“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

มานนาและนกคุ่มa

16 1ชุมชนชาวอิสราเอลออกเดินทางจากเอลิมและมาถึงถิ่นทุรกันดารศิน ซึ่งอยู่ระหว่างเอลิมกับซีนาย ในวันที่สิบห้าเดือนที่สองหลังจากที่ออกจากแผ่นดินอียิปต์ 2ชุมชนชาวอิสราเอลต่างต่อว่าโมเสสและอาโรนในถิ่นทุรกันดาร 3ชาวอิสราเอลพูดกับเขาทั้งสองคนว่า “พระหัตถ์พระยาห์เวห์ประหารชีวิตพวกเราในแผ่นดินอียิปต์เมื่อนั่งอยู่รอบหม้อเนื้อและกินอิ่ม ยังดีกว่าที่ท่านพาพวกเราออกมาในถิ่นทุรกันดารนี้ เพื่อให้พวกเราทุกคนอดตาย”

4พระยาห์เวห์จึงตรัสกับโมเสสว่า “ดูซิ เราจะบันดาลให้มีอาหารตกลงมาจากฟ้าเหมือนฝนให้ท่านทั้งหลายกิน ทุกวันประชากรต้องออกไปเก็บอาหารให้พอกินในวันนั้น เราจะได้ทดลองดูว่าเขาปฏิบัติตามบัญญัติของเราหรือไม่ 5ในวันที่หก ให้เขาเก็บอาหารเป็นสองเท่าของวันธรรมดา”

6โมเสสและอาโรนกล่าวกับชาวอิสราเอลทั้งปวงbว่า “เย็นวันนี้ท่านจะรู้ว่า พระยาห์เวห์ทรงเป็นผู้นำท่านออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ 7พรุ่งนี้เช้า ท่านจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระยาห์เวห์ พระองค์ทรงได้ยินคำต่อว่าพระองค์แล้ว เราทั้งสองคนเป็นใคร ท่านทั้งหลายจึงต่อว่า” 8แล้วโมเสสพูดว่า “เย็นวันนี้ พระยาห์เวห์จะประทานเนื้อให้ท่านทั้งหลายกิน พรุ่งนี้เช้าท่านจะมีอาหารกินจนอิ่ม เพราะพระยาห์เวห์ทรงได้ยินคำบ่นที่ท่านทั้งหลายต่อว่าพระองค์ เราทั้งสองคนเป็นใคร ท่านมิได้ต่อว่าเรา แต่ต่อว่าพระยาห์เวห์”

9โมเสสสั่งอาโรนว่า จงบอกชุมชนชาวอิสราเอลว่า “จงเข้ามาใกล้เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงได้ยินคำต่อว่าของท่านแล้ว” 10ขณะที่อาโรนกำลังพูดกับชุมชนชาวอิสราเอลนั้น เขาทั้งหลายหันหน้าไปดูทางถิ่นทุรกันดาร ทันใดนั้น พระสิริรุ่งโรจน์ของพระยาห์เวห์ก็ปรากฏให้เห็นบนก้อนเมฆ 11พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 12“เราได้ยินคำต่อว่าของชาวอิสราเอลแล้ว จงบอกเขาดังนี้ว่า เวลาพลบค่ำ ท่านทั้งหลายจะมีเนื้อกิน และเวลาเช้า ท่านจะมีอาหารกินจนอิ่ม แล้วท่านทั้งหลายจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน”

13เย็นวันนั้น ฝูงนกคุ่มบินมาจนเต็มค่าย ในเวลาเช้า มีน้ำค้างแผ่กระจายอยู่ทั่วไปรอบค่ายพัก 14เมื่อน้ำค้างระเหยแล้ว ก็เห็นมีเกล็ดเป็นเม็ดเล็กๆc บนผิวดินในถิ่นทุรกันดาร เหมือนน้ำค้างที่จับแข็ง 15เมื่อชาวอิสราเอลเห็น จึงถามกันว่า “นี่เป็นอะไร”d เพราะเขาไม่รู้ว่าเป็นสิ่งใด โมเสสจึงบอกเขาว่า “นี่แหละอาหารที่พระยาห์เวห์ประทานให้ท่านกิน 16พระยาห์เวห์ทรงบัญชาดังนี้ว่า แต่ละคนจงเก็บมาเท่าที่ต้องการ ประมาณคนละหนึ่งโอเมอร์ ตามจำนวนคนที่อยู่กับท่าน ให้แต่ละคนเก็บมาเผื่อคนที่อยู่ในกระโจมของตนด้วย”

          17ชาวอิสราเอลก็ทำตามที่โมเสสบอก บางคนเก็บมามาก บางคนก็เก็บมาน้อย 18เมื่อเขาใช้โอเมอร์ตวง คนที่เก็บมากก็ไม่ได้มีมากกว่าผู้อื่น และคนที่เก็บมาน้อยก็ไม่ได้มีน้อยกว่าผู้อื่น แต่ละคนเก็บมาเท่าที่ตนต้องการพอดี

          19โมเสสบอกเขาว่า “อย่าให้ใครเก็บอาหารไว้จนถึงรุ่งเช้า” 20บางคนไม่เชื่อฟังโมเสส เก็บส่วนหนึ่งไว้จนถึงวันรุ่งขึ้น อาหารนั้นก็เกิดมีหนอนและเน่าเสีย โมเสสโกรธเขามาก 21ชาวอิสราเอลออกมาเก็บทุกเช้า แต่ละคนเก็บเท่าที่ต้องการ และเมื่อแดดร้อน อาหารนั้นก็ละลายไป

          22วันที่หก เขาทั้งหลายเก็บอาหารมาสองเท่า คือคนละสองโอเมอร์ บรรดาหัวหน้าชุมชนชาวอิสราเอลมาบอกโมเสสถึงเรื่องนี้ 23โมเสสตอบว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า พรุ่งนี้เป็นวันสับบาโต เป็นวันหยุดงานทุกชนิด เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ถวายแด่พระยาห์เวห์ ถ้ามีใครอยากปิ้งอาหารก็ให้ปิ้ง หรืออยากจะต้มอาหารก็ให้ต้ม ส่วนที่เหลือกินให้เก็บไว้จนวันรุ่งขึ้น” 24ชาวอิสราเอลจึงเก็บส่วนที่เหลือกินไว้จนวันรุ่งขึ้นตามที่โมเสสสั่ง อาหารนั้นก็มิได้เน่าเสียหรือเป็นหนอน 25โมเสสพูดว่า “จงกินส่วนที่เหลือในวันนี้ เพราะวันนี้เป็นวันสับบาโตที่ถวายแด่พระยาห์เวห์ วันนี้ท่านจะไม่พบอาหารใดๆ บนพื้นดิน 26ท่านเก็บอาหารได้หกวัน แต่ในวันที่เจ็ด ซึ่งเป็นวันสับบาโต จะไม่มีอาหารให้เก็บ” 27ในวันที่เจ็ด ประชาชนบางคนออกไปเก็บ แต่เขาไม่พบอาหารนั้นเลย 28พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “ท่านทั้งหลายไม่ยอมปฏิบัติตามบทบัญญัติและกฎหมายของเราอีกนานเท่าไร 29จงจำไว้เถิดว่าพระยาห์เวห์ประทานวันสับบาโตให้ท่าน ดังนั้นในวันที่หกจึงประทานอาหารให้ท่านกินสองวัน แต่ละคนต้องอยู่ในที่พักของตนในวันที่เจ็ด อย่าให้ใครออกจากที่พักของตน” 30ประชากรอิสราเอลจึงหยุดพักผ่อนeในวันที่เจ็ด

31ชาวอิสราเอลเรียกอาหารนั้นว่า “มานนา” มีลักษณะเหมือนเมล็ดผักชีสีขาว รสเหมือนกับขนมปังกรอบผสมน้ำผึ้ง

32โมเสสจึงพูดว่า “พระยาห์เวห์ทรงบัญชาดังนี้ว่า จงเก็บมานนาหนึ่งโอเมอร์ใส่ภาชนะf รักษาไว้ให้ลูกหลานดูเถิด เขาทั้งหลายจะได้เห็นอาหารที่เราให้ท่านกินในถิ่นทุรกันดาร เมื่อเรานำท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์” 33โมเสสจึงบอกอาโรนว่า “จงเอาไหหนึ่งใบ ใส่มานนาหนึ่งโอเมอร์ มาตั้งไว้เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ เพื่อเก็บไว้ให้ลูกหลานดูเถิด” 34อาโรนก็ทำตามที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาแก่โมเสส เขานำไหมานนาตั้งไว้เบื้องหน้าหีบบรรจุแผ่นศิลาจารึกg เพื่อรักษาไว้

35ชาวอิสราเอลกินมานนาเป็นเวลาสี่สิบปี จนกระทั่งเขามาถึงแผ่นดินที่มีผู้คนอาศัย เขากินมานนาจนมาถึงเขตแดนแผ่นดินคานาอัน 36หนึ่งโอเมอร์เท่ากับหนึ่งในสิบของหนึ่งเอฟาห์

16 a เรื่องนี้มีรายละเอียดบางประการจากตำนานยาห์วิสต์ แต่ส่วนใหญ่มาจากตำนานสงฆ์ เช่น ข้อกำหนดเกี่ยวกับการเก็บมานนา ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อบังคับของวันสับบาโต * เรื่องมานนาและนกคุ่มซึ่งเล่าเป็นเรื่องเดียวกันทำให้เกิดปัญหา มานนาเป็นยางจากต้น Tamarisk (ต้นมะขาม) เมื่อถูกแมลงเข้าไปกัดเนื้อไม้ ยางนี้จะแข็งตัวเมื่อสัมผัสกับอากาศเย็นตอนกลางคืน ต้นไม้นี้มีอยู่มากในคาบสมุทรซีนายตอนกลาง มานนานี้เก็บได้ระหว่างเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ส่วนนกคุ่มน่าจะเป็นนกที่บินอพยพข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตามลมตะวันตกจากยุโรปประมาณเดือนกันยายน แล้วมาเกาะพักเป็นจำนวนมากตามชายฝั่งทางเหนือของคาบสมุทรซีนาย (ดู กดว 11:31) ข้อความในบทนี้อาจรวมเรื่องราวที่เล่ากันจากคนสองกลุ่มที่ออกจากอียิปต์ต่างวาระกัน (ดู 7:8 เชิงอรรถ a; 11:1 เชิงอรรถ a) และเดินมาคนละเส้นทาง (ดู 13:17 เชิงอรรถ f) ผู้เขียนพระคัมภีร์ใช้เหตุการณ์แปลกประหลาดตามธรรมชาติแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงดูแลประชากรของพระองค์เป็นพิเศษ

b ต้นฉบับภาษากรีกเสริมว่า “ชุมชนชาวอิสราเอล”

c “เกล็ดเป็นเม็ดเล็กๆ” แปลได้อีกว่า “เป็นก้อนกลมเล็กๆ” ชาวบ้านเชื่อกันว่า เกล็ดน้ำค้างเป็นน้ำแข็งที่ตกมาจากฟ้า (ดู สดด 147:16; บสร 43:19)

d “นี่เป็นอะไร” ในภาษาฮีบรูว่า “มานฮู” เป็นรากศัพท์แบบชาวบ้านของคำ “มานนา” แท้จริงแล้วเราไม่รู้ว่า คำ “มานนา” นี้มาจากไหน หมายความว่าอะไร

e แปลได้อีกว่า “ถือวันสับบาโต”

f “โอเมอร์” นอกจากเป็นหน่วยวัดปริมาณแล้ว ยังหมายถึง ภาชนะที่ใช้ตวงด้วย

g “หีบพันธสัญญา” แปลตามตัวอักษรว่า “การเป็นพยาน” หมายถึง ศิลาจารึกธรรมบัญญัติ (ดู 31:18) ที่เก็บรักษาไว้ในหีบพันธสัญญา (แปลตามตัวได้ว่า หีบของการเป็นพยาน ดู 25:22 เชิงอรรถ g) การกล่าวถึงหีบพันธสัญญาที่นี่เป็นการกล่าวผิดเวลา เพราะขณะนั้นยังไม่มีหีบพันธสัญญา

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก