ข้อคิดจากพระวาจาประจำวัน  โดย..คุณพ่อฉลองรัฐ สังขรัตน์

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2016

สัปดาห์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา
1คร 1: 17-25 / มธ 25: 1-13

บทอ่านจากพระวรสารตามคำเล่าของนักบุญมัทธิว

 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเล่าเรื่องอุปมาให้บรรดาศิษย์ฟังว่าดังนี้ “อาณาจักรสวรรค์จะเปรียบได้กับหญิงสาวสิบคนถือตะเกียงออกไปรอรับเจ้าบ่าว ในสิบคนนี้ ห้าคนเป็นคนโง่ อีกห้าคนเป็นคนฉลาด
 หญิงโง่นำตะเกียงไป แต่ไม่ได้เอาน้ำมันไปด้วย ส่วนหญิงฉลาด นำน้ำมันใส่ขวดไปพร้อมกับตะเกียง ทุกคนต่างง่วง และหลับไปเพราะเจ้าบ่าวมาช้า ครั้นเวลาเที่ยงคืน มีเสียงตะโกนบอกว่า ‘เจ้าบ่าวมาแล้ว จงออกไปรับกันเถิด’


 หญิงสาวทุกคนจึงตื่นขึ้นแต่งตะเกียง หญิงโง่พูดกับหญิงฉลาดว่า ‘ขอน้ำมันให้เราบ้าง เพราะตะเกียงของเราจวนจะดับแล้ว’

 หญิงฉลาดจึงตอบว่า ‘ไม่ได้ เพราะอาจไม่พอสำหรับเราและสำหรับพวกเธอด้วย จงไปพบคนขายแล้วซื้อเอาเองดีกว่า’ ขณะที่หญิงเหล่านั้นกำลังไปซื้อน้ำมัน เจ้าบ่าวก็มาถึง หญิงสาวที่เตรียมพร้อมจึงเข้าไปในห้องงานแต่งงานพร้อมกับเจ้าบ่าว แล้วประตูก็ปิด ในที่สุด พวกหญิงโง่ก็มาถึง พูดว่า ‘นายเจ้าขา นายเจ้าขา เปิดรับพวกเราด้วย’ แต่เขาตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราไม่รู้จักท่าน’ เพราะฉะนั้น จงตื่นเฝ้าระวังไว้เถิด เพราะท่านไม่รู้วัน และเวลา”

 (พระวาจาของพระเจ้า)

——————

 เราอาจไม่ใช่ “คนโง่” แต่พยายามไม่คิด ไม่เตรียมการณ์ ใช้เวลาให้หมดเปลือง ไม่สรรหาสาระใส่ชีวิต ก็เป็นคนโง่ในเรื่องควรฉลาด

 คนฉลาด ก็ไม่ใช่คนมีสมองดีเลิศ คนมีปัญญามากว่าบรรจุไว้ในเส้นหยักในหัว แต่เป็นคนวางแผน คาดการณ์ เรียนรู้จักกับสถานการณ์ ผู้คน ที่จะไม่เอาเปรียบเดียจฉันท์ ที่จะไม่เอื้อเฟื้อคนให้ “ดิ่งด่ำจมลึก” ในกระบวนประสาโลก ที่ทำตอนสุดมือ มาตอนสุดท้าย ขวนขวายตอนสุดทาง เหมือน “หญิงโง่” ที่ไม่ได้หัวโง่ แต่โง่ตอนใช้ชีวิต

 ความโง่ ความฉลาดในพระวาจา จึงไม่ใช่ความสามารถทางสมอง แต่เป็น ความสามารถในการมีชีวิต
และใช้ชีวิตให้คุ้มค่าสมกับเป็นของประทานของพระเจ้าที่ให้กับเรามาต่างหาก

(Credit จาก Facebook คุณพ่อฉลองรัฐ สังขรัตน์)