วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน 2012
อาทิตย์ที่ 11 เทศกาลธรรมดา (ปี B)
บทอ่าน : อสค 17: 22-24 ; 2 คร 5: 6-10 ; มก 4: 26-34
พระวรสารสัมพันธ์กับ คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก (CCC) 546
จุดเน้น พระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นเหมือนกับพืชที่เติบโตอย่างน่ามหัศจรรย์
เรามีความรู้เรื่องเมล็ดพืชแตกต่างกันมาก ขึ้นกับว่าเราเป็นชาวนา ชาวสวน หรือนักพฤกษศาสตร์ แม้ว่าเราไม่เกี่ยวพันกับเมล็ดพืชทุกวัน แต่เราเกือบทุกคนตระหนักดีถึงบทบาทสำคัญที่เมล็ดพืชเกี่ยวข้องกับเรา ปราศจากเมล็ดพืช เราจะไม่มีผัก ไม่มีข้าว ไม่มีหญ้า ไม่มีต้นไม้ ชีวิตของเราเติบโตมาจากเมล็ดพืช เราขึ้นกับเมล็ดพืช ปราศจากเมล็ดพืช คงไม่มีชีวิตอย่างที่เรารู้จัก เพราะบทบาทสำคัญในชีวิต เมล็ดพืชกลายเป็นการอุปมาน่าพิศวงในหลายแง่หลายมุมสำคัญของชีวิตเรา
ภาพลักษณ์ของเมล็ดพืชหรือการแตกหน่อ มีพลังปลุกมโนภาพในทางศาสนา เพื่อเราสามารถเข้าใจดีขี้นเกี่ยวกับธรรมล้ำลึกของพระเจ้าที่กำลังทำงานในชีวิตของเรา ทั้งบทอ่านแรกและพระวรสารนี้ ใช้ภาพลักษณ์นั้นเพื่อสอนเรา บทอ่านที่หนึ่ง ประกาศกเอเสเคียลใช้การแตกกิ่งก้านของต้นไม้ เพื่อสอนเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ของพระเจ้าต่อประชากรของพระองค์ และความรักที่พระองค์ทรงมีต่อพวกเขา ประกาศกเอเสเคียลมีชีวิตอยู่ในช่วงประมาณ 600 ปี ก่อนพระเยซูเจ้าทรงบังเกิด ในสมัยนั้นประชาชนชาวยิวถูกบังคับให้ไปอาศัยในแดนเนรเทศที่บาบิโลเนีย (ปัจจุบันคือสถานที่แห่งหนึ่งห่างไปทางใต้ของนครแบกแดด 85 กม. ในอิรัค) ในฐานะทาส
เพราะเหตุที่พวกเขาถูกกดขี่ ประกาศกเอเสเคียลได้ประกาศถึงความหวัง ว่าพวกเขาจะมีโอกาสอพยพกลับบ้านเกิดเมืองนอน คือ กรุงเยรูซาเล็ม จะมีอิสรภาพจากการถูกกดขี่ข่มเหง ประกาศกได้เตือนใจพวกเขาว่า พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ ด้วยการใช้ภาษาให้พวกเขาตื่นตัวในพระสัญญายิ่งใหญ่ของพระเจ้า ประกาศกใช้ภาพพจน์ของต้นสนสีดาร์สูงบนภูเขา ว่าพวกเขาควรเพียรทนในชีวิตที่มีภาระหนัก แต่พระเจ้าทรงดูแล ทำให้ต้นไม้แห้งแตกใบอ่อน ออกผล
ประกาศกเอเสเคียลเตือนใจประชาชนว่า พระเจ้าจะทรงยกต้นไม้ต่ำให้สูงขึ้น และทำต้นไม้สูงให้ต่ำลง ชาวยิวรู้ว่าประกาศกหมายถึงอะไร กล่าวคือ พระเจ้าทรงทำตามที่ทรงสัญญา ยกพวกเขาขึ้นให้เป็นอิสระ และกอบกู้พวกเขา
พระวรสารวันนี้ใช้อุปมาเรื่องเมล็ดพืช เพื่อช่วยเราให้เข้าใจธรรมชาติพระอาณาจักรของพระเจ้า พระเยซูเจ้าทรงใช้อุปมาสองเรื่อง เรื่องแรกเป็นอุปมาเกี่ยวกับเมล็ดพืชที่คนหว่านลงในดิน “เขาจะหลับหรือตื่น กลางคืนหรือกลางวัน เมล็ดนั้นก็งอกขึ้นและเติบโต เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรเขาไม่รู้” นี่เป็นวิถีทางของพระอาณาจักรของพระเจ้า มนุษย์ได้ยินพระวาจาของพระเจ้า พระวาจาหยั่งรากลึกในดวงใจของเรา เติบโตขึ้นและเกิดผล เราไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะเป็นพระหรรษทานของพระเจ้าที่ทำงานในชีวิตของเรา
อุปมาที่สอง พระอาณาจักรเปรียบเหมือนเมล็ดมัสตาร์ด (ซีนาปีส) ที่เจริญเติบโตใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า จนบรรดานกมาพักอาศัยร่มเงาได้ พระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นเหมือนเมล็ดพืชเล็กๆ พระเจ้าทรงหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความดีในเราแต่ละคน เพื่อเราต้องทำให้บังเกิดผลงานที่ดี และเอาใจใส่ดูแลคนอื่นด้วย
พระเจ้าทรงบำรุงเลี้ยงและช่วยเราให้เติบโตด้วยพระวาจาและศีลศักดิ์สิทธิ์ เมล็ดพืชผลิตผลต้องอาศัยการออกแรงพยายามของเรา และพระหรรษทานของพระเจ้า จนกระทั่งชีวิตของเราบรรลุถึงความรอด นี่คือวิธีที่เราร่วมมือสร้างพระอาณาจักรของพระเจ้าบนโลกนี้ต่อไป
พระสังฆราชวีระ อาภรณ์รัตน์ แปล
จาก Homilies โดย Catholic Diocese of Lansing,
(เมษายน – มิถุนายน 2012 Vol. 45 No. 2), หน้า 275-277.