(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)

การถวายบูชาของพระคริสตเจ้าประเสริฐกว่าการถวายบูชาตามบทบัญญัติของโมเสส

 

การถวายบูชาแบบเดิมไม่บรรลุผล

10 1เนื่องจากธรรมบัญญัติเป็นเพียงเงาและไม่ใช่ภาพจริงของพระพรที่พระเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้ จึงไม่อาจทำให้ผู้มาเฝ้าพระเจ้าบรรลุถึงความบริบูรณ์ได้ แม้จะถวายเครื่องบูชาเดียวกันตลอดปีอย่างต่อเนื่องทุกปี 2มิฉะนั้น การถวายบูชาแบบนี้คงจะต้องยุติลง ในเมื่อผู้นมัสการได้รับการชำระล้างครั้งหนึ่งเพื่อให้บริสุทธิ์ตลอดไปแล้ว เขาคงจะไม่สำนึกว่าตนยังมีบาปอีก 3แต่การถวายบูชาเหล่านี้ยังเตือนให้สำนึกถึงบาปอยู่ทุกปี 4เพราะเลือดโคเพศผู้และเลือดแพะชำระบาปให้หมดสิ้นไปไม่ได้a 5ดังนั้น เมื่อพระคริสตเจ้าเสด็จมาในโลก จึงตรัสว่า

พระองค์ไม่มีพระประสงค์เครื่องบูชาและของถวายอื่นใด

พระองค์จึงทรงเตรียมร่างกายไว้ให้ข้าพเจ้า

6พระองค์ไม่พอพระทัยในเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาชดเชยบาป

7ข้าพเจ้าจึงทูลว่า ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่

ในม้วนหนังสือมีข้อความเขียนเกี่ยวกับข้าพเจ้าไว้ว่า

ข้าพเจ้ามาเพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์

8พระคริสตเจ้าตรัสเป็นอันดับแรกว่าพระเจ้าไม่มีพระประสงค์และไม่พอพระทัยในเครื่องบูชา ของถวาย เครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาชดเชยบาป ทั้งๆ ที่มีกำหนดไว้ในธรรมบัญญัติ 9แล้วจึงตรัสต่อไปว่า ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าพเจ้ามาเพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์ พระคริสตเจ้าจึงทรงยกเลิกการถวายบูชาแบบเดิมและทรงตั้งการถวายบูชาแบบใหม่ขึ้นแทน 10โดยพระประสงค์นี้เอง เราทั้งหลายได้รับความศักดิ์สิทธิ์ เดชะการถวายพระวรกายของพระองค์เป็นการบูชาที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงกระทำแต่เพียงครั้งเดียวโดยมีผลตลอดไป

ผลของการถวายบูชาของพระคริสตเจ้า

11สมณะทุกองค์อยู่ประจำหน้าที่ของตนทุกวัน ถวายเครื่องบูชาอย่างเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็อภัยบาปไม่ได้ 12ส่วนพระคริสตเจ้าทรงถวายเครื่องบูชาชดเชยบาปเพียงครั้งเดียว แล้วจึงเสด็จเข้าประทับ ณ เบื้องขวาของพระเจ้าตลอดไป 13ยังเหลืออยู่เพียงแต่จะให้ศัตรูของพระองค์ถูกปราบเป็นที่รองพระบาทเท่านั้น 14โดยอาศัยการถวายบูชาเพียงครั้งเดียว พระองค์ทรงทำให้ทุกคนที่กำลังรับความศักดิ์สิทธิ์บรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์สมบูรณ์ตลอดไป 15พระจิตเจ้าทรงยืนยันเรื่องนี้กับเรา โดยตรัสในเบื้องต้นว่า

16นี่คือพันธสัญญาซึ่งเราจะทำกับเขาทั้งหลาย

วันหนึ่งในภายหน้า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส

เราจะนำบทบัญญัติของเราใส่ไว้ในดวงใจของเขา

และจะจารึกบทบัญญัตินั้นไว้ในจิตใจ

17แล้วตรัสอีกว่า เราจะไม่จดจำบาปและความอธรรมของเขาต่อไปอีกเลย

18เมื่อบาปและความอธรรมเหล่านี้ได้รับการอภัยแล้ว จะไม่มีการถวายเครื่องบูชาชดเชยบาปอีกต่อไป

IV. ความเชื่อที่มั่นคง

 

โอกาสสำหรับคริสตชน

19พี่น้องทั้งหลาย เมื่อเรามีความมั่นใจที่จะเข้าสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งb เดชะพระโลหิตของพระเยซูเจ้า 20โดยทางใหม่ที่ให้ชีวิตซึ่งพระองค์ทรงเปิดไว้ให้เราผ่านทะลุม่านเข้าไป ม่านนี้คือพระวรกายของพระองค์ 21และเมื่อเรามีมหาสมณะคอยดูแลพระวิหารของพระเจ้าแล้ว 22เราจงเข้าไปใกล้ด้วยใจจริงและเต็มเปี่ยมด้วยความเชื่อ มีดวงใจบริสุทธิ์ มีจิตสำนึกว่าตนได้รับการอภัยแล้ว มีร่างกายที่ชำระล้างสะอาดด้วยน้ำบริสุทธิ์ 23เราจงยึดมั่นโดยไม่หวั่นไหวในการประกาศความหวังที่เรามีอยู่ เพราะว่าพระองค์ผู้ประทานพระสัญญานั้นทรงซื่อสัตย์ 24เราจงพิจารณาหาทางให้กำลังใจกัน ให้มีความรักและประกอบกิจการดี 25อย่าขาดการเข้าร่วมชุมนุมกันดังที่บางคนเคยทำ แต่จงตักเตือนกัน จงทำเช่นนี้ให้มากยิ่งขึ้นดังที่ท่านเห็นแล้วว่าวันนั้นใกล้จะมาถึงแล้วc

อันตรายที่จะละทิ้งความเชื่อ

26เมื่อได้รับความรู้อย่างดีถึงความจริงแล้ว ถ้าเรายังจงใจทำบาปอีก ก็จะไม่มีเครื่องบูชาชดเชยบาปใดช่วยได้อีกต่อไปd 27มีแต่การรอคอยที่น่ากลัวว่าจะต้องรับการตัดสินลงโทษ และไฟร้อนแรงที่จะเผาผลาญพวกกบฏให้สิ้นไป 28ผู้ที่ละเมิดธรรมบัญญัติของโมเสสยังถูกประหารชีวิตอย่างไร้ความปรานี เมื่อมีพยานสองหรือสามคนที่ยืนยันได้ 29ท่านคิดว่าผู้ที่เหยียบย่ำพระบุตรของพระเจ้า สบประมาทพระโลหิตแห่งพันธสัญญาซึ่งได้บันดาลความศักดิ์สิทธิ์ให้ และล่วงเกินพระจิตเจ้าผู้ประทานพระหรรษทานให้ จะต้องได้รับโทษหนักกว่าสักเพียงใด 30เรารู้จักผู้ที่ตรัสว่า การแก้แค้นเป็นของเรา เราจะตอบแทน และพระคัมภีร์ยังกล่าวอีกว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพิพากษาประชากรของพระองค์ 31ช่างน่ากลัวยิ่งนักที่จะต้องตกอยู่ในพระหัตถ์พระเจ้าผู้ทรงชีวิต

แรงจูงใจให้มีความมั่นคง

32จงระลึกถึงวันในอดีต วันที่ท่านสู้ทนความทุกข์ทรมานมากมายหลังจากที่ได้รับความสว่างe 33บางครั้งท่านก็ถูกประจานให้อับอาย และถูกข่มเหงอย่างเปิดเผย บางครั้งท่านก็ร่วมทุกข์กับผู้ที่รับชะตากรรมเดียวกัน 34โดยเหตุที่ท่านได้ร่วมทนทุกข์ทรมานกับผู้ถูกจองจำfและยินดีให้เขาริบทรัพย์สินของท่านไป เพราะท่านรู้อยู่ว่าท่านมีทรัพย์สินที่ดีกว่าและจีรังยั่งยืนกว่า 35ดังนั้น จงอย่าทิ้งความไว้วางใจซึ่งมีบำเหน็จยิ่งใหญ่ 36ท่านต้องมีความพากเพียรในการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า เพื่อจะได้รับบำเหน็จตามพระสัญญา

37อีกไม่นานนัก

พระองค์ผู้จะต้องทรงมาถึง ก็จะเสด็จมาแล้ว พระองค์จะไม่ทรงชักช้า

38ผู้ชอบธรรมของเราจะดำรงชีพด้วยความเชื่อ

แต่ถ้าเขาท้อถอย เราจะไม่พอใจเขาเลย

 39เราไม่ใช่คนท้อถอยจนต้องพินาศ แต่เราเป็นคนมีความเชื่อเพื่อรักษาชีวิตให้รอดพ้น

 

10 a ผู้เขียนจดหมายถึงชาวฮีบรูได้พัฒนาความคิดต่อจากความคิดของประกาศกอีกหนึ่งขั้น กล่าวคือประกาศกได้เรียกร้องให้ประกอบพิธีกรรมจากใจจริง (อสย 1:11-13; ยรม 6:20; 11:15; ฮชย 6:6; อมส 5:21 เชิงอรรถ n) แต่จดหมายนี้ยืนยันว่าเครื่องบูชาในพันธสัญญาเดิมไม่บรรลุผล (ดู 9:13-14) มีแต่การถวายบูชาพระองค์เองโดยสมัครใจของพระคริสตเจ้าเท่านั้นที่ทำให้มนุษยชาติพ้นจากบาปได้ (ข้อ 12-14)

b ผู้ที่เข้าในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งได้มีแต่มหาสมณะเพียงผู้เดียว คือเข้าเฝ้าพระเจ้าได้เพียงปีละครั้งเดียวเท่านั้น ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปคริสตชนทุกคนเข้าถึงพระเจ้าได้โดยทางพระคริสตเจ้า (ดู 4:14-16; 7:19, 25; 9:11; 10:9; รม 5:2; อฟ 1:4; 2:18; 3:12; คส 1:22)

c เมื่อพระคริสตเจ้าจะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งเมื่อสิ้นพิภพ (ดู 1 คร 1:8 เชิงอรรถ e) ข้อความนี้อาจจะหมายถึงเครื่องหมายที่จะปรากฏขึ้นก่อนการเสด็จมาครั้งที่สองนี้ก็ได้ (ดู 2 ธส 2:1 เชิงอรรถ a)

d หมายถึง บาปการละทิ้งความเชื่อหรือการจงใจกบฏต่อพระเจ้า (ดู 6:6 เชิงอรรถ d) ไฟในข้อ 27 ถือกันว่าเป็นสัญลักษณ์หมายถึงการลงโทษจากพระเจ้า (อสย 26:11; มธ 3:11-12; มก 9:48-49 เชิงอรรถ f; วว 11:5)

e วลี ได้รับความสว่าง ในพันธสัญญาใหม่และในข้อเขียนของบรรดาปิตาจารย์ หมายถึง ศีลล้างบาป เสมอ (6:4; อฟ 5:14; ดู รม 6:4 เชิงอรรถ a)

f สำเนาโบราณบางฉบับว่า กับข้าพเจ้าผู้ถูกจองจำ ซึ่งหมายถึงการจองจำของเปาโล (ฟป 1:7; คส 4:18)