามคำเล่าของนักบุญลูกา

        เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรดูบรรดาศิษย์ ตรัสว่า
 “ท่านทั้งหลายที่ยากจนย่อมเป็นสุข เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของท่าน
 ท่านที่หิวในเวลานี้ย่อมเป็นสุข เพราะท่านจะอิ่ม


 ท่านที่ร้องไห้ในเวลานี้ย่อมเป็นสุข เพราะท่านจะหัวเราะ
 ท่านทั้งหลายเป็นสุข เมื่อคนทั้งหลายเกลียดชังท่านผลักไสท่าน ดูหมิ่นท่าน รังเกียจนามของท่านประหนึ่งนามชั่วร้ายเพราะท่านเป็นศิษย์ของบุตรแห่งมนุษย์ จงชื่นชมในวันนั้นเถิด จงโลดเต้นยินดีเถิด เพราะบำเหน็จรางวัลของท่านนั้นยิ่งใหญ่นักในสวรรค์ บรรดาบรรพบุรุษของเขาเหล่านั้นเคยกระทำเช่นนี้กับบรรดาประกาศกมาแล้ว
วิบัติจงเกิดกับท่านที่ร่ำรวย เพราะท่านได้รับ ความเบิกบานใจแล้ว
 วิบัติจงเกิดกับท่านที่อิ่มเวลานี้ เพราะจะเป็นทุกข์ และร้องไห้ วิบัติจงเกิดกับท่านเมื่อทุกคนกล่าวยกย่องท่าน เพราะบรรดาบรรพบุรุษของเขาเหล่านั้นเคยกระทำเช่นนี้กับบรรดาประกาศกเทียมมาแล้ว”

 (พระวาจาของพระเจ้า)

———

 เราติดสุขมากไป เมื่อเราคิดและแสวงหาความสุข ที่ดื่มได้ ความสุขที่นอนหนานุ่ม ความสุขที่มีอะไรเพียบพร้อม ความสุขที่มีคนรู้และเข้าใจ แต่พอขาดไป เราจะบอกว่า “ขาดความสุข”
 ความสุขแบบนี้ ไม่ใช่ ความอิ่มใจ แต่เป็นอิ่มวัตถุ ความพึงพอใจต่างหาก
 ดังนั้น นักบุญเปาโลจึงบอกว่า
 “ตั้งแต่นี้ไปผู้ที่มีภรรยาเป็นเสมือนผู้ที่ไม่มีภรรยา ผู้ที่ร้องไห้จงเป็นเสมือนผู้ที่ไม่ร้องไห้ ผู้ที่มีความสุขจงเป็นเสมือนผู้ที่ไม่มีความสุข”
 การติดสุขแบบติดวัตถุ ติดการตอบแทน มันเผาทำลาย ความอิ่มใจ ความสัมพันธ์กับคน ทำให้เรา ติดสุข เพราะได้มา เพราะหาได้เต็มที่ เพราะตอบกลับได้ตามคาดหวัง และก็เป็นทุกข์ เมื่อไม่ได้มา เมื่อหาใส่ตัวไม่ได้ เมื่อไม่ได้ตามคาดหวัง
 จึงต้อง “เหมือนไม่มี” ดังกระบวนทำ “ของเสียเหลือศูนย์” Zero Waste
 มีก็ใช้ให้คุ้มค่าให้หมด
 แปรสภาพไม่ให้เหลือเฟือ เหลือทิ้ง
 รู้คุณค่าที่ได้มา จัดการให้หมดอย่างมีค่า
 เราจะไม่ตะกายหาความคาดหวัง เราไม่ดึงดันเอาแต่ได้มา ของเสียไม่มีเหลือศูนย์ เป็นการมีเหมือนไม่มี
 เราจะไม่ติดสุข ไม่ทุกข์จนทลาย ไม่ฟูมฟายติดแต่ชีวิตหนหลัง ไม่มองอย่างวางใจไปข้างหน้า
 และนี่ชีวิตที่เป็นพระพร ไม่มีอะไรเสีย

 

 

(Credit จาก Facebook คุณพ่อฉลองรัฐ สังขรัตน์)