“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

ความสุขแท้จริง        

14 1ผู้ไม่ทำบาปaด้วยคำพูดย่อมเป็นสุข

                    เขาไม่ต้องเป็นทุกข์ใจเพราะบาป

          2ผู้ที่มโนธรรมไม่ติเตียนย่อมเป็นสุข

                    ผู้ไม่สิ้นหวังก็ย่อมเป็นสุขเช่นเดียวกัน

ความอิจฉาและความโลภ

            3คนตระหนี่ไม่ควรจะมีทรัพย์สิน

                    ทรัพย์สมบัติจำนวนมากมีประโยชน์อะไรสำหรับคนอิจฉาริษยา

          4ผู้ที่ยอมอดเพื่อสะสมทรัพย์สมบัติก็สะสมไว้สำหรับผู้อื่น

                    ผู้อื่นจะใช้ทรัพย์สมบัติของเขาอย่างฟุ่มเฟือย

          5คนใจแคบต่อตนเองจะมีใจกว้างต่อผู้อื่นได้อย่างไร

                    เขาใช้ทรัพย์สมบัติทำให้ตนมีความสุขยังไม่ได้เลย

          6ไม่มีใครใจร้ายเท่ากับคนที่ทรมานตนเอง

                    เขาต้องรับผลจากความใจร้ายของตน

          7ถ้าเขาทำดีบ้าง เขาก็ทำด้วยความบังเอิญ

                    แต่ในที่สุดความใจร้ายของเขาก็จะปรากฏ

          8ผู้อิจฉาริษยาเป็นคนใจร้าย

                    เขาเบือนหน้าbไม่สนใจชีวิตของผู้อื่น

          9คนตระหนี่ไม่พอใจสิ่งที่ตนมี

                    ความโลภcทำให้ใจของเขาแห้งแล้ง

          10คนตระหนี่หวงแม้กระทั่งอาหาร

                    บนโต๊ะเขาก็ไม่มีอาหารกิน

          11ลูกเอ๋ย จงอยู่ดีกินดีเท่าที่ทำได้

                    อย่าลืมนำสิ่งของมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตามสมควร

          12จงระลึกว่าความตายจะไม่รอช้า

                    ท่านไม่รู้เวลาที่นัดไว้กับแดนมรณะd

          13จงทำดีต่อมิตรสหายก่อนที่ท่านจะตาย

                    จงใจกว้างกับเขาตามความสามารถของท่าน

          14อย่าปฏิเสธที่จะให้ความสุขแก่ตนในวันนี้

                    อย่าปล่อยสิ่งดีที่ท่านปรารถนาให้หลุดมือไป

          15ท่านจะต้องละทิ้งทรัพย์สมบัติของท่านให้คนอื่น

                    และผู้รับมรดกจะแบ่งผลจากความเหน็ดเหนื่อยของท่านมิใช่หรือ

          16จงรู้จักให้ รู้จักรับ และรู้จักหาความสุข

                    เพราะในแดนมรณะจะหาความสุขไม่ได้แล้ว

          17เสื้อผ้าเก่าไปฉันใด มนุษย์ทั้งหลายก็แก่ลงฉันนั้น

                    เป็นกฎตลอดไปว่า “ทุกคนต้องตาย”

          18ใบไม้เขียวชอุ่มบนต้นไม้งาม

บ้างก็เหี่ยวแห้งร่วงโรย บ้างก็งอกขึ้นมาฉันใด

          เชื้อชาติมนุษย์ทั้งหลาย บ้างก็ตาย บ้างก็เกิดมาฉันนั้น

          19กิจการทุกอย่างของมนุษย์ต้องทรุดโทรมและสูญหายไป

                    ผู้ทำกิจการนั้นก็จะต้องจากไปเช่นเดียวกันด้วยe

ความสุขของผู้มีปรีชา

            20ผู้ที่เอาใจใส่คิดคำนึงถึงปรีชาญาณย่อมเป็นสุข

                    เขาใช้ความคิดถูกต้องตามเหตุผล

          21พิจารณาในใจถึงหนทางแห่งปรีชาญาณ

                    และพยายามเข้าใจความลับของปรีชาญาณf

          22เขาตามหาปรีชาญาณเหมือนนายพรานไล่ล่าสัตว์

                    คอยซุ่มตามทางเพื่อพบกับปรีชาญาณ

          23เขาเป็นเสมือนคู่รักที่คอยแอบมองทางหน้าต่างบ้านของปรีชาญาณ

                    แอบฟังที่ประตู

          24เขาเข้าใกล้บ้านของปรีชาญาณ

                    ตอกหลักกระโจมของตนใกล้กำแพงบ้านของปรีชาญาณg

          25เขาตั้งกระโจมใกล้ปรีชาญาณ

                    มาพำนักในที่พักสะดวกสบายทุกอย่าง

          26เขาจะมอบบุตรของตนไว้ในความคุ้มครองของปรีชาญาณ

                    และตั้งค่ายพักอยู่ใต้กิ่งก้านของปรีชาญาณ

          27ปรีชาญาณจะปกป้องเขาไว้จากความร้อน

                    เขาจะพำนักในสิริรุ่งโรจน์hของปรีชาญาณ

14 a “ผู้ไม่ทำบาป” แปลตามตัวอักษรว่า “ผู้ไม่ลื่นไถล” เพลงสดุดีหลายบทกล่าวถึงความสุขของผู้มีใจบริสุทธิ์ (สดด 1; 32; 119) ผู้มีปรีชา (สดด 41) และผู้ยำเกรงพระเจ้า (สดด 128) แม้ว่ามนุษย์ทั่วไปมักคิดว่าบุคคลเหล่านี้ไม่มีความสุขก็ตาม ข้อความเหล่านี้เป็นการเกริ่นล่วงหน้าถึง “ความสุขแท้” ที่พระเยซูเจ้าจะตรัสเทศน์สอนบนภูเขา (มธ 5:1-12)

b “เบือนหน้า” หมายความว่าเขาไม่ต้องการเห็นผู้อื่นที่ต้องการความช่วยเหลือจากเขา

c “ความโลภ” แปลตามตัวอักษรว่า “ความอธรรมที่ชั่วร้าย”

d “เวลาที่นัดไว้กับแดนมรณะ” แปลตามตัวอักษรว่า “พันธสัญญากับแดนมรณะ” หมายถึงวันเวลาที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ให้มนุษย์จบชีวิตของตน (เทียบ อสย 28:15, 18)

e ข้อ 19 ในต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “กิจการทั้งหมดของมนุษย์ถูกกำหนดให้พินาศไป ผลงานของเขาจะตามเขาไปด้วย” วว 14:13 จะเปลี่ยนความคิดที่มองกิจการทั้งหมดของมนุษย์ในแง่ร้ายให้เป็นการมองในแง่บวกมากกว่า โดยใช้ข้อความว่า กิจการดีของมนุษย์จะติดตามเขาไปรับสิริรุ่งโรจน์ในชีวิตหน้าด้วย ปัญญาจารย์คิดว่า การที่กิจการทั้งหมดของมนุษย์จะพินาศไปนี้เป็นความจริงที่รับได้ยาก แต่บุตรสิราใช้ความคิดนี้สอนให้มนุษย์รู้จักตัดใจจากผลงานที่มนุษย์ทำในชีวิตนี้

f “ความลับของปรีชาญาณ” (เทียบ สดด 119 โดยเฉพาะข้อ 15, 23, 148) ซึ่งกล่าวถึงความสุขที่ได้มาจากการคิดคำนึงถึงธรรมบัญญัติ แต่ในข้อนี้ บสร เตือนให้มนุษย์พิจารณาถึงปรีชาญาณดังที่บรรดาผู้มีปรีชาสอนไว้ในสุภาษิตและคำพังเพยต่างๆ

g “ตอกหลักกระโจมของตนใกล้กำแพงบ้านของปรีชาญาณ” หมายความว่ามาพำนักอยู่ใกล้ๆ กับปรีชาญาณ ภาพเปรียบเทียบผู้แสวงหาปรีชาญาณในข้อ 22-27 เป็นภาพของนายพราน (ข้อ 22) คู่รัก (ข้อ 23) และภาพของคนเร่ร่อนที่ปักกระโจมใกล้ๆ กับบ้านของปรีชาญาณ (ข้อ 24-27)

h “สิริรุ่งโรจน์” ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ที่หลบภัย” อาจหมายถึงเมฆที่ประทับของพระยาห์เวห์ใน อพย 16:10; 24:16 เชิงอรรถ f, ซึ่งพวกรับบีเรียกว่า “shekinah” (การประทับอยู่[ของพระเจ้า])

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก