“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

พิธีรื้อฟื้นพันธสัญญา

23 1กษัตริย์โยสิยาห์ทรงเรียกประชุมบรรดาผู้อาวุโสแห่งอาณาจักรยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม 2พระองค์เสด็จขึ้นไปยังพระวิหารของพระยาห์เวห์ พร้อมกับชาวยูดาห์และผู้อาศัยที่กรุงเยรูซาเล็มทุกคน บรรดาสมณะ ประกาศกและประชากรทั้งปวง ทั้งชนชั้นสูงและคนธรรมดา พระองค์ทรงอ่านถ้อยคำทั้งหมดของหนังสือพันธสัญญาaที่พบในพระวิหารของพระยาห์เวห์ให้ทุกคนได้ยิน 3กษัตริย์ทรงยืนข้างเสา ทรงกระทำพันธสัญญาเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ว่าจะดำเนินตามพระยาห์เวห์ จะรักษาบทบัญญัติ กฤษฎีกาและข้อกำหนดของพระองค์สุดจิตใจ สุดวิญญาณ จะปฏิบัติตามถ้อยคำของพันธสัญญาที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้ ประชาชนทุกคนปฏิญาณจะทำตามพันธสัญญา

 

การปฏิรูปศาสนกิจในอาณาจักรยูดาห์

4กษัตริย์ทรงสั่งฮิลคียาห์มหาสมณะb สมณะผู้ช่วยc และสมณะผู้เฝ้าประตูพระวิหาร ให้นำสิ่งของต่างๆ ที่ใช้นมัสการพระบาอัล เทพีอาเชราห์และดวงดาวต่างๆ ออกจากพระวิหาร พระองค์ทรงเผาสิ่งของเหล่านี้นอกกรุงเยรูซาเล็ม ในทุ่งหุบเขาขิดโรน แล้วนำเถ้าไปที่เมืองเบธเอล 5พระองค์ทรงปลดสมณะของเทพเจ้าอื่น ซึ่งกษัตริย์แห่งยูดาห์ทรงแต่งตั้งให้ถวายกำยานdตามสักการสถานบนที่สูงในเมืองต่างๆ ของอาณาจักรยูดาห์ และในบริเวณใกล้เคียงกรุงเยรูซาเล็มจนหมดสิ้น ทั้งยังทรงปลดสมณะที่ถวายกำยานแด่พระบาอัล ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวนพเคราะห์ และดวงดาวต่างๆe 6พระองค์ทรงถอนเสาศักดิ์สิทธิ์ของเทพีอาเชราห์ออกจากพระวิหารของพระยาห์เวห์ นำไปที่ห้วยขิดโรนนอกกรุงเยรูซาเล็มและเผาจนเป็นขี้เถ้า แล้วโปรยเถ้านั้นบนหลุมศพของประชาชนธรรมดา 7พระองค์ทรงทำลายที่อาศัยของโสเภณีชาย ซึ่งอยู่ภายในบริเวณพระวิหารของพระยาห์เวห์ และทรงทำลายที่อยู่ของหญิงทอผ้าfสำหรับเทพีอาเชราห์ในบริเวณนั้นด้วย

8พระองค์ทรงนำสมณะทุกคนจากเมืองต่างๆ ของอาณาจักรยูดาห์มาที่กรุงเยรูซาเล็ม ทรงทำให้สักการสถานบนที่สูงซึ่งบรรดาสมณะเคยถวายกำยานเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์gตั้งแต่เมืองเกบาห์ไปจนถึงเมืองเบเออร์เชบา ทรงทำลายสักการสถานที่ประตูเมืองh โดยเฉพาะสักการสถานด้านซ้ายของเมืองที่โยชูวาผู้ว่าราชการสร้างไว้ 9บรรดาสมณะประจำสักการสถานบนที่สูงไม่ได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติหน้าที่ในพระวิหารของพระยาห์เวห์ที่กรุงเยรูซาเล็ม แต่ได้รับอนุญาตให้กินขนมปังไร้เชื้อร่วมกับบรรดาพี่น้องสมณะอื่นๆi 10พระองค์ยังทรงทำให้โทเฟทซึ่งอยู่ในหุบเขาเบนฮินโนมjเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ เพื่อมิให้ผู้ใดเผาบุตรชายหญิงของตนเป็นบูชาแก่เทพโมเลคอีก 11พระองค์ทรงย้ายม้าที่บรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ทรงถวายแด่ดวงอาทิตย์kออกจากทางเข้าพระวิหารของพระยาห์เวห์ ม้าเหล่านี้อยู่ใกล้ห้องพักของขันทีนาธานเมเลคในลานพระวิหาร พระองค์ยังทรงเผารถทรงของพระอาทิตย์lด้วย 12กษัตริย์โยสิยาห์ทรงรื้อแท่นบูชาต่างๆm ที่บรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ทรงสร้างไว้บนดาดฟ้าห้องประทับของกษัตริย์อาคัส และทรงรื้อแท่นบูชาที่กษัตริย์มนัสเสห์ทรงสร้างไว้ในลานทั้งสองของพระวิหารของพระยาห์เวห์ ทรงทุบnแท่นบูชาเหล่านี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และทรงโยนลงไปในห้วยขิดโรน 13กษัตริย์ยังทรงทำให้สักการสถานบนที่สูงทางด้านตะวันออกของกรุงเยรูซาเล็มเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ กษัตริย์ซาโลมอนแห่งอิสราเอลทรงสร้างสักการสถานเหล่านี้ไว้ทางทิศใต้ของภูเขามะกอกเทศo เพื่อกราบไหว้เทพีอาเชราห์ สิ่งน่ารังเกียจของชาวไซดอน เพื่อกราบไหว้เทพเคโมช สิ่งน่ารังเกียจของชาวโมอับ และเพื่อกราบไหว้เทพมิลโคม สิ่งน่ารังเกียจของชาวอัมโมน 14พระองค์ยังทรงทุบเสาหินศักดิ์สิทธิ์ ทรงโค่นเสาศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ของเทพีอาเชราห์ และทรงนำกระดูกมนุษย์มาถมสถานที่เหล่านี้p

 

กษัตริย์โยสิยาห์ทรงขยายการปฏิรูปเข้าไปในเขตแดนทางเหนือ q

15กษัตริย์โยสิยาห์ยังทรงทำลายแท่นบูชาที่เมืองเบธเอล และสักการสถานบนที่สูงซึ่งกษัตริย์เยโรโบอัมบุตรของเนบัททรงสร้างไว้ และทรงนำอิสราเอลให้ทำบาป พระองค์ทรงทำลายแท่นบูชาและสักการสถานนั้น ทรงทุบหินrจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และทรงเผาเสาศักดิ์สิทธิ์ของเทพีอาเชราห์อีกด้วย

16กษัตริย์โยสิยาห์ทอดพระเนตรโดยรอบ เห็นหลุมศพที่อยู่บนภูเขา ทรงสั่งให้นำกระดูกออกจากหลุมศพเหล่านั้นมาเผาบนแท่นบูชานั้น ทำให้แท่นบูชานั้นเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ ตามพระวาจาของพระยาห์เวห์ที่คนของพระเจ้าเคยประกาศไว้เมื่อกษัตริย์เยโรโบอัมทรงยืนข้างแท่นบูชาในวันฉลอง กษัตริย์โยสิยาห์ทอดพระเนตรโดยรอบ ก็ทรงเห็นหลุมศพของคนของพระเจ้าs ซึ่งกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ 17พระองค์ตรัสถามว่า “หลุมศพที่เราเห็นนี้เป็นของใคร” ชาวเมืองทูลตอบว่า “เป็นหลุมศพของคนของพระเจ้าที่มาจากอาณาจักรยูดาห์และประกาศสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำต่อแท่นบูชาที่เมืองเบธเอล”t 18พระองค์ทรงสั่งว่า “จงปล่อยไว้อย่างนั้นเถิด อย่านำกระดูกของเขาออกมา” จึงไม่มีผู้ใดนำกระดูกของเขาออกมา ทั้งไม่นำกระดูกของประกาศกที่มาจากแคว้นสะมาเรียuออกมาด้วย

19กษัตริย์โยสิยาห์ทรงทำลายสักการสถานบนที่สูงทุกแห่ง ซึ่งบรรดากษัตริย์ของอิสราเอลทรงสร้างขึ้นตามเมืองต่างๆ ของแคว้นสะมาเรียเป็นการยั่วยุพระพิโรธของพระยาห์เวห์v ทรงกระทำกับสถานที่เหล่านั้นเช่นเดียวกับที่ทรงกระทำที่เมืองเบธเอล 20ทรงฆ่าบรรดาสมณะของสักการสถานบนที่สูงบนแท่นบูชา และทรงเผากระดูกมนุษย์บนแท่นบูชาเหล่านั้น แล้วเสด็จกลับไปกรุงเยรูซาเล็ม

 

การฉลองปัสกา

21กษัตริย์ทรงสั่งประชาชนทั้งปวงว่า “จงฉลองปัสกาเป็นเกียรติแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ตามพิธีที่กำหนดไว้ในหนังสือพันธสัญญาฉบับนี้” 22ตั้งแต่ผู้วินิจฉัยปกครองอิสราเอล ตลอดช่วงเวลาที่มีกษัตริย์ปกครองอิสราเอลและยูดาห์ ไม่เคยมีการฉลองปัสกาเช่นนี้ 23จนถึงปีที่สิบแปดในรัชกาลกษัตริย์โยสิยาห์ จึงมีการฉลองปัสกาเป็นเกียรติแด่พระยาห์เวห์ที่กรุงเยรูซาเล็ม

 

เรื่องอื่นๆ ในรัชสมัยกษัตริย์โยสิยาห์

24กษัตริย์โยสิยาห์ทรงกำจัดบรรดาคนทรง หมอดู รูปเคารพประจำบ้าน รูปเคารพต่างๆ และสิ่งน่ารังเกียจทั้งหลายที่มีอยู่ในแผ่นดินยูดาห์และที่กรุงเยรูซาเล็ม เพื่อปฏิบัติตามถ้อยคำของธรรมบัญญัติ ที่เขียนไว้ในหนังสือที่สมณะฮิลคียาห์พบในพระวิหารของพระยาห์เวห์ 25ไม่เคยมีกษัตริย์องค์ใดก่อนพระองค์ที่ทรงดำเนินตามพระยาห์เวห์สุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดกำลัง ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของโมเสสเหมือนกับพระองค์ และไม่มีกษัตริย์องค์ใดต่อจากพระองค์ที่ทรงปฏิบัติเหมือนพระองค์ด้วยw

26แต่พระพิโรธของพระยาห์เวห์ต่อยูดาห์มิได้สงบลง คือพระพิโรธแรงกล้าจากการกระทำของกษัตริย์มนัสเสห์ 27พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เราจะกำจัดยูดาห์ให้พ้นไปจากสายตาของเรา เช่นเดียวกับที่เราได้กำจัดอิสราเอลมาแล้ว เราจะทอดทิ้งกรุงเยรูซาเล็ม เมืองที่เราเลือกไว้ และจะทอดทิ้งพระวิหารที่เราเคยกล่าวว่า นามของเราจะอยู่ที่นั่น”

 

การสิ้นสุดรัชกาลกษัตริย์โยสิยาห์

28เหตุการณ์ในรัชสมัยกษัตริย์โยสิยาห์ และสิ่งอื่นๆ ที่ทรงกระทำ มีบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารของกษัตริย์แห่งยูดาห์

29ในรัชสมัยของพระองค์ ฟาโรห์เนโคกษัตริย์แห่งอียิปต์ทรงยกทัพไปช่วยxกษัตริย์แห่งอัสซีเรียที่แม่น้ำยูเฟรติส กษัตริย์โยสิยาห์ทรงยกกำลังออกไปขัดขวาง แต่เมื่อสู้รบกันครั้งแรก ฟาโรห์เนโคก็ทรงปลงพระชนม์พระองค์ที่เมืองเมกิดโด 30บรรดาข้าราชบริพารนำพระศพจากเมืองเมกิดโดขึ้นราชรถกลับกรุงเยรูซาเล็ม และฝังไว้ในที่ฝังพระศพ ประชาชนของแผ่นดินเลือกเยโฮอาคัสพระโอรสของกษัตริย์โยสิยาห์ เจิมตั้งขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากพระบิดา

 

ง. ความพินาศของกรุงเยรูซาเล็ม

 

รัชสมัยกษัตริย์เยโฮอาคัสแห่งยูดาห์ (609 ก่อน ค.ศ.)

31เยโฮอาคัสทรงเป็นกษัตริย์เมื่อพระชนมายุยี่สิบสามพรรษา และทรงครองราชย์เป็นเวลาสามเดือนที่กรุงเยรูซาเล็ม พระมารดาทรงพระนามว่าคามุทาล เป็นบุตรหญิงของเยเรมีย์yชาวลิบนาห์ 32พระองค์ทรงทำความชั่วเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์เช่นเดียวกับที่บรรพบุรุษเคยทำ

33ฟาโรห์เนโคทรงจับกษัตริย์เยโฮอาคัสจองจำไว้ที่เมืองริบลาห์z ในแผ่นดินคามัท มิให้ทรงครองราชย์ที่กรุงเยรูซาเล็มต่อไปaa และทรงบังคับให้แผ่นดินยูดาห์จ่ายเงินหนักสามตัน และทองคำอีกสามสิบกิโลกรัมเป็นบรรณาการ 34ฟาโรห์เนโคทรงแต่งตั้งเอลียาคิมพระโอรสของกษัตริย์โยสิยาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากโยสิยาห์พระบิดา และทรงเปลี่ยนพระนามเป็นเยโฮยาคิมbb ฟาโรห์ทรงนำกษัตริย์เยโฮอาคัสไปอียิปต์ กษัตริย์เยโฮอาคัสทรงอยู่ที่นั่นจนสิ้นพระชนม์

35กษัตริย์เยโฮยาคิมทรงมอบเงินและทองคำแด่ฟาโรห์ พระองค์ทรงเก็บภาษีจากประชาชนของแผ่นดินเพื่อจ่ายให้ตามที่ฟาโรห์ทรงเรียกร้อง พระองค์ทรงเก็บเงินและทองคำจากประชาชนของแผ่นดินแต่ละคนตามสัดส่วนทรัพย์สมบัติที่เขามี เพื่อถวายฟาโรห์เนโค

 

รัชสมัยกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์ (609-598 ก่อน ค.ศ.)

36เยโฮยาคิมทรงเป็นกษัตริย์เมื่อพระชนมายุยี่สิบห้าพรรษา และทรงครองราชย์เป็นเวลาสิบเอ็ดปีที่กรุงเยรูซาเล็ม พระมารดาทรงพระนามว่าเศบิดาห์ เป็นบุตรหญิงของเปดายาห์ชาวเมืองรูมาห์ 37พระองค์ทรงทำความชั่วเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์เช่นเดียวกับที่บรรพบุรุษเคยทำ

 

23 a ดู 22:8 เชิงอรรถ b นักวิชาการมักคิดว่าหนังสือพันธสัญญาที่ว่านี้คือหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ (เทียบ ฉธบ 5:2-3; 28:69)

b “มหาสมณะ” โดยแท้จริงแล้ว ตำแหน่งมหาสมณะเริ่มมีในภายหลัง คือหลังการกลับจากเนรเทศที่กรุงบาบิโลนแล้ว

c “สมณะผู้ช่วย” เป็นเอกพจน์ตาม Targum ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “บรรดาสมณะ” * สมณะชั้นผู้ใหญ่มี 3 ขั้นคือ (1) มหาสมณะ (2) สมณะผู้ช่วย และ (3) สมณะผู้เฝ้าประตูพระวิหาร 3 องค์ (ดู 12:10; 25:18)

d “ให้ถวายกำยาน” แปลตามต้นฉบับภาษากรีกและ Targum ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “และเขาได้ถวายกำยาน”

e ข้อความเกี่ยวกับการกราบไหว้ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวต่างๆ สะท้อนข้อห้ามใน ฉธบ 4:19

f “ที่อาศัย” “ผ้า” แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับไม่ชัดเจน

g กษัตริย์โยสิยาห์ทรงบังคับให้ประชาชนมานมัสการที่พระวิหารกรุงเยรูซาเล็มเพียงแห่งเดียว (ฉธบ 12) “สักการสถานบนที่สูง” (1 พกษ 3:2) แม้เป็นสถานที่นมัสการพระยาห์เวห์ ก็ถูกประณามเพราะขัดกับกฎข้อนี้

h เราไม่ทราบว่าสักการสถานนี้เป็นอะไรแน่

i ธรรมบัญญัติ (ฉธบ 18:6-8) กำหนดว่าสมณะจากชนบทซึ่งมาที่กรุงเยรูซาเล็มมีสิทธิเช่นเดียวกับพี่น้องสมณะที่อยู่ในกรุง แต่เมื่อบรรดาสมณะที่เคยประจำอยู่ตามสักการสถานต่างๆ บนที่สูงมาอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มแล้ว บรรดาสมณะในกรุงพยายามกีดกันไม่ให้เขามีสิทธิเท่าเทียมกับตน

j หุบเขาเบนฮินโนมเป็นสถานที่ที่มีการเผาเด็กเป็นเครื่องบูชาแด่เทพโมเลค (ลนต 18:21 เชิงอรรถ h) คำ “โทเฟท” แปลว่า “การเผา” หรือ “ที่เผา” อาจหมายถึงสักการสถานของชาวคานาอันที่ประกอบพิธีดังกล่าว (เทียบ อสย 30:33)

k “ม้า” เมื่อไม่นานมานี้ นักโบราณคดีได้ขุดในบริเวณหน้าผาที่ตั้งนครของกษัตริย์ดาวิด พบสักการสถานที่สร้างในรัชสมัยกษัตริย์เยโฮชาฟัท (870-848 ก่อน ค.ศ.) มีเสาหินศักดิ์สิทธิ์และรูปม้าที่ถวายแด่พระอาทิตย์

l “ม้า” และ “รถทรง” คงจะใช้ในพิธีกรรมที่รับมาจากชาวอัสซีเรีย มีพิธีแห่ที่คิดว่าพระอาทิตย์ประทับบนรถทรงมีม้าลากเข้าขบวน

m “แท่นบูชาต่างๆ” คงเป็นแท่นบูชาเล็กๆ ที่ถวายแด่ดวงดาวต่างๆ (ยรม 19:13; ศฟย 1:5)

n “ทรงทุบ” แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ทรงวิ่งจากที่นั่น”

o “ภูเขามะกอกเทศ” แปลตาม Targum ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ภูเขาแห่งความพินาศ”

p การเอากระดูกผู้ตายมาถมที่เป็นการทำให้สถานที่นั้นเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ตลอดไป (ดูข้อ 16 และ 20) กษัตริย์โยสิยาห์ทรงปฏิรูปศาสนาเป็นขั้นตอนโดยทรงทำลายสักการสถานบนที่สูงต่างๆ เป็นอันดับแรก เพราะในสถานที่เหล่านี้มักจะมีพิธีกรรมของพระบาอัลเข้ามาปะปนกับการนมัสการพระยาห์เวห์บ่อยๆ ต่อจากนั้นทรงกำจัดพิธีกรรมเกี่ยวกับเทพเจ้าอื่นทั้งหมด ซึ่งเป็นพิธีที่รับมาจากชาวคานาอัน หรือพิธีบูชาดวงดาวที่รับมาจากชาวอัสซีเรีย ประกาศกเยเรมีย์ เศฟันยาห์และเอเสเคียลกล่าวถึงสภาพยุ่งเหยิงของศาสนาของพระยาห์เวห์ในขณะนั้น ทำให้เห็นว่าจำเป็นอย่างยิ่งต้องมีการปฏิรูปทางศาสนา

q กษัตริย์โยสิยาห์ทรงฉวยโอกาสที่อำนาจอัสซีเรียกำลังเสื่อมเพื่อกอบกู้อิสรภาพของอาณาจักรยูดาห์ และแผ่ขยายอำนาจออกไปถึงดินแดนที่เคยเป็นอาณาจักรอิสราเอลด้วย

r “ทุบหิน” แปลตามต้นฉบับภาษากรีก ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “เผาสักการสถานบนที่สูง”

s ข้อความ “เมื่อกษัตริย์เยโรโบอัม...คนของพระเจ้า” แปลตามต้นฉบับภาษากรีก ไม่มีในต้นฉบับภาษาฮีบรู

t “ที่เมืองเบธเอล” บางคนคิดว่าวลีนี้เป็นคำเพิ่มเติมของผู้คัดลอก

u โดยแท้จริงประกาศกคนนี้มาจากเมืองเบธเอล (ดู 1 พกษ 13) “แคว้นสะมาเรีย” ในที่นี้อาจหมายถึงอาณาจักรเหนือทั้งหมด ซึ่งเมืองเบธเอลเป็นส่วนหนึ่ง (เทียบ 17:24, 28)

v “ของพระยาห์เวห์” แปลตามสำนวนแปลโบราณ ไม่มีในต้นฉบับภาษาฮีบรู

w จบการเล่าเรื่องการปฏิรูปทางศาสนาของกษัตริย์โยสิยาห์ หนังสือพงศ์กษัตริย์ฉบับที่เขียนครั้งแรกอาจจบที่นี่

x “ไปช่วย” แปลตามตัวอักษรว่า “ไปพบ” ซึ่งอาจหมายความทั้ง “ไปช่วย” หรือ “ไปสู้กับ” แต่นักวิชาการมักคิดว่ากษัตริย์ฟาโรห์ทรงยกทัพไปช่วยกษัตริย์แห่งอัสซีเรียมากกว่า

y เยเรมีย์ผู้นี้ไม่ใช่ประกาศกเยเรมีย์

z ขณะนั้นกษัตริย์ฟาโรห์เนโคทรงกลับจากการไปช่วยกองทัพอัสซีเรีย (ข้อ 29) แต่ไม่สำเร็จ การล่มสลายของอาณาจักรอัสซีเรียทำให้กษัตริย์ฟาโรห์เป็นผู้มีอำนาจปกครองดินแดนซีเรียและปาเลสไตน์

aa “มิให้ทรงครองราชย์ที่กรุงเยรูซาเล็มต่อไป” แปลตามสำนวนแปลโบราณ (เทียบ 2 พศด 36:3)

bb พระนามทั้งสองมีความหมายคล้ายกันมาก “เอลียาคิม” แปลว่า “พระเจ้าทรงตั้งให้มั่นคง” ส่วน “เยโฮยาคิม” แปลว่า “พระยาห์เวห์ทรงตั้งให้มั่นคง” พระนามหลังอาจเป็นพระนามเมื่อทรงขึ้นเป็นกษัตริย์ (ดู 14:21 เชิงอรรถ c) หรือการเปลี่ยนพระนามแสดงว่าทรงเป็นประเทศราชของอียิปต์ (ดู 24:17)

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก