“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)


(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)

ความสำคัญของงานธรรมทูต

3 1เรากำลังจะพูดโอ้อวดตนเองอีกแล้วหรือ เราจำเป็นต้องมีจดหมายรับรองถึงท่าน หรือจำเป็นต้องมีจดหมายรับรองจากท่านaเหมือนบางคนหรือ 2ท่านทั้งหลายเป็นจดหมายนั้นที่จารึกไว้ในดวงใจของเราbให้มนุษย์ทุกคนรู้และอ่านได้ 3เป็นที่ชัดเจนว่า ท่านทั้งหลายเป็นจดหมายจากพระคริสตเจ้า เป็นจดหมายที่เราเขียน มิใช่เขียนด้วยน้ำหมึก แต่เขียนด้วยพระจิตของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต มิได้จารึกไว้บนแผ่นศิลา แต่จารึกไว้ในดวงใจของมนุษย์cดุจจารึกบนแผ่นศิลา

4เรามีความมั่นใจเช่นนี้ต่อพระเจ้าเดชะพระคริสตเจ้า 5ทั้งนี้มิใช่เพราะเราคิดว่าเราทำสิ่งใดได้ด้วยตนเอง แต่การทำได้นั้นมาจากพระเจ้า 6พระองค์ทรงทำให้เราเป็นผู้รับใช้พันธสัญญาใหม่ มิใช่พันธสัญญาที่เขียนขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษร แต่เป็นพันธสัญญาของพระจิตเจ้า บัญญัติที่เป็นลายลักษณ์อักษรนั้นนำไปสู่ความตาย แต่พระจิตเจ้าประทานชีวิตd 7ถ้าภารกิจที่ทำให้ตาย ซึ่งจารึกเป็นตัวอักษรบนแผ่นศิลา มีความสว่างรุ่งโรจน์จนกระทั่งชาวอิสราเอลมองดูใบหน้าของโมเสสไม่ได้ เพราะใบหน้านั้นมีแสงสว่างรุ่งโรจน์แม้เพียงชั่วขณะ 8ภารกิจของพระจิตเจ้าจะมิมีความสว่างรุ่งโรจน์ยิ่งกว่านั้นอีกหรือ 9ถ้าภารกิจที่นำไปสู่การตัดสินลงโทษยังมีความสว่างรุ่งโรจน์แล้ว ภารกิจที่ให้ความชอบธรรมก็ยิ่งจะสว่างรุ่งโรจน์มากกว่านั้น 10อันที่จริง สิ่งที่เคยสว่างรุ่งโรจน์มาแล้วหมดรัศมีเมื่อเทียบกับความสว่างรุ่งโรจน์ที่เหนือกว่า 11ถ้าสิ่งที่อยู่ชั่วขณะมีความสว่างรุ่งโรจน์แล้ว สิ่งที่ถาวรก็ยิ่งมีความสว่างรุ่งโรจน์มากกว่านั้น

12เรามีความหวังเช่นนี้ เราจึงพูดโดยไม่กลัวสิ่งใด 13ไม่เหมือนกับโมเสสซึ่งใช้ผ้าคลุมใบหน้าไว้ เพื่อมิให้ชาวอิสราเอลแลเห็นว่าแสงสว่างรุ่งโรจน์ชั่วขณะหนึ่งนั้นจางหายไปเมื่อใดe 14แต่ปัญญาของพวกเขากลับมืดมัว จนกระทั่งทุกวันนี้เมื่อมีการอ่านพันธสัญญาเดิม ผ้าคลุมผืนนั้นยังคงอยู่ ยังไม่ถูกเปิด ผ้าคลุมนั้นจะถูกยกออกไปโดยพระคริสตเจ้าเท่านั้นf 15จนกระทั่งทุกวันนี้ เมื่ออ่านหนังสือของโมเสส ผ้าคลุมก็ยังปิดบังดวงใจของพวกเขาอยู่ 16แต่เมื่อเขาหันไปหาองค์พระผู้เป็นเจ้า ผ้าคลุมนั้นก็จะถูกยกออกไป 17องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระจิตg และพระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตที่ใด เสรีภาพย่อมอยู่ที่นั่น 18เราทุกคนไม่มีผ้าคลุมใบหน้า จึงสะท้อนhแสงสว่างรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าiเหมือนกระจกเงา เปลี่ยนเป็นภาพลักษณ์jเดียวกับพระองค์ ทวีความรุ่งโรจน์ยิ่งๆ ขึ้น เดชะองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระจิตk

 

3 a ดูเหมือนว่าเปาโลถูกกล่าวหาว่าอวดตัวเกินความจริง (เทียบ 5:12) ขณะที่ผู้เทศน์สอนคนอื่นต่างเสนอจดหมายรับรองจากหมู่คณะต้นสังกัดของตน (ดู กจ 18:27 เชิงอรรถ r) คำตอบของเปาโลคือกลุ่มคริสตชนต่างๆ ที่ท่านได้ก่อตั้งเดชะพระจิตเจ้า เป็นหลักฐานเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องมีจดหมายรับรองเป็นลายลักษณ์อักษรอีก เหมือนกับที่พันธสัญญาใหม่เดชะพระจิตเจ้าทำให้พันธสัญญาเดิม "ที่เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร" หมดความจำเป็น ณ ที่นี้เปาโลไม่เพียงเล่นคำ โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายตรงข้ามของเปาโลเป็นคริสตชนที่นิยมลัทธิยิว (เทียบ 11:22)

b บางฉบับว่า "ของท่าน"

c นอกจากจะอ้างถึงแผ่นศิลาพระบัญญัติที่ภูเขาซีนาย (อพย 24:12) ยังเป็นการเท้าความถึง อสค 36:26 อีกด้วย

d ดู รม 7:7 เชิงอรรถ d ในที่นี้เปาโลมิได้พูดถึงความแตกต่างระหว่างความหมายตามตัวอักษรของข้อความกับเจตนาหรือจิตของข้อความนั้น แต่เป็นความแตกต่างระหว่างธรรมบัญญัติที่มีเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในพันธสัญญาเดิมกับพระจิตเจ้า ผู้ทรงเป็นกฎภายในใจในพันธสัญญาใหม่

e เทียบ อพย 34:30 สำหรับเปาโล แสงรุ่งโรจน์ชั่วแล่นบนใบหน้าของโมเสสเป็นเครื่องหมายแสดงว่าพันธสัญญาเดิมจะต้องผ่านพ้นไปไม่คงอยู่ถาวร (ข้อ 11)

f แปลได้อีกอย่างหนึ่งว่า "พวกเขาไม่ได้รับการเปิดเผยว่าพันธสัญญานั้นถูกยกเลิกโดยพระคริสตเจ้าแล้ว"

g เป็นสูตรที่มีความหมายหลายอย่าง (1) เปาโลไม่ปฏิเสธความแตกต่างระหว่างพระคริสตเจ้าและพระจิตเจ้า ดังที่พูดไว้อย่างชัดเจนในจดหมายฉบับนี้ (1:20-23; 13:13 เชิงอรรถ e) ถึงกระนั้น เปาโลต้องการยืนยันว่าพระคริสตเจ้าและพระจิตเจ้าทรงเป็นหนึ่งเดียวกันในงานกอบกู้ทั้งในพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ เทววิทยาในสมัยต่อมาจะยืนยันว่า งานที่พระเจ้าทรงช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นเป็นงานร่วมกันของทั้งสามพระบุคคล (2) มีผู้อธิบายความหมายอีกแบบหนึ่งว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าในข้อ 17 และข้อ 16 เป็นองค์เดียวกันคือพระเจ้า โมเสสเอาผ้าคลุมหน้าออกเมื่อเข้ามาเฝ้าพระเจ้า (อพย 34:34) เปาโลจึงอธิบายว่า พระเจ้าซึ่งโมเสสได้เข้าเฝ้านั้น ในความเป็นจริงคือพระจิตเจ้า ซึ่งคริสตชนเข้ามาหานั่นเอง (3) บางคนอธิบายว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือ "พระคริสตเจ้า" ทรงเป็นความหมายแท้จริงทางจิตของพันธสัญญาเดิม อิสรภาพที่พระคริสตเจ้าทรงนำมาให้คือการปลดปล่อยจากความหมายตามตัวอักษรของธรรมบัญญัติ

h เป็นการเปรียบเทียบต่อเนื่องจากข้อ 7-15 ใบหน้าของเราไม่มีผ้าคลุมเหมือนโมเสส จึงสะท้อนพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าอย่างถาวร ไม่ใช่เพียงชั่วแล่น (ดู 3:13 เชิงอรรถ e) สิทธิพิเศษซึ่งโมเสสเคยได้รับแต่เพียงผู้เดียว บัดนี้ได้ประทานให้กับทุกคน

i "แสงสว่างรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า" หมายถึง ความรุ่งโรจน์ของพระเยซูคริสตเจ้า เพราะพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าปรากฏบนพระพักตร์ของพระคริสตเจ้า (4:6)

j ดู รม 8:29 เชิงอรรถ n เป็นการเปรียบเทียบกับโมเสสเป็นครั้งสุดท้าย ความรุ่งโรจน์ที่ปรากฏบนใบหน้าของโมเสสค่อยๆ จางลงจนหายไป (ข้อ 7, 13) ในทางตรงข้าม คริสตชนได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าที่รุ่งโรจน์ยิ่งๆ ขึ้นในองค์พระคริสตเจ้า

k แปลอีกแบบหนึ่งว่า "เดชะพระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า"

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก