รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันเสาร์ที่ 31 มกราคม 2015
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา (นักบุญยอห์น บอสโก)
มก 4:35-41…

35เย็นวันเดียวกันนั้น พระเยซูเจ้าตรัสสั่งบรรดาศิษย์ว่า “เราจงข้ามไปทะเลสาบฝั่งโน้นกันเถิด” 36บรรดาศิษย์จึงละประชาชนไว้ และออกเรือที่พระองค์ประทับอยู่นั้นไป มีเรือลำอื่น ๆ ติดตามไปด้วย 37ขณะนั้นเกิดพายุแรงกล้า คลื่นซัดเข้าเรือจนน้ำเกือบจะเต็มเรืออยู่แล้ว 38พระองค์บรรทมหลับหนุนหมอนอยู่ที่ท้ายเรือ บรรดาศิษย์จึงปลุกพระองค์ ทูลถามว่า “พระอาจารย์ พระองค์ไม่สนพระทัยที่พวกเรากำลังจะตายอยู่แล้วหรือ” 39พระองค์จึงทรงลุกขึ้น บังคับลม ตรัสสั่งทะเลว่า “เงียบซิ จงสงบลงเถิด” ลมก็หยุด ท้องทะเลราบเรียบอย่างยิ่ง 40แล้วพระองค์ตรัสถามเขาว่า “ตกใจกลัวเช่นนี้ทำไม ท่านยังไม่มีความเชื่อหรือ” 41เขาเหล่านั้นกลัวมาก พูดกันว่า “ท่านผู้นี้เป็นใครหนอ ลมและทะเลจึงยอมเชื่อฟังเช่นนี้”

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• เรื่องการห้ามลมพายุในทะเลสาบกาลิลี เราได้ยินบ่อยเหมือนกันในพระวรสาร พ่อเองเชื่อว่าพระเยซูเจ้าทรงพลังและอำนาจ พ่อจำได้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องประทับขอพ่อเสมอมา พ่อเองเคยไปทะเลสาบกาลิลี เคยลงไปเล่นน้ำในทะเลสาบ และที่ไม่น่าเชื่อ ทะเลสาบที่สงบและเงียบ แต่ล้อมด้วยภูเขา เมื่อบางเวลาที่กระแสลมผ่านมา พ่อเคยพบด้วยตนเอง คลื่นลมแรงจริงๆ ในทะเลสาบ ยิ่งออกไปกลางทะเลนี้ที่ล้อมด้วยภูเขารอบด้าน บางเวลา แม้แต่เรือเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่วิ่งท่องทะเลสาบเพื่อนักท่องเที่ยว ยามเจอลมแรง (ไม่ใช่พายุ) เรือยังต้องโต้คลื่นลำบากมากๆ


• พ่อจำได้ว่า เสน่ห์ของการข้ามกาลิลีคือ เมื่อเรื่อวิ่งออไปห่างฝั่งสักสองกิโลเมตร ปกติเราจะขอให้เขาดับเครื่องยนต์ และพลันที่เครื่องยนต์ดับ (ตามที่ทะเลสงบหน่อย) เราจะได้รับความรู้สึกมากๆ “เงียบ” สนิทจริงๆ สงบจริงๆ และพ่อก็มักจะใช้ไมค์โครโฟนอ่านพระวรสารตอนนี้ หรือตอนที่พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินบนน้ำ บรรยากาศสุดยอดเงียบสงบจริงๆ แต่บางครั้งที่ยามที่เราออกเรือไปและมีลมแรงหน่อย


• พ่อจำได้พ่อเคยขอให้กัปตันเขาดับเครื่องเหมือนเคย แต่วันนั้น คลื่นลมแรงมาก เขาปฏิเสธ เขาไม่สามารถดับเครื่องยนต์ได้ต้องให้เครื่องขับเคลื่อนเรือไปข้างหน้า เขาบอกว่า “ถ้าดับเครื่องจะอันตรายมากเพราะกระแสลมและคลื่นแรง เรืออาจพลิกคว่ำได้เลย” ครับเรือขนาดใหญ่ จุคนได้เกือบร้อยคนกระมัง แต่เมื่อพ่อเห็นภาวะคลื่นลมนั้น พ่อยอมรับว่า เขาพูดจริงๆ คลื่นลมในทะเลสาบกาลิลีนั่นขนาดไม่ใช่พายุ ยังแรงขนาดนั้นกับเรือที่ใหญ่ขนาดนั้น.... ดูอันตรายจริงๆด้วย สิ่งที่พ่อมั่นใจได้คือถ้าเป็นพายุในทะเลสาบกาลิลีนั้น มีความรุนแรงจริงๆ และน่ากลัวอย่างแน่นอน ดังนั้น ข้อมูลจากพระวรสารเป็นความจริงแน่ๆครับ... 

o “ขณะนั้นเกิดพายุแรงกล้า คลื่นซัดเข้าเรือจนน้ำเกือบจะเต็มเรืออยู่แล้ว”

o “บรรดาศิษย์จึงปลุกพระองค์ ทูลถามว่า “พระอาจารย์ พระองค์ไม่สนพระทัยที่พวกเรากำลังจะตายอยู่แล้วหรือ”


• ไม่แปลกที่เรือหาปลาเล็กๆสมัยพระเยซู ที่จุคนได้ไม่กี่คนจะต้องเกือบพินาศถ้าเจอ “พายุ” แต่สภาพพายุที่กำลังทำให้บรรดาศิษย์หวาดกลัวจนต้องร้องตัดพ้อพระอาจารย์ “พวกเรากำลังจะตายอยู่แล้ว จะไม่สนพระทัยหรือ”

• เสียงร้องหาพระเยซูของบรรดาศิษย์ “พวกเรากำลังจะตายอยู่แล้ว” ใช่พวกเขากำลังจะตายจริงๆ ถ้าพ่อใช้ประสบการณ์ที่พ่อเล่ากับทะเลสาบกาลิลี กับพายุแห่งกาลิลีที่เป็นอันตรายจริงๆ พวกเขามีเหตุผลที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากพระเยซู

• พระองค์บรรทมหลับอยู่ในขณะนั้น พระวาจาตอนนี้บอกเราบางประการ

o พระองค์ทรงบรรทมหลับ เพราะทรงเหนื่อยจากการเทศนาที่ไม่มีหยุดหย่อยและประชาชนก็ติดตามพระองค์ตลอด คำเทศน์ของพระองค์มีความจริง มีพระพร พระองค์ทำงานประกาศพระอาณาจักรหนักจนเหน็ดเหนื่อย

o พระองค์หลับอยู่ที่นั่น พระองค์อยู่... พระวรสารดูเหมือนกำลังบอกกับเราว่า พายุหรือแม้แต่ความตาย ไม่ได้รบกวนพระองค์ คือ ถ้าได้มีพระองค์อยู่ อันที่จริง ไม่มีอะไรต้องกลัว


• คำตำหนิของพระเยซูเจ้า ตอนนี้เราดูรายละเอียดนิดหน่อยครับ พระองค์ตำหนิพวกเขาเมื่อพวกเขาปลุกพระองค์เพราะความกลัวต่อความตาย... พระองค์ตำหนิบรรดาศิษย์ที่กำลังหวาดกลัวอยู่นั้น ด้วยคำว่า “ทำไม” (Why)

o ภาษากรีกต้นฉบับก็ใช้ตัวอักษรตัวโต Capital Letter ซึ่งปกติในประโยคถ้ามีคำถามไม่จำเป็นต้องเป็นตัวอักษรใหญ่ 

o เราพบกว่าท่านนักบุญมาระโกผู้นิพนธ์พระคัมภีร์บันทึกอย่างตั้งใจ พ่อติดามและพิจารณาว่าท่านต้องการใช้ตัวอักษรตัวใหญ่ ในภาษากรีก Τί δειλοί ἐστε; อ่านว่า (Ti deiloi este “ตี เดยลอย แอสเต”) โดยมีเจตนาจริงๆต่อเสียงร้องเตือนของพระอาจารย์ว่า “ทำไม” คำว่า “ตี” ซึ่งแปลว่า “ทำไม” มาระโกเจตนั้นย้ำคำของพระเยซูเจ้าแรงว่า “ทำไม” คือ “ทำไมพวกเขาต้องตกใจและตื่นกลัว”

o คำตัดพ้อประหนึ่งจะบอกกับบรรดาศิษย์ว่า “ทำไมกลัว หรือ จะกลัวทำไม” หรือ แปลง่ายๆตรงๆว่า “ไม่มีเหตุผลเลยที่จะต้องกลัว” เพราะมีพระองค์ มีพระอาจารย์อยู่กับพวกเขา มีพระเยซูอยู่กับพวกเขา... จำไม่ได้หรือว่าพระองค์สอนอะไร จำไม่ได้หรือว่าพระองค์ทำอัศจรรย์อะไรมามากแล้ว จำไม่ได้หรือว่าพระองค์ทำได้ทุกอย่างจริงๆ แล้วสาอะไรกับพายุในทะเลสาบกาลิลี

o ประเด็นสำคัญที่กลัวคืออะไร อยู่ในคำตัดพ้อของพระเยซูเจ้า “ตกใจกลัวเช่นนี้ทำไม ท่านยังไม่มีความเชื่อหรือ” เจอแล้วครับ.. เจอแล้วเหตุผลของความกลัว คือ “ความเชื่อ” ความเชื่อที่ขาดไป ความเชื่อที่บรรดาศิษย์ต้องเชื่อในพระบุคคลของพระองค์ คือมีพระองค์ไม่ควรต้องกลัวสิ่งใด... นั่นคือประเด็นสำคัญที่สุดครับ “ความเชื่อ เชื่อในพระเยซู” (Faith หรือ Believe in Jesus)


• ที่สุด เราได้เห็นพลังอำนาจของพระเยซูเจ้าจริงๆ “พระองค์จึงทรงลุกขึ้น บังคับลม ตรัสสั่งทะเลว่า “เงียบซิ จงสงบลงเถิด” ลมก็หยุด ท้องทะเลราบเรียบอย่างยิ่ง” ไม่ใช่เพียงทะเลบ้าคลั่งนั้นจะสงบลงธรรมดาเมื่อพระองค์สั่งให้เงียบและ สงบ... แต่พระคัมภีร์เขียนชัด “ท้องทะเลราบเรียบอย่างยิ่ง” แบบนี้ต้องเรียกว่า “จบเลย” ทีเดียวจบเลย สงบนิ่งเลยทะเลที่บ้าคลั่ง จบจริงๆ ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแต่สงบสนิทจริงๆ เพียงตรัสคำเดียว...

• พี่น้องที่รัก พ่อเห็นอะไรบางอย่างจากพระวาจาตอนนี้จริงๆครับ... คือ

o “พระวาจา” ของพระเยซูเจ้านั้น ทรงพลังจริงๆ
o พ่อไม่แปลใจว่า ทำไมพระวาจาของพระเจ้านั้นจะมีพลังและมีค่ายิ่งสำหรับเราคริสตชนทุกคน พ่ออยากบอกว่า “ถ้าเรารักพระวาจา เชื่อมั่นในพระวาจาในพระคัมภีร์... เรามาถูกทางจริงๆ”

o วันนี้พ่อเห็นแจ่มจริงๆ เชื่อในพระวาจาของพระองค์ เชื่อในพระองค์ มีพระองค์เพียงพอจริงๆครับ


• “ท่านผู้นี้เป็นใครหนอ ลมและทะเลจึงยอมเชื่อฟังเช่นนี้” ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้วจริงๆ พระเยซู พระวาจาของพระองค์ ลมและทะเลต้องยอมเชื่อฟัง... วันนี้เจาะลึกเลยครับ กลับไปดูหนังสือปฐมกาลได้เลยครับ... ใครสร้างน้ำ ใครสร้างฟ้า ใครสร้างทะเล ใครสร้างสิ่งเหล่านี้... ใช่พระเจ้าทรงสร้างจริงๆ และทรงสร้างด้วย “พระวาจา” ครับ พระเจ้า “ตรัส” และทุกอย่างก็เกิดขึ้น และเราก็ทราบจากพระคัมภีร์ว่า... “พระเจ้าตรัสพระวาจา” การสร้างจึงเกิดขึ้น... ดังนั้น พ่อไม่แปลกใจอีกแล้ว “พระเยซูคือพระวาจาของพระเจ้า” ทรงพลังอำนาจทุกอย่างจริงๆ

• พี่น้องที่รักครับ...พระวาจาวันนี้ทำให้เราได้เห็นชัดเจน จนพ่อยากจะบอกว่าเชื่อในพระองค์ เชื่อได้ชัดเจนเลยครับว่า... 

o พระเยซูคือพระวจนาตถ์หรือพระวาจา... ชัดเจนเลยครับ เปอร์เฟคที่สุดแล้วครับ สบายใจได้แล้วครับ

o พี่น้องที่รักครับ...ลูกๆที่รักของพระเจ้าครับ... “เรามีพระเยซู มีพระวาจาของพระองค์ที่เราอ่านทุกวันไตร่ตรองทุกวัน... สบายใจได้ที่สุดครับ” 

o พ่ออยากสรุปว่า ไม่ว่าพายุจะยิ่งใหญ่เพียงใดในชีวิตเรา แม้ว่าจะ “ยิ่งกว่าทะเล” ก็ไม่เป็นไรครับ เรามีพระเจ้าพระบิดา เรามีพระวาจาของพระองค์คือพระบุตรพระเยซูคริสตเจ้า เราก็ “ไม่ต้องกลัวอะไรอีกเลยครับ แม้ชีวิตเรามนุษย์มีความกลัว แต่ขอพระองค์เสริมกำลังเราด้วยพระวาจาของพระองค์”

o ขอให้เรามั่นใจและรักในพระวาจาของพระเจ้าเสมอนะครับ พ่อคิดว่าสิ่งที่เราทำมาเสมอคืออ่านพระคัมภีร์ รักพระวาจา ประกาศพระวาจา เชื่อในพระองค์มากขึ้นเสมอ รักพระองค์มากขึ้นทุกวัน นั่นคือพลังและชีวิตของเราครับ คือ พระเยซูครับ... ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ...