วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน 2014
สัปดาห์ที่ 32 เทศกาลธรรมดา
ทต 3:1-7…
1จงตักเตือนเขาเหล่านั้นให้อยู่ใต้อำนาจและเชื่อฟังเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ พร้อมที่จะทำความดีทุกประการ 2ไม่กล่าวร้ายผู้ใด หลีกเลี่ยงการทะเลาะวิวาท มีความอดกลั้นและสุภาพอ่อนโยนต่อทุกคน 3ในอดีต เราเคยเป็นคนโง่ ไม่เชื่อฟัง และหลงผิด เป็นทาสของกิเลสตัณหาและความหลงระเริงต่าง ๆ ขณะนั้นเราดำเนินชีวิตอย่างชั่วร้าย มีความอิจฉาริษยา น่ารังเกียจและเกลียดชังกัน
4แต่เมื่อพระเจ้าพระผู้ไถ่ของเราทรงแสดงพระทัยดีและความรักต่อมนุษย์ 5พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดพ้นมิใช่เพราะกิจการชอบธรรมใด ๆ ที่เรากระทำ แต่เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ ทรงใช้น้ำชำระเราให้สะอาด เราจึงเกิดใหม่และได้รับการฟื้นฟูโดยพระจิตเจ้า 6พระองค์ทรงหลั่งพระจิตเจ้าลงเหนือเราอย่างอุดมโดยทางพระเยซูคริสตเจ้าพระ ผู้ไถ่ของเรา 7เพื่อพระหรรษทานของพระองค์จะบันดาลให้เรากลับเป็นผู้ชอบธรรมและเป็นทายาทใน ความหวังว่าจะได้ชีวิตนิรันดร
อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• “อิจฉาริษยา ชั่วร้าย น่ารังเกียจ และเกลียดชังกัน”
• พ่อเขียนข้อความเหล่านี้ทีละข้อความค่อยๆ บรรจงเขียนจากความสำนึกและไตร่ตรองว่าสิ่งเหล่านี้คืออะไร ความอิจฉาคืออะไร ความชั่วร้ายคืออะไร ความน่ารังเกียจและเกลียดชังคืออะไร
• คำตอบคือ สิ่งเหล่านี้คือพฤติกรรม และความประพฤติกระทำกันประพฤติกันจนกลายเป็นนิสัย หรือจนกระทั่งจมลึกเป็นนิสัยถาวรในทางไม่ดีเลย...
• อะไรคือรากเหง้าของนิสัยถาวรที่ไม่ดีเหล่านี้เล่า??? อะไรคือรากเหง้าปัญหาที่ทำให้เกิดนิสัย เกิดพฤติกรรม หรือเกิดย้ำจนกลายเป็นนิสัยถาวรหรือ (inborn) คือสันดานที่ไม่ดีของชีวิตมนุษย์หนอ อะไรที่เป็นรากและจุดแรกเริ่ม และเกาะกัดกินจนเข้าเนื้อและเถือถึงกระดูกถึงกระดูดำ (แปลว่า เนื้อกระดูกชั้นใน) อะไรเป็น รากเหง้า (root cause) ของนิสัยไม่ดีเหล่านี้... และนิสัยเหล่านี้ก็ไม่ได้พึงปรารถนาเอาเสียเลย แต่มันกลายเป็นอาการที่ทำให้คนเราเสพติด ติดความรู้สึก แม้ใจไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่ได้เห็น ได้ดู ได้สัมผัส และสรุปได้ว่า มันส์มากๆ
• หลายคนรอให้ถึงวันจันทร์ ให้ถึงวันนั้น วันนี้ ที่คนเราติดละครหลายๆเรื่องหลายๆช่อง
• แต่ตอนนี้คนไทยส่วนหนึ่ง (ไม่ใช่ทั้งหมด) คือคนที่ติดละครทีวีที่เขามักจะเรียกกันว่า “ละครน้ำเน่า” ต้องยอมรับว่าเวลานี้ “เน่าได้ใจ” คนไทยจำนวนหนึ่งติด จนว่ารอให้ถึงวันละครที่เราชอบ
o เมื่อวันนั้นๆมาถึงก็ดีใจ... ดีจังเลย รอมานาน รอดูละคร และละครแต่ละเรื่องพลังของความอาฆาต ริษยา เกลียดชัง น่ารังเกียจ ประพฤติร้ายทางศีลธรรม การคุกคามทางเพศ การทำร้ายกันบนหน้าสื่อหน้าเน็ตโดยไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมหน้าพระอะไรกัน เลย
o แฉ แฉ แฉ ทำร้าย ทำลาย ตบกันกลิ้งท่ามกลางผู้คน หลวงเกลียดน้อย น้อยตบหลวง แสดงออกถึงสังคม ทาสทางสังคม ทาสทางการเมือง ทาสการงานหน้าที่ ศักดิ์ศรี ฐานะและการเงิน ทาสความโลภ และหึงหวงแบบไร้เทียมทาน...
o บางตัวละครก็หน้าใส ตาใส ใจดำสนิท ทำร้ายทุกคนด้วยความใสซื่อของใบหน้าและถ้อยคำที่สอพลอแสดงความใสซื่อจากใจที่คด.... แต่ก็นะ...
o สรุป ตลอดทั้งเรื่องคือเนื้อหาความรุนแรงในทุกมิติของสังคม... ความรุนแรงที่เรียกว่าเรดอาร์ถึงเอกซ์ซึ่งหมายความว่าต้องดูด้วยความ ระมัดระวัง จนถึงดูด้วยความระมัดระวังเคร่งครัดจนถึงที่สุด restricted เป็นเรตติ้งบ่งบอกถึงความรุนแรงและอาจทำให้ผู้ชมได้รับผลกระทบทางพฤติกรรม ความรู้สึก หรือคุณธรรม ต้องระวัง ระวังให้มาก
o ที่สุด คนดูต้องมีความรู้ มีวุฒิภาวะและมีการตัดสินที่ถูกต้องทางปัญญาและการติดตามเอาเถอะครับ พ่อไม่ใช่นักจัดเรตติ้งและไม่ใช่สิ่งที่เคยเรียกกันว่า กบว หรือ เซ็นเซอร์... แต่พ่ออยากอ่านสิ่งเหล่านี้ในเชิงผู้อภิบาล... “พระสงฆ์” คนหนึ่ง...
• คำถามคือ ทำไมคนติดกันเยอะกับละครแบบนี้ ทำไมทีวีจึงนำเสนอสิ่งเหล่านี้ แน่นอนว่าเบื้องหลังทั้งหมดคือธุรกิจซึ่งจุดนี้ไม่ขอกล่าวถึง แต่พ่อสนใจว่าทำไมคนจึงรอดูละคร เมื่อก่อนมีเรื่องหนึ่งพ่อจำได้ “แรงมาก แรงจริง” ละครเรื่อง “แรงเงา” คนจึงเอ่ยชื่อมุตาหรือมุนิล (ไม่ทราบเขียนอย่างไร)
o ทำไมคนจึงกล่าวถึงผู้ชายในท้องเรื่องที่ชื่อวีกิจชายที่แสนดี
o ทำไมคนจึงกล่าวถึงท่าน ผ.อ. ที่แสนแย่ แย่ แย่....
o ไม่ขอกล่าวมากกว่านี้เพราะเดี๋ยวแรงไป ภรรยาท่าน ผอ. เองก็เป็นคนที่แรงมากเช่นกัน แรงกันไปหมดทั้งเรื่อง และที่แรงร้ายมากในความใสซื่อคือน้องนกหน้าใส “นกสองหัว” หรืออาจจะสามหัวที่มีดวงตาใสซื่อแต่ใจเชือดเฉือนเสียเหลือเกิน... ฯลฯ
o ทำไมคนติดละครเรื่องนี้นะ พ่อคิดว่าเหตุผลที่สำคัญและเป็นรากของเรื่องนี้ก็เพราะมันกระทบจิตใจคนดู มักระทบและเจาะทุลุทะลวงเข้าไปถึงไขกระดูทั้งคนเล่นและคนดู คนดูก็ดูเพลินและก็มีอารมณ์ตามละครไปโดยไม่รู้ตัว....
• ที่สุด พ่อมาถึงคำตอบที่เราต้องมาเจาะให้ถึงประเด็น “อะไรคือรากเหง้าของปัญหาความริษยา ความชั่วร้าย และน่ารังเกียจ...” คำตอบพ่อได้มาจากคำสอนของเปาโลถึงทิตัสวันนี้ครับ.... ราของปัญหาแท้คือ....
o นักบุญเปาโลสรุปให้ทิตัสฟังและขณะเดียวกันสอนเราว่า “ในอดีต เราเคยเป็นคนโง่ ไม่เชื่อฟัง และหลงผิด เป็นทาสของกิเลสตัณหาและความหลงระเริงต่าง ๆ ขณะนั้นเราดำเนินชีวิตอย่างชั่วร้าย มีความอิจฉาริษยา น่ารังเกียจและเกลียดชังกัน”
o พ่อมาถึงความจริงว่า ความเกลียดชัง ความิจฉาริษยา เกิดจาก “การเป็นทาส ทาสของกิเลสตัณหาและความหลงระเริงต่างๆ”
o พ่ออยากบอกกับพี่น้องให้เห็นชัดว่า พี่น้องครับ... ถ้าเราเป็นทาสของกิเลสตัณหาและความหลงระเริงต่างๆ ชีวิตของเราก็จะเต็มไปด้วยการริษยาและขาดความรัก..
o ปัญหาสำคัญ คือ “การขาดความรัก” พ่อคิดว่าโลกของเราขาดจริงๆ นะครับ “ขาดความรัก” ขาดพระเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นความรัก
o สังคมโลกเราเป็นอย่างนี้ เต็มไปด้วยความริษยาและเกลียดชัง ก็เพราะสังคมโลกของเราขาดความรักของพระเจ้ากันจริงๆ นะครับ
• แต่เราโชคดีเหลือเกินครับ... “แต่เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ ทรงใช้น้ำชำระเราให้สะอาด เราจึงเกิดใหม่และได้รับการฟื้นฟูโดยพระจิตเจ้า”
• เราได้รับศีลล้างบาปกันแล้วนะครับ
o ชีวิตคริสตชนเราไม่งดงามไม่ได้นะครับ
o ชีวิตเราต้องมีความรัก ไม่เกลียดชัง ไม่อิจฉาริษยา มีแต่รัก มีแต่ให้ มีแต่ให้อภัย เพราะ “รากเหง้าของเราคือความรักของพระเจ้าครับ”
• พี่น้องที่รัก เอาเป็นว่าละครที่เราดู ที่บริโภคกันในปัจจุบันแรงเหลือเกินครับ มันกระตุ้นความโน้มเอียงของสังคมที่อาจขาดความรักแท้เหลือเกิน
• พ่อขอวิงวอนให้เราได้ใช้รากของเราที่แข็งแรงกว่าคือรากแห่งความรักในพระเจ้า เพื่อเอาชนะความโน้มเอียงและความชั่วร้ายของสังคมที่ดูเหมือนละครสะท้อน อย่างรุนแรงเหลือเกิน
• พ่อหวังว่า พวกเราทุกคนจะมีวุฒิภาวะแห่งความเป็นคริสตชนพอที่จะเอาชนะความโน้มเอียงและ การเป็นทาสการขาดความรักให้ได้มากขึ้นเสมอนะครับ...
• พ่ออยากให้เรารู้สึกเสมอว่า “วันอาทิตย์อีกแล้ว” “วันพระเจ้าอีกแล้ว” มากกว่านะครับพี่น้องที่รัก ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ....