สมโภชพระนางมารีย์รับเกียรติเข้าสู่สวรรค์
15 สิงหาคม 2013
(เลื่อนไปสมโภชวันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม)
บทอ่าน วว 11: 19ก, 12: 1-6ก, 10กข ; 1 คร 15: 20-27 ; ลก 1: 39-56
พระวรสารสัมพันธ์กับ คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก (CCC) 148, 273, 422, 448, 495, 523, 706, 717, 722, 971, 2097, 2465, 2619, 2675, 2676, 2677, 2807, 2827
ประมวลคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร (CSDC) 59
จุดเน้น ให้เรายึดพระนางมารีย์เป็นแบบอย่างสตรีแห่งความเชื่อ
สภาสังคายนาวาติกันที่ 2 ว่าด้วยพระศาสนจักร กล่าวถึงพระนางมารีย์ว่า “ในแผ่นดินนี้ พระนางเป็นเครื่องหมายอันรุ่งโรจน์ แสดงความหวังอย่างแน่นอน และเป็นความบรรเทาใจสำหรับประชากรผู้จาริกของพระเป็นเจ้า” (LG 68) ประโยคนี้ช่วยให้ตระหนักว่า เราทุกวันนี้ในพระศาสนจักรคาทอลิก กำลังก้าวเดินสู่จุดหมายที่เรายังไปไม่ถึง หนทางจาริกแสวงบุญของเราต้องพบกับความยากลำบากมากมาย หลายครั้งมาจากโลกที่มิได้เป็นมิตรกับเรา หลายครั้งก็มาจากเราเอง เพราะบาปของตนเอง
วันสมโภชพระนางมารีย์รับเกียรติเข้าสู่สวรรค์ เตือนใจเราว่า พระนางมารีย์ได้เผชิญความยากลำบากมากมายในหนทางจาริกของพระนาง พี่น้องรู้จักชีวิตของพระนางมารีย์บ้างแล้ว (ใช่ไหม) สิ่งที่เรารู้ แสดงว่าบ่อยครั้งพระนางต้องเดินฝ่าความมืด มีหลายสิ่งตามที่นักบุญลูกาได้บอกเรา เช่น การตามหาพระเยซูเจ้าเมื่อมีพระชนมายุ 12 พรรษา ที่พระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม “พระนางมารีย์ไม่เข้าใจที่พระองค์ตรัส” (ลก 2: 50) ไม่สามารถเข้าใจได้ (ภาษามนุษย์)
พระนางมารีย์เข้าใจอะไรเกี่ยวกับข่าวสารของทูตสวรรค์ที่ก่อนพระนางแต่งงานกับนักบุญโยเซฟ พระนางต้องเป็นพระมารดาของพระบุตรของพระเจ้า พระนางได้เข้าใจอย่างน้อยคือ ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ชาวบ้านทุกคนรู้จักกันและกัน และอาจชอบนินทากัน พระนางต้องตั้งครรภ์ทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงาน กระนั้นก็ตาม พระนางมารีย์ตอบรับโดยไม่ลังเล ด้วยความเชื่อไว้วางใจในพระเจ้า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” (ลก 1: 38)
กิจการแห่งความเชื่อไว้วางใจมิได้ตาบอด พระนางมารีย์ยังเป็นสาว นักวิชาการพระคัมภีร์คิดว่าพระนางอาจมีอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น พระนางได้ถามสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนในฐานะเช่นนั้นควรที่จะถามว่า “เหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะข้าพเจ้าตั้งใจจะเป็นพรหมจารี” (ลก 1: 34 แปลตามตัวอักษร คือ เพราะข้าพเจ้าไม่รู้จักชาย) อย่างไรก็ตาม แม้แต่คำถามนี้ พระนางไตร่ตรองด้วยความเชื่อ พระนางมิได้สงสัยพระเจ้า และวิธีการของพระองค์มากเท่ากับ (สงสัย) ความสามารถของตนที่จะเข้าใจวิธีการของพระเจ้า
ความเชื่อของแม่พระมิใช่เชื่อครั้งเดียวสำหรับทุกเรื่อง ยังต้องการการฟื้นฟูเป็นระยะๆ เมื่อแม่พระกลับจากไปเยี่ยมนางเอลีซาเบ็ธ คงเห็นได้บ้างว่าตั้งท้องแล้ว นักบุญโยเซฟต้องการถอนหมั้น แต่ที่สุดก็เข้าใจว่าเป็นบุตรของพระเจ้า เมื่อแม่พระและนักบุญโยเซฟถวายพระกุมารในพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็ม สิเมโอนกล่าวทำนายถึงการต่อต้านพระเยซูเจ้า และความทุกข์ของแม่พระ (ลก 2: 34)
สามสิบปีต่อมา หลังจากที่พระเยซูเจ้าจากบ้าน มีอย่างน้อยหนึ่งครั้งที่ตรัสว่า “ถ้าผู้ใดติดตามเราโดยไม่รักเรามากกว่าบิดา มารดา ภรรยา บุตร พี่น้องชายหญิง และแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้” (ลก 14: 26) กล่าวคือ ต้องละทิ้งพ่อแม่และญาติพี่น้อง ดูเหมือนว่าแม่พระมิได้อยู่ในระหว่างอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซูเจ้ากับบรรดาอัครสาวก พระนางอยู่ที่เชิงเขากัลวารีโอ ข้างพระบุตรผู้กำลังสิ้นพระชนม์ โดยมีศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรักยืนอยู่ใกล้ๆ (ยน 19: 26) จงใจไม่บอกชื่อ นักวิชาการพระคัมภีร์เชื่อว่าหมายถึงสานุศิษย์ของพระเยซูเจ้า ทุกหนแห่ง และทุกกาละสมัย
เรื่องราวสุดท้ายที่เรารู้เกี่ยวกับพระนางมารีย์ในพระคัมภีร์คือ ก่อนวันเปนเตกอสเต (สมโภชพระจิตเจ้า) พระนางร่วมอธิษฐานภาวนาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พร้อมกับบรรดาสตรี อัครสาวก และญาติพี่น้องของพระเยซูเจ้าเพื่อรับพระจิตเจ้า (กจ 1: 14) หลังจากนี้ไม่มีกล่าวถึงแม่พระอีกเลย งานของพระนาง คือ การนำพระคริสตเจ้ามาสู่โลก มาเป็นหน้าที่ของพระศาสนจักรต่อไป
พระนางมารีย์สิ้นใจอย่างไร เราไม่ทราบ สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอ ที่ 12 ได้กล่าวนิยามการสมโภชพระนางมารีย์รับเกียรติเข้าสู่สวรรค์ ในวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1950 ว่า “เมื่อชีวิตฝ่ายโลกของพระนางมารีย์สิ้นสุด พระนางได้รับเกียรติเข้าสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ” ร่างกายที่สมเด็จพระสันตะปาปาอ้างถึงเป็นร่างกายที่กลับคืนชีพใหม่ของพระนางมารีย์ เป็นร่างกายแบบเดียวกับที่พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากความตาย เป็นร่างกายฝ่ายจิตซึ่งนักบุญเปาโลกล่าวใน 1 โครินธ์ 15: 35-53 ว่า เราแต่ละคนจะได้รับในสวรรค์ ที่นั่น พระนางมารีย์ยังคงอธิษฐานภาวนาสำหรับเราให้เดินทางจาริกในโลกนี้อย่างดี
พระสังฆราชวีระ อาภรณ์รัตน์ แปล
จาก Homilies โดย Catholic Diocese of Lansing,
(กรกฎาคม - กันยายน 2013), หน้า 317-319.