“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

ความยุติธรรม หน้าที่ต่อศัตรู

23 1ท่านจะต้องไม่แพร่ข่าวเท็จ ท่านจะต้องไม่ช่วยคนผิดโดยให้การเท็จ 2ท่านจะต้องไม่เข้าข้างคนส่วนมากในการทำชั่ว และเมื่อให้การเป็นพยานในศาล ท่านจะต้องไม่เป็นพยานเข้าข้างคนส่วนมาก ถ้าผิดยุติธรรม 3ท่านจะต้องไม่ลำเอียงเข้าข้างคนยากจน เมื่อเขาขึ้นศาล

4ถ้าท่านพบโคหรือลาของศัตรูพลัดหลงมา ท่านจะต้องนำไปคืนให้เขา 5ถ้าท่านเห็นลาของผู้ที่เกลียดชังท่านล้มลงเพราะบรรทุกของหนัก จงอย่าเดินจากไปโดยไม่ช่วยเหลือ แต่จงช่วยเขาฉุดมันขึ้น

6ท่านจะต้องให้ความยุติธรรมแก่คนยากจน เมื่อเขามีคดีในศาลa 7ท่านจะต้องไม่พูดเท็จเลย อย่าประหารชีวิตผู้บริสุทธิ์หรือผู้ชอบธรรม เพราะเราจะไม่ให้อภัยผู้bที่ทำผิดเช่นนี้ 8ท่านจะต้องไม่รับสินบนเลยเพราะสินบนทำให้นัยน์ตาของคนที่มีตาดีบอดไปc และบิดเบือนรูปคดีของผู้ชอบธรรม

          9ท่านจะต้องไม่ข่มเหงคนต่างชาติ ท่านรู้ดีว่าชีวิตของคนต่างชาติเป็นอย่างไร เพราะท่านทั้งหลายเคยเป็นคนต่างชาติในแผ่นดินอียิปต์

 

ปีที่เจ็ดและวันที่เจ็ด

          10ท่านจะหว่านพืชในแผ่นดินของท่านและเก็บเกี่ยวผลผลิตเป็นเวลาหกปี 11ในปีที่เจ็ด ท่านจะไม่ไถนา แต่จะปล่อยมันไว้โดยไม่เพาะปลูก คนยากจนในประชากรของท่านจะกินพืชผลที่ขึ้นเอง และสัตว์ป่าจะกินสิ่งที่เหลือ ท่านจะทำเช่นเดียวกันกับสวนองุ่นและสวนมะกอกเทศ

12ท่านจะต้องทำงานเป็นเวลาหกวัน แต่ในวันที่เจ็ด ท่านจะต้องพักผ่อน เพื่อโคและลาของท่านจะได้พักผ่อน บุตรของทาสหญิงของท่าน และคนต่างชาติจะได้พักผ่อนมีกำลังขึ้นใหม่

13จงเอาใจใส่ต่อสิ่งที่เราได้กล่าวแก่ท่าน จงอย่าอ้อนวอนเทพเจ้า แม้กระทั่งนามของเทพเจ้าเหล่านั้น ก็จงอย่าให้ได้ยินจากปากของท่าน

 

เทศกาลสมโภชd

14ท่านจะต้องจัดเทศกาลสมโภชถวายเกียรติแก่เราปีละสามครั้ง 15ท่านจะต้องฉลองเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ ท่านจะกินขนมปังไร้เชื้อเป็นเวลาเจ็ดวัน ตามเวลากำหนดในเดือนอาบีบ ดังที่เราสั่งท่าน เพราะท่านทั้งหลายออกจากอียิปต์ในเดือนนั้นe อย่าให้ผู้ใดมือเปล่ามาอยู่ต่อหน้าเรา 16ท่านจะต้องฉลองเทศกาลเก็บเกี่ยว เมื่อท่านเริ่มเก็บเกี่ยวสิ่งที่ท่านได้หว่านไว้ในทุ่งนา ท่านจะต้องฉลองเทศกาลเก็บพืชผลปลายปี เมื่อท่านจะเก็บผลจากการงานของท่านในทุ่งนา 17ชายทุกคนจะต้องมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านปีละสามครั้ง

18ท่านจะต้องไม่ถวายเลือดของเครื่องบูชาแก่เราพร้อมกับขนมปังใส่เชื้อ อย่าให้ไขมันจากเครื่องบูชาในวันฉลองของเราfเหลืออยู่จนถึงเช้า

19ท่านจะต้องนำผลแรกที่ดีที่สุดจากไร่นาของท่านมายังที่ประทับของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน

ท่านจะต้องไม่ต้มเนื้อลูกแพะแกะในน้ำนมแม่ของมันg

 

พระเจ้าทรงสัญญาและทรงสั่งสอนชาวอิสราเอลก่อนเข้าแผ่นดินคานาอันh

20เราจะส่งทูตสวรรค์iไปข้างหน้าท่าน เพื่อป้องกันท่านตามทาง และนำท่านไปถึงสถานที่ที่เราจัดเตรียมไว้ 21จงเคารพทูตสวรรค์และเชื่อฟังถ้อยคำของเขา อย่าต่อต้าน เพราะเขาทำไปในนามของเราj และจะไม่ยอมอภัยความผิดของท่านเลย 22แต่ถ้าท่านเชื่อฟังเขาและทำตามที่เราสั่งทุกประการ เราจะเป็นศัตรูกับศัตรูของท่าน เป็นปฏิปักษ์กับปฏิปักษ์ของท่าน 23ทูตสวรรค์ของเราจะเดินข้างหน้าและนำท่านเข้าไปในดินแดนของชาวอาโมไรต์ ชาวฮิตไทต์ ชาวเปริสซี ชาวคานาอัน ชาวฮีไวต์และชาวเยบุส เราจะทำลายล้างเขาทั้งหลายให้สิ้นไป 24ท่านจะต้องไม่กราบไหว้หรือนมัสการเทพเจ้าของเขา ท่านจะต้องไม่ปฏิบัติตามที่เขาทำ แต่จะต้องทุบทำลายเสาศักดิ์สิทธิ์kของเขาให้หมดสิ้น 25ท่านทั้งหลายจะต้องนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน แล้วเราจะอวยพรท่านให้มีอาหารและน้ำบริบูรณ์ เราจะขจัดโรคภัยทั้งปวงไปจากท่าน 26ในแผ่นดินของท่านจะไม่มีหญิงคนใดแท้งบุตรหรือเป็นหมัน และเราจะให้ท่านมีอายุยืนนาน

27เราจะทำให้ผู้ที่พบท่านมีความกลัว จะทำให้ชนชาติที่ท่านเข้าไปสู้รบด้วยเกิดความสับสน และทำให้ศัตรูทั้งหลายหันหลังกลับวิ่งหนีท่าน 28เราจะส่งแมลงคือตัวต่อไปข้างหน้าท่าน เพื่อขับไล่ชาวฮีไวต์ ชาวคานาอัน และชาวฮิตไทต์ออกไปจากเบื้องหน้าท่าน 29เราจะไม่ขับไล่เขาทั้งหลายออกไปจากเบื้องหน้าท่านในหนึ่งปี เพื่อแผ่นดินจะไม่ถูกทิ้งร้างไว้ แล้วสัตว์ป่าจะทวีจำนวนมากขึ้นมาทำร้ายท่าน 30เราจะค่อยๆ ขับไล่เขาออกไปจนกว่าท่านจะมีลูกหลานจำนวนมากครอบครองแผ่นดินนั้นได้l 31เราจะขยายอาณาเขตดินแดนของท่านจากทะเลต้นกกไปจนถึงทะเลของชาวฟีลิสเตีย และจากถิ่นทุรกันดารไปจนถึงแม่น้ำยูเฟรติสm เราจะให้ท่านมีอำนาจเหนือบรรดาผู้อาศัยของแผ่นดินนั้น และท่านจะขับไล่เขาทั้งหลายไปให้พ้น 32ท่านจะต้องไม่ทำพันธสัญญากับเขาหรือเทพเจ้าของเขา 33เขาจะต้องไม่อาศัยอยู่ในแผ่นดินของท่าน มิฉะนั้น เขาจะชักชวนท่านให้ทำบาปทำผิดต่อเรา ถ้าท่านนมัสการเทพเจ้าของเขา การกระทำเช่นนี้ก็จะเป็นอันตรายเหมือนหลุมพรางดักท่าน

 

23 a หมายถึง เมื่อคนยากจนมาขอให้เราช่วยให้เขาได้รับความยุติธรรม

b ต้นฉบับภาษากรีกว่า “ท่านต้องไม่ให้อภัย”

c “คนที่มีตาดี” หมายถึง ผู้รู้เห็นเป็นพยาน

d ธรรมประเพณีทั้งสี่ของหนังสือปัญจบรรพต่างมีปฏิทินเทศกาลทางศาสนาของตนโดยเฉพาะ (ตำนานเอโลฮิสต์ใน 23:14-17; ตำนานยาห์วิสต์ใน 34:18-23; ตำนานเฉลยธรรมบัญญัติใน ฉธบ 16:1-6; และตำนานสงฆ์ใน ลนต 23 ซึ่งสอดคล้องกับระเบียบพิธีกรรมใน กดว 28-29) ข้อความตอนอื่นๆ จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับศาสนพิธีมากขึ้น แต่เทศกาลหลักยังคงเป็นเทศกาลที่มีกำหนดไว้ใน อพย 23 นั่นคือ (1) ในฤดูใบไม้ผลิ มีเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ (2) เทศกาลเก็บเกี่ยว หรือที่เรียกว่า “วันฉลองสัปดาห์” ใน 34:22 ซึ่งอยู่หลังวันปัสกาเจ็ดสัปดาห์ (ฉธบ 16:9) หรือห้าสิบวัน (ลนต 23:16) นี่คือที่มาของคำว่า “เปนเตกอสเต” (ทบต 2:1) ซึ่งทำการฉลองเมื่อเก็บเกี่ยวข้าวสาลีเสร็จแล้ว (ลนต 23:16) ในสมัยต่อมาวันนี้ยังระลึกถึงการประทานธรรมบัญญัติบนภูเขาซีนายด้วย (3) เทศกาลเก็บพืชผล หมายถึง การเก็บองุ่นและมะกอกเทศในฤดูใบไม้ร่วง เทศกาลนี้ยังเรียกอีกว่า “เทศกาลอยู่เพิง” (ลนต 23:34; ฉธบ 16:13) เพราะในเทศกาลนี้ซึ่งนานหนึ่งสัปดาห์ ประชาชนจะอาศัยในเพิงสร้างด้วยกิ่งไม้เหมือนกับเพิงชั่วคราวของคนเก็บองุ่น เพิงเหล่านี้ยังชวนให้คิดถึงสมัยที่ชาวอิสราเอลอาศัยในกระโจมในถิ่นทุรกันดาร (ลนต 23:43) ในบรรดาเทศกาลทั้งสามเทศกาล เทศกาลซึ่งเป็นที่นิยมที่สุดคงจะเป็นเทศกาลเก็บพืชผลหรือเทศกาลอยู่เพิงซึ่งต่อมาเรียกสั้นๆ ว่า “วันฉลอง” ใน 1 พกษ 8:2, 65; อสค 45:25 เทศกาลทั้งสามนี้เป็นงานฉลองของกสิกร ซึ่งฉลองกันหลังจากที่ได้เข้ามาในแผ่นดินคานาอันแล้วเท่านั้น ข้อความในบทที่ 23 และ 24 นี้ยังไม่กำหนดวันแน่นอนในปฏิทินสำหรับเทศกาลสมโภชทั้งสามนี้ เพราะเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะมีการรวมศาสนพิธีทั้งหมดมาอยู่ในพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็ม และประชาชนยังฉลองเทศกาลต่างๆ กันตามสักการสถานท้องถิ่นในที่ต่างๆ และในวันต่างกันตามสภาพกิจกรรมทางการเกษตรของท้องถิ่น ในสมัยต่อมามีการเพิ่มเติมเทศกาลวันฉลองอื่นเข้ามาอีก ได้แก่ วันปีใหม่ทางศาสนา (ลนต 23:24) วันชดเชยบาป (ลนต 16 และ 23:27-32) และในสมัยหลังเนรเทศ ยังมีวันปุริม (อสธ 9:24) วันถวายพระวิหาร (1 มคบ 4:59) วันนิคาโนร์ (1 มคบ 7:49)

e การนำเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อมาสัมพันธ์กับการอพยพออกจากอียิปต์มีมาตั้งแต่สมัยแรก จึงเป็นการง่ายขึ้นที่จะทำให้เทศกาลนี้ในฤดูใบไม้ผลิ มีความสัมพันธ์กับวันฉลองปัสกาด้วย (ดู 12:1 เชิงอรรถ a)

f อพย 34:25 กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าวันฉลองนี้หมายถึงฉลองปัสกา แต่ในทั้งสองกรณีนี้ข้อกำหนดเขียนไว้หลังปฏิทินพิธีกรรม (ข้อ 14-17; 34:18-23) ซึ่งไม่กล่าวถึงเทศกาลปัสกา เทศกาลปัสกาเป็นการฉลองในครอบครัวเท่านั้นจนถึงสมัยการปฏิรูปพิธีกรรมตามหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ (ดู ฉธบ 16:5-6)

g ประเพณีนี้ของชาวคานาอันเป็นที่รู้จักกันจากเอกสารที่ค้นพบได้ที่ Ras Shamra

h ข้อความที่ซับซ้อนนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นการเรียบเรียงของตำนานเฉลยธรรมบัญญัติ ข้อความนี้ใช้เป็นบทสรุปของประมวลกฎหมายพันธสัญญา จึงอธิบายในทำนองว่า ชาวอิสราเอลได้รับประมวลกฎหมายพันธสัญญานี้จากพระยาห์เวห์ที่ภูเขาซีนาย เป็นการเตรียมตนเข้าตั้งหลักแหล่งในแผ่นดินคานาอัน

i ทูตสวรรค์องค์นี้ดูเหมือนจะแตกต่างจากพระเจ้า (ปฐก 16:7 เชิงอรรถ g) แม้จะมีบทบาทเช่นพระยาห์เวห์ ทูตสวรรค์นี้เป็นผู้พิทักษ์รักษาชาวอิสราเอล (ปฐก 24:7; กดว 20:16) เช่นเดียวกับที่เราจะพบในภายหลังในหนังสือโทบิต (ดู ทบต 5:4 เชิงอรรถ b)

j “อย่าต่อต้าน” ต้นฉบับภาษากรีกว่า “อย่ากบฏต่อเขา” ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “อย่าทำให้เขาขมขื่น” * “นาม” หมายถึง “บุคคล” นั้นๆ

k “เสาศักดิ์สิทธิ์” หมายถึง ก้อนหินที่ตั้งอยู่ตามสักการสถานของชาวคานาอัน เป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้าเพศชาย เช่นเดียวกับ “ศิวลึงค์” ของชาวฮินดู ธรรมบัญญัติห้ามชาวอิสราเอลมิให้กราบไหว้เสาศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ (ดู 34:13; ลนต 26:1; ฉธบ 7:5; 12:3; 16:22 ด้วย) บรรดาประกาศกก็ห้ามไว้เช่นเดียวกัน (ฮชย 3:4; 10:1; มคา 5:12) แต่บรรดาบรรพบุรุษยังให้ความสำคัญแก่ “เสาศักดิ์สิทธิ์” เช่นนี้ (ดู ปฐก 28:18, 22)

l การอธิบายว่าทำไมชาวอิสราเอลจึงเข้ายึดครองแผ่นดินคานาอันไม่ได้โดยฉับพลันเช่นนี้ ยังพบได้อีกใน ฉธบ 7:22 แต่ยังมีการอธิบายแบบอื่นๆ ด้วย (ดู วนฉ 2:6 เชิงอรรถ f)

m “ทะเลต้นกก” หมายถึง อ่าวอาคาบา “ทะเลของชาวฟีลิสเตีย” หมายถึง ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน “ถิ่นทุรกันดาร” หมายถึง ถิ่นทุรกันดารซีนาย “แม่น้ำยูเฟรติส” (ในต้นฉบับภาษาฮีบรูมีเพียง “แม่น้ำ”) ซึ่งทั้งสี่นี้เป็นที่กำหนดเขตแดนในอุดมการณ์ของอาณาจักรของกษัตริย์ดาวิดและซาโลมอน (1 พกษ 5:1) การพูดถึงขอบเขตของแผ่นดินแห่งพระสัญญาแบบอื่น ดู กดว 34:1 เชิงอรรถ a; วนฉ 20:1 เชิงอรรถ a

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก