(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)

ก. พระคริสตเจ้าทรงเป็นสมณะเหนือกว่าสมณะตระกูลเลวี

 

เมลคีเซเดคa

7 1เมลคีเซเดคผู้นี้ทรงเป็นกษัตริย์แห่งเมืองซาเลม ทรงเป็นสมณะของพระเจ้าสูงสุด เสด็จมาพบอับราฮัมขณะที่อับราฮัมกลับจากรบชนะบรรดากษัตริย์ และทรงอวยพรเขา 2อับราฮัมแบ่งหนึ่งในสิบจากสิ่งของทั้งหมดถวายเมลคีเซเดค ชื่อเมลคีเซเดคแปลว่า “กษัตริย์แห่งความชอบธรรม” ทรงเป็นกษัตริย์แห่งซาเลมซึ่งแปลว่า “กษัตริย์แห่งสันติภาพ” 3พระคัมภีร์ไม่กล่าวถึงพระบิดา พระมารดาหรือราชวงศ์ ไม่กล่าวถึงวันเริ่มต้นและบั้นปลายชีวิตของพระองค์ พระองค์จึงทรงเป็นเสมือนพระบุตรของพระเจ้า และทรงเป็นสมณะอยู่ตลอดไป

เมลคีเซเดคทรงได้รับหนึ่งในสิบจากอับราฮัม

4ดังนั้น จงพิจารณาดูเถิดว่า ท่านผู้นี้ยิ่งใหญ่สักเพียงใด ถ้าอับราฮัมบรรพบุรุษของชนชาติอิสราเอลถวายหนึ่งในสิบจากสิ่งของที่ยึดได้b 5ลูกหลานของเลวีเมื่อได้เป็นสมณะมีข้อกำหนดตามธรรมบัญญัติให้รับหนึ่งในสิบจากประชาชน คือจากบรรดาพี่น้องแม้จะสืบเชื้อสายมาจากอับราฮัมเช่นเดียวกัน 6แต่เมลคีเซเดคซึ่งมิได้ทรงมาจากตระกูลเลวี ทรงได้รับหนึ่งในสิบจากอับราฮัมและยังทรงอวยพรอับราฮัมผู้ได้รับพระสัญญา 7คำอวยพรเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ให้แก่ผู้น้อยโดยไม่ต้องสงสัย 8นอกจากนั้น ในกรณีของตระกูลเลวีผู้รับหนึ่งในสิบเป็นมนุษย์ปุถุชนที่ตายได้ แต่ในกรณีของเมลคีเซเดค พระคัมภีร์ยืนยันว่า ผู้รับหนึ่งในสิบเป็นผู้ที่มีชีวิต 9และยังกล่าวได้อีกว่า เลวีเองซึ่งรับหนึ่งในสิบนั้นเป็นผู้จ่ายหนึ่งในสิบถวายเมลคีเซเดคผ่านทางอับราฮัมด้วย 10เพราะเลวียังไม่เกิด เหมือนกับยังอยู่ในกายของอับราฮัมบรรพบุรุษเมื่อเมลคีเซเดคเสด็จมาพบ

ตำแหน่งสมณะแบบเมลคีเซเดคcจะมาแทนตำแหน่งสมณะของตระกูลเลวี

11ถ้าหน้าที่สมณะตระกูลเลวีสมบูรณ์อยู่แล้ว ประชากรอิสราเอลได้รับธรรมบัญญัติโดยอาศัยหน้าที่สมณะนี้ เพราะเหตุใดจึงจำเป็นต้องมีสมณะอีกแบบหนึ่งเกิดขึ้นตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค และไม่ใช่สมณะตามแบบของอาโรน 12การเปลี่ยนแปลงใดๆ ในหน้าที่สมณะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในธรรมบัญญัติด้วยเช่นเดียวกัน

13สรุปได้ว่า ข้อความเหล่านี้กล่าวถึงพระเยซูเจ้า ซึ่งอยู่ในอีกตระกูลหนึ่งที่ไม่มีสมาชิกคนใดเคยปฏิบัติศาสนกิจที่พระแท่นบูชา 14ทุกคนรู้ดีว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรามาจากตระกูลยูดาห์ และโมเสสไม่ได้พูดอะไรถึงตระกูลนี้เลยในเรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่มหาสมณะ

ธรรมบัญญัติเดิมถูกยกเลิก

15เรื่องนี้จะชัดเจนขึ้น ถ้ามีสมณะอีกองค์หนึ่งปรากฏขึ้นเหมือนกับเมลคีเซเดค 16ซึ่งได้เป็นสมณะมิใช่ตามกฎแห่งการสืบตระกูลd แต่เดชะอำนาจแห่งชีวิตที่ไม่มีวันดับสูญ 17เพราะพระคัมภีร์เป็นพยานยืนยันว่า “ท่านเป็นสมณะนิรันดรตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค18ดังนั้น บทบัญญัติเดิมจึงถูกยกเลิกเพราะมีข้อบกพร่องและไร้ประโยชน์ 19เพราะธรรมบัญญัติทำให้สิ่งใดสมบูรณ์ไม่ได้ แต่ความหวังที่ดีกว่าได้เข้ามาแทนที่ธรรมบัญญัตินี้ ความหวังนี้นำเราเข้าใกล้พระเจ้า

พระคริสตเจ้าทรงเป็นสมณะตลอดไป

20นอกจากนี้ ยังมีคำปฏิญาณของพระเจ้าอีก สมณะเดิมเป็นสมณะโดยไม่มีคำปฏิญาณ 21แต่พระเยซูเจ้าทรงเป็นสมณะโดยคำปฏิญาณของพระเจ้าผู้ตรัสกับพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปฏิญาณโดยไม่มีวันเปลี่ยนพระทัยว่า ท่านเป็นสมณะนิรันดรe 22เพราะคำปฏิญาณนี้ พระเยซูเจ้าจึงทรงเป็นผู้ประกันพันธสัญญาที่ดีกว่า 23สมณะในพันธสัญญาเดิมนั้นมีจำนวนมาก เพราะความตายขัดขวางมิให้เขาดำรงตำแหน่งต่อไป 24แต่เพราะพระเยซูเจ้าทรงดำรงอยู่ตลอดไป พระองค์จึงทรงเป็นสมณะนิรันดร 25ด้วยเหตุนี้ พระเยซูเจ้าจึงทรงช่วยคนทั้งปวงซึ่งเข้ามาถึงพระเจ้าโดยทางพระองค์fให้ได้รับความรอดพ้นได้อย่างดียิ่ง เพราะพระองค์ทรงพระชนม์อยู่เป็นนิจเพื่อทูลขอพระกรุณาให้คนเหล่านั้น

ความสมบูรณ์แบบของมหาสมณะจากสวรรค์

26เราต้องการมหาสมณะลักษณะเช่นนี้ คือเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ไร้ความผิด ไร้มลทิน แยกจากคนบาปทั้งปวง ประทับอยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า 27ไม่จำเป็นที่พระองค์จะต้องทรงนำเครื่องบูชามาถวายพระเจ้าทุกวัน ดังเช่นมหาสมณะองค์อื่นๆ เพื่อถวายชดเชยบาปของตนก่อน แล้วจึงถวายชดเชยบาปของประชากร ส่วนพระเยซูเจ้า เมื่อทรงถวายพระองค์ได้ทรงกระทำเช่นนี้เพียงครั้งเดียวโดยมีผลตลอดไปg 28ความจริง ธรรมบัญญัติได้แต่งตั้งมนุษย์ที่มีความอ่อนแอให้เป็นมหาสมณะ แต่คำปฏิญาณของพระเจ้าซึ่งมาภายหลังธรรมบัญญัตินั้นh แต่งตั้งพระบุตรผู้ทรงบรรลุถึงความสมบูรณ์แล้วตลอดไปให้เป็นมหาสมณะ

 

7 a ผู้เขียนเห็นว่า เมลคีเซเดค ซึ่งเป็นทั้งกษัตริย์และสมณะ เป็นรูปแบบของพระคริสตเจ้าในพันธสัญญาเดิม เป็นเรื่องแปลกที่ ปฐก 14 ไม่กล่าวถึงบรรพบุรุษหรือเชื้อสายของเมลคีเซเดคเลย จึงทำให้คิดว่า เขาเป็นสมณะอยู่ตลอดไป (ข้อ 1-3; เทียบ ข้อ 15-17; และ สดด 110:4) เมลคีเซเดคมีศักดิ์สูงกว่าอับราฮัม เพราะอับราฮัมได้ถวายหนึ่งในสิบของทุกสิ่งที่ยึดมาได้จากสงคราม (ปฐก 14:20) ดังนั้น เมลคีเซเดคยิ่งมีศักดิ์สูงกว่าลูกหลานของอับราฮัมทุกคนรวมทั้งเชื้อสายของตระกูลเลวีด้วย (ข้อ 4ฯ)

b การถวายหนึ่งในสิบให้แก่สมณะตระกูลเลวี (ฉธบ 14:22 เชิงอรรถ d) เป็นทั้งค่าจ้างสำหรับศาสนบริการและเป็นการยอมรับว่า สมณะในตระกูลเลวีมีศักดิ์สูงกว่าตระกูลอื่นๆ ที่ต้องจ่ายหนึ่งในสิบ เมื่ออับราฮัมได้ถวายหนึ่งในสิบแก่เมลคีเซเดค ก็หมายความว่า ตระกูลเลวีซึ่งอยู่ในตัวของอับราฮัมยอมรับว่า เมลคีเซเดคเป็นมหาสมณะ มีศักดิ์ศรีสูงกว่าตน

c เหตุผลที่ใช้อ้างอิงในที่นี้ได้มาจาก สดด 110:4 เพลงสดุดีบทนี้ ซึ่งเป็นบทสรรเสริญกษัตริย์ในราชวงศ์ดาวิด ได้รับการอธิบายว่าเป็นพระผู้ไถ่ซึ่งเป็นกษัตริย์ด้วย โดยประกาศว่าพระองค์จะไม่มาจากตระกูลเลวี ดังนั้น ตำแหน่งสมณะของพระองค์จะเป็น สมณะตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค และจะคงอยู่ตลอดนิรันดร หมายความว่า เมื่อพระคริสตเจ้าเสด็จมา ตำแหน่งสมณะของพระองค์จะเข้าแทนที่ตำแหน่งสมณะของตระกูลเลวี ดังนั้น จึงต้องมีบทบัญญัติใหม่ เพราะบทบัญญัติเก่ากล่าวถึงหน้าที่สมณะของตระกูลเลวีเท่านั้น (ข้อ 12, 16ฯ, 21)

d ธรรมบัญญัติได้จำกัดหน้าที่สมณะของตระกูลเลวีไว้กับลูกหลานที่สืบเชื้อสายมาจากเขาเท่านั้น (ดู กดว 1:47ฯ; 3:5ฯ; ฉธบ 10:8ฯ; 18:1ฯ; 33:8ฯ)

e สำเนาโบราณบางฉบับเสริมว่า ตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค

f พระคริสตเจ้า สมณะตลอดนิรันดร ทรงทำหน้าที่เป็นคนกลางและผู้วอนขอต่อพระเจ้า (ดู รม 8:34; 1 ยน 2:1) คำวอนขอของพระองค์คล้ายกับคำวอนขอของพระจิตเจ้าผู้ทูลขอในนามของคริสตชน (รม 8:27)

g การถวายบูชาที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนของพระเยซูเจ้า เป็นจุดสุดยอดของประวัติศาสตร์แห่งความรอดพ้น (กจ 1:7 เชิงอรรถ i) การถวายบูชานี้ทำให้การเตรียมเป็นเวลายาวนานนั้นสิ้นสุดลง (1:1ฯ; เทียบ รม 10:4) พระเยซูเจ้าทรงถวายบูชา ในเวลาที่กำหนดไว้ (รม 3:26 เชิงอรรถ m; กท 4:4 เชิงอรรถ c) เป็นการเริ่มยุคสุดท้าย แม้ว่าวันสุดท้ายของโลก (รม 2:6 เชิงอรรถ b; 1 คร 1:8 เชิงอรรถ e) ยังมาไม่ถึง (2 คร 6:2 เชิงอรรถ a) และจะมาถึงในอนาคตที่ยังกำหนดแน่ไม่ได้ (1 ธส 5:1 เชิงอรรถ b) ถึงกระนั้น นับได้ว่าความรอดพ้นของมนุษยชาติในสาระสำคัญเป็นที่แน่นอนแล้ว ตั้งแต่เมื่อมนุษย์ได้ตายจากบาปและกลับคืนชีพอีกครั้งหนึ่งในองค์พระเยซูเจ้า จดหมายถึงชาวฮีบรูพยายามเน้นเป็นพิเศษว่าความหวังทั้งหมดนี้มาจากการบูชาของพระเยซูเจ้าที่ทรงถวายเพียงครั้งเดียว (7:27; 9:12, 26, 28; 10:10; เทียบ รม 6:10; 1 ปต 3:18) เนื่องจากการถวายบูชานี้ทำซ้ำไม่ได้อีก (10:12-14) จึงแตกต่างจากการถวายบูชาอื่นๆ ในพันธสัญญาเดิม เพราะว่าการถวายบูชาเหล่านั้นต้องทำซ้ำแล้วซ้ำอีก และไม่สามารถช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นได้

h พระเจ้าประทานพระสัญญาให้อับราฮัมก่อนจะประทานธรรมบัญญัติให้แก่โมเสส (เทียบ กท 3:17)