ไตร่ตรองพระวาจา  โดย..คุณพ่อชวลิต  กิจเจริญวันศุกร์ที่ 28 เมษายน 2017
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลธรรมดา
บทอ่าน กจ 5:34-42 ยน 6:1-15
      พระเยซูเจ้าได้ทรงทำอัศจรรย์หลายอย่าง ทำให้ฝูงชนได้ติดตามพระองค์ไป บางครั้งพระองค์พยายามหลีกเลี่ยงฝูงชน แต่ครั้งนี้พระองค์ได้ต้อนรับพวกเขา และทรงกระทำอัศจรรย์เลี้ยงดูพวกเขาจำนวนห้าพันคน ด้วยการทวีขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว อัศจรรย์ครั้งนี้เป็นการแสดงถึงอำนาจของพระเป็นเจ้า

ซึ่งสอดคล้องกับที่พระสันตะปาปาฟรังซิสได้ประกาศให้ปี 2016 เป็นปีแห่งพระเมตตาธรรม พระองค์ได้มอบพระกายของพระองค์เป็นอาหาร เช่นเดียวกับศีลศักดิ์สิทธิ์ พระองค์ไม่เคยปล่อยให้เราหิวโหย ในการเลี้ยงอาหารมื้อสุดท้าย พระองค์ได้หยิบขนมปัง โมทนาคุณพระเป็นเจ้า และยื่นให้แก่พวกเขาเป็นการส่วนตัว ทั้งบรรดาสานุศิษย์และฝูงชนต่างก็ได้รับปังแห่งชีวิต และนี่คือสิ่งที่กลุ่มคริสตชนได้กระทำเช่นเดียวกันในพิธีบิขนมปังเป็นประจำ

ด้วยพลังแห่งพระเมตตาของพระเยซูเจ้า ผู้ทรงกลับคืนชีพ “บรรดาอัครสาวกออกมาพ้นจากสภาด้วยความยินดี ที่เห็นว่าตนถูกสบประมาท เพราะพระนามนั้นและทุกๆวัน ทั้งในพระวิหารและตามบ้าน พวกเขาก็ไม่หยุดยั้งที่จะสั่งสอน และประกาศข่าวดีว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระคริสตเจ้า” สมาชิกของสภาซันเฮดริน คือกามาลิเอล ได้วางรากฐาน ในการแปลสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ ในองค์กร ในอุดมการณ์ ในการรณรงค์ หรือในขบวนการทางสังคม ถ้าเป็นเหตุที่เกิดขึ้นจากพระเป็นเจ้า มันก็จะดำรงอยู่ต่อไป  เมื่อเอาหลักการนี้ไปใช้กับพระศาสนจักรในสมัยแรก กามาลิเอลได้เตือนเพื่อนร่วมงานของท่าน ไม่ให้ออกไปนอกกรอบ  มุ่งที่จะเบียนเบียนคริสตชน เพราะถ้าพระศาสนจักรมาจากพระเป็นเจ้า ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะทำลายล้าง แต่ถ้ามันเป็นกิจการของมนุษย์
มันก็จะทำลายตัวมันเอง ตลอดระยะเวลาสองพันปีที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าพระศาสนจักรต้องสู้ทนกับการถูกเบียดเบียน และทำให้เรามั่นใจว่าพระศาสนจักรไม่ใช่องค์กรของมนุษย์ แต่เป็นองค์กรของพระเป็นเจ้า พระเยซูเจ้าเองได้เคยตรัสกับเปโตรว่า ”ประตูนรกจะไม่มีวันชนะพระศาสนจักร” (มธ16:18)