(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)

5 1ท่านทั้งหลายจงทำตามแบบฉบับของพระเจ้า ประดุจบุตรสุดที่รักของพระองค์ 2จงดำเนินชีวิตในความรักดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักเราและทรงมอบพระองค์เพื่อเรา เป็นเครื่องบูชาที่มีกลิ่นหอมถวายแด่พระเจ้า

3ในหมู่ท่านทั้งหลาย อย่าให้มีการผิดประเวณี ความลามกโสมมต่างๆ หรือความโลภ อย่าให้มีแม้แต่การพูดถึง จึงจะเป็นการเหมาะสมกับผู้ศักดิ์สิทธิ์ 4อย่าให้มีทั้งการพูดหยาบคาย พูดไร้สาระและตลกหยาบโลน ซึ่งไม่เป็นการสมควร แต่จงขอบพระคุณจะดีกว่า

5ท่านทั้งหลายจงรู้ไว้เถิดว่า คนผิดประเวณี คนลามกโสมม และคนโลภซึ่งเป็นเสมือนคนนับถือรูปเคารพa ไม่ได้รับมรดกในพระอาณาจักรของพระคริสตเจ้าและของพระเจ้าเลย 6อย่าให้ใครใช้คำพูดไร้สาระหลอกลวงท่าน ผู้ที่ไม่ยอมเชื่อฟังและทำความผิดเหล่านี้สมควรจะได้รับโทษจากพระเจ้า 7จงอย่าสมาคมกับคนเหล่านี้เลย 8ในอดีตท่านเคยเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตเช่นบุตรแห่งความสว่างเถิด 9ผลแห่งความสว่างคือความดี ความชอบธรรม และความจริงทุกประการ 10จงแสวงหาสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย 11จงอย่าเกี่ยวข้องกับกิจการแห่งความมืดซึ่งไร้ผล ตรงกันข้าม จงประณามกิจการเหล่านั้น 12เพราะสิ่งต่างๆ ที่ทำกันอย่างปิดบังซ่อนเร้นนั้น แม้เพียงพูดถึงก็น่าละอายแล้ว 13ทุกสิ่งที่ถูกประณามนั้นย่อมปรากฏชัดในความสว่าง 14และทุกสิ่งที่ปรากฏชัดนั้นคือความสว่างb จึงมีคำกล่าวไว้ว่าc

“ผู้หลับใหล จงตื่นเถิด

จงลุกขึ้นจากบรรดาผู้ตาย

และพระคริสตเจ้าจะทรงส่องสว่างเหนือท่าน”d

15จงคอยระวังว่าท่านดำเนินชีวิตอย่างไร จงดำเนินชีวิตอย่างผู้เฉลียวฉลาด มิใช่อย่างผู้ขาดสติปัญญา 16จงใช้เวลาปัจจุบันให้ดีที่สุดe เพราะเราอยู่ในยุคแห่งความเลวร้าย 17อย่าเป็นคนโง่เขลา แต่จงพยายามเข้าใจว่าพระเจ้าทรงประสงค์สิ่งใด 18อย่าเสพสุราจนเมามาย เพราะสุราเป็นสาเหตุของการปล่อยตัวเสเพล แต่จงยอมให้พระจิตเจ้าทรงนำชีวิตของท่าน 19จงร่วมใจกันขับร้องเพลงสดุดี เพลงสรรเสริญ และบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ จงขับร้องสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าจากจิตใจ 20จงขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดาอยู่เสมอสำหรับทุกสิ่ง เดชะพระนามพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

ศีลธรรมในครอบครัว

21จงยอมอยู่ใต้อำนาจของกันและกันด้วยความเคารพยำเกรงพระคริสตเจ้า 22ภรรยาจงยอมอยู่ใต้อำนาจของสามี เหมือนยอมอยู่ใต้อำนาจขององค์พระผู้เป็นเจ้าf 23เพราะสามีเป็นศีรษะของภรรยา เหมือนพระคริสตเจ้าทรงเป็นศีรษะของพระศาสนจักร พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยพระ
ศาสนจักรซึ่งเป็นพระกายให้รอดพ้น 24พระศาสนจักรยอมอยู่ใต้อำนาจของพระคริสตเจ้าฉันใด ภรรยาก็ต้องยอมอยู่ใต้อำนาจของสามีทุกเรื่องฉันนั้น

25สามีก็จงรักภรรยาดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักพระศาสนจักร และทรงพลีพระองค์เพื่อพระศาสนจักร 26ทรงบันดาลให้พระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ ทรงใช้น้ำและพระวาจาgชำระพระศาสนจักรให้บริสุทธิ์ 27พระองค์จะได้ทรงพบว่าพระศาสนจักรนั้นรุ่งโรจน์ ศักดิ์สิทธิ์ ปราศจากมลทินh ปราศจากตำหนิริ้วรอยหรือสิ่งใดๆ ในลักษณะดังกล่าว 28เช่นเดียวกัน สามีต้องรักภรรยาเหมือนรักกายของตน ผู้ที่รักภรรยาก็รักตนเอง 29เพราะไม่มีใครเกลียดชังเนื้อหนังของตน แต่ย่อมเลี้ยงดูและทะนุถนอมอย่างดียิ่ง พระคริสตเจ้าทรงกระทำเช่นเดียวกันกับพระศาสนจักร 30เพราะเราเป็นส่วนแห่งพระกายของพระองค์ 31พระคัมภีร์กล่าวว่า “เพราะเหตุนี้ ชายจะละบิดามารดาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน32ธรรมล้ำลึกประการนี้ยิ่งใหญ่นัก ข้าพเจ้าหมายถึงพระคริสตเจ้ากับพระศาสนจักร[1] 33ดังนั้น แต่ละท่านจงรักภรรยาของตนเหมือนรักตนเอง และภรรยาก็จงเคารพยำเกรงสามี

 

5 a ความปรารถนาต่างๆ ที่ขาดการควบคุม ทำให้คนเราถวายสักการะแก่สิ่งสร้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่เงินทอง แทนที่จะถวายแด่พระเจ้าแต่พระองค์เดียว สิ่งสร้างจึงกลายเป็นเสมือนรูปเคารพที่คนเราเคารพบูชา

b การพูดอย่างไม่ถูกต้องถึงความผิดทางเพศ ทำให้เรื่องดังกล่าวคลุมเครือซึ่งเป็นภัยอย่างยิ่ง (ข้อ 3) แต่การพูดถึงเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรจะช่วยให้ความผิดทางเพศนี้ได้รับการแก้ไข จึงเป็นเสมือนแสงสว่างของพระคริสตเจ้าที่จะทำให้ความมืดมัวในเรื่องนี้จบสิ้นลง

c ข้อความนี้ (เช่นเดียวกับข้อความใน 1 ทธ 3:16) ดูเหมือนเป็นข้อความที่คัดมาจากบทเพลงโบราณบทหนึ่งของคริสตชน ความคิดที่ว่าศีลล้างบาปเป็นการส่องสว่าง ดู ฮบ 6:4; 10:32; รม 6:4 เชิงอรรถ a

d สำเนาโบราณบางฉบับว่า “แล้วท่านจะสัมผัสพระคริสตเจ้า”

e แปลตามตัวอักษรว่า “จงไถ่กู้เวลาปัจจุบัน”

f เปาโลเปรียบเทียบการสมรสระหว่างชายหญิงกับการวิวาห์ของพระคริสตเจ้ากับพระศาสนจักร (ข้อ 23-32) เปาโลใช้ความคิดทั้งสองนี้อธิบายกันและกัน พระคริสตเจ้าทรงเป็นพระภัสดาของพระศาสนจักร เพราะทรงเป็นพระเศียรและทรงรักพระศาสนจักร ดังที่สามีรักภรรยาดุจรักกายของตน ในทำนองเดียวกัน การเปรียบเทียบนี้ก็ชี้ให้เห็นว่าการสมรสของชายและหญิงควรมีคุณลักษณะอย่างไร สัญลักษณ์ที่เปรียบชาติอิสราเอลเป็นภรรยาของพระยาห์เวห์ พบได้บ่อยๆ ในพันธสัญญาเดิม (ฮชย 1:2 เชิงอรรถ c)

g พิธีศีลล้างบาปจะไม่มีความหมายและคุณค่า หากไม่มีการประกาศพระวาจาควบคู่ไปด้วย คือ ศาสนบริกรต้องประกาศข่าวดีและผู้รับศีลล้างบาปต้องประกาศยืนยันความเชื่อด้วย (1:13; เทียบ มก 16:15ฯ; กจ 2:38 เชิงอรรถ y; รม 6:4 เชิงอรรถ a; 1 ปต 1:23 เชิงอรรถ m)

h เมื่อเปาโลเขียนจดหมายฉบับนี้ มีธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันทั่วไปในภูมิภาคตะวันออกกลางในขณะนั้น กล่าวคือ “ผู้มาร่วมพิธีสมรส” (“The sons of the wedding”) จะนำตัวเจ้าสาวไปส่งให้แก่เจ้าบ่าวหลังจากเจ้าสาวได้อาบน้ำแต่งตัวอย่างดีเรียบร้อยแล้ว เมื่อนำธรรมเนียมนี้มาประยุกต์กับพระศาสนจักรก็หมายความว่าพระคริสตเจ้าทรงชำระล้างเจ้าสาวของพระองค์ด้วยพระองค์เองในศีลล้างบาป ทำให้พระศาสนจักรปราศจากมลทินก่อนที่จะรับพระศาสนจักรมาเป็นของพระองค์ (ให้สังเกตว่าในพิธีศีลล้างบาปพระสงฆ์ในฐานะผู้แทนพระคริสตเจ้ากล่าวว่า ข้าพเจ้าล้างท่าน…เทียบ 1 ธส 5:8)

[1] เปาโลพบว่าข้อความจากหนังสือปฐมกาลข้อนี้เป็นการกล่าวล่วงหน้าถึงการวิวาห์ของพระคริสตเจ้ากับพระศาสนจักร นับว่าเป็นธรรมล้ำลึกประการหนึ่งเช่นเดียวกับธรรมล้ำลึกเกี่ยวกับความรอดพ้นของนานาชาติ ธรรมล้ำลึกนี้ซ่อนเร้นตลอดมา กระทั่งถูกเปิดเผยในสมัยของท่าน (เทียบ 1:9 เชิงอรรถ f; 3:3ฯ)