ไตร่ตรองพระวาจา  โดย..คุณพ่อชวลิต  กิจเจริญวันอาทิตย์ที่ 24 กรกฏาคม  2016
สัปดาห์ที่ 17 เทศกาลธรรมดา

บทอ่าน  ปฐก 18:20-32 / คส 2:12-14 / ลก 11:1-13
          ในประวัติของลูกสาวของคาร์ล มาร์ก ผู้ก่อตั้งลัทธิคอมมิวนิสต์มีบันทึกว่า เธอได้เคยบอกกับเพื่อนสนิทว่า เธอเคยได้รับการอบรมให้มีความเชื่อในศาสนา และได้เปิดเผยว่า แต่เธอไม่เคยศรัทธาในศาสนาใดๆทั้งสิ้น และยอมรับว่า เธอรู้จักบทสวดภาวนา ที่มีอิทธิพลต่อชีวิตเป็นอย่างมาก โดยได้เสริมกับเพื่อนสนิทว่า “บทภาวนานั้นมีความหมายดีมาก และคงจะเป็นจริงอย่างแน่นอน ตามความหมายในบทสวดนั้น” เพื่อนจึงได้ถามเธอว่า “บทภาวนานั้นคือบทอะไร?” ลูกสาวของคาร์ล มาร์กได้สวดบทภาวนานั้นเป็นภาษาเยอรมันอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สนิทในสวรรค์ พระนามของพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง”

          ...พระเยซูเจ้าได้ตรัสในพระวรสารวันนี้ว่า “จงขอเถิด แล้วเขาจะให้ท่าน จงแสวงหาเถิด แล้วท่านจะพบ จงเคาะเถิด แล้วเขาจะเปิดให้ท่าน” การสวดภาวนาเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตของเรา ถ้าพระเยซูเจ้าเองยังสวดภาวนาเป็นประจำ เราเองก็ต้องสวดภาวนาเช่นเดียวกัน

             เมื่อบรรดาสานุศิษย์ของพระองค์ได้ขอร้องให้พระองค์สอนพวกเขาให้สวดภาวนา เราเองก็ต้องสวดภาวนาอย่างไม่หยุดหย่อน เป็นต้นการสวดบท “ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย” ซึ่งแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนที่หนึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวกับการวิงวอน คือ ขอให้พระนามของพระองค์จงเป็นที่สักการะ ขอให้พระอาณาจักรจงมาถึง และขอให้น้ำพระทัยจงเป็นไปบนแผ่นดินเหมือนในสวรรค์ ส่วนที่สองเป็นส่วนที่เกี่ยวกับตัวเรา คือ โปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้  โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น และโปรดอย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าพ่ายแพ้การประจญ แต่โปรดช่วยให้พ้นจากความชั่วร้ายเทอญ

...เราสวดภาวนาเป็นประจำหรือไม่? เราสวดภาวนาเพื่อใครบ้าง? เราลงมือทำกิจการตามที่เราสวดภาวนาหรือไม่? และเราได้แบ่งปันสิ่งเราได้รับกับคนอื่นมากน้อยเพียงใด?