วันอาทิตย์ที่ 3  มิถุนายน  2012
วันอาทิตย์สมโภชพระตรีเอกภาพ (ปี B)
บทอ่าน
: ฉธบ  4: 32-34, 39-40  ;    รม  8: 14-17  ;    มธ  28: 16-20
เดนีส  เฮเยส  นักสภาพแวดล้อมที่มีคนนับถือมาก  เขียนหนังสือชื่อ  แสงแห่งความหวัง  การเปลี่ยนผ่านสู่โลกยุคหลังการใช้น้ำมัน
ทฤษฎีของเขาค่อนข้างเรียบธรรมดามาก  กล่าวคือ 
แหล่งน้ำมันในโลกถูกจำกัด  และมนุษย์ใช้มากจนค่อยๆ หมดลง  ผลก็คือ  มนุษยชาติกำลังสู่ทางแยก  ยิ่งใกล้ทางแยก  จะเห็นเสาป้ายบอกทางมีลูกศรใหญ่  2 อัน  ทางแรกชี้ไปด้านซ้าย  เขียนว่า  “พลังงานนิวเคลียร์” ทางที่สองชี้ไปด้านขวา  เขียนว่า  “พลังงานแสงอาทิตย์”

ปัญหาใหญ่ของเรา  เมื่อถึงเวลาต้องเลือก  จะไปทางไหนดี  เฮเยสคิดว่าเราควรเลือกพลังงานแสงอาทิตย์  เขาให้เหตุผลว่า
1.    พลังงานแสงอาทิตย์  มิใช่แหล่งพลังงานสำหรับคนไม่กี่คน  หรือสำหรับคนที่ร่ำรวย  มันเป็นแหล่งพลังงานเปิดกว้างสำหรับทุกคน
2.    พลังงานแสงอาทิตย์ไม่อันตราย  ที่รั่วได้และจะทำลายสภาพแวดล้อม  ดังพลังงานนิวเคลียร์
3.    พลังงานแสงอาทิตย์เป็นปฏิปักษ์กับพวกก่อการร้าย  พลังงานนิวเคลียร์ไม่เป็น  หากไปตกในมือของคนใช้ในทางที่ผิด  พลังงานนิวเคลียร์ถูกนำมาใช้ข่มขู่ชาติต่างๆ ได้

อธิบายเรื่องพลังงานแสงอาทิตย์  เฮเยสสังเกตว่าดวงอาทิตย์ส่องแสงดับความมืดในโลก  ทำให้โลกอบอุ่น  ขจัดความเยือกเย็น  มันพร้อมและรอให้มนุษย์นำพลังงานไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในโลก

เราอาจคิดได้ว่าดวงอาทิตย์เป็นเหมือนเพื่อนใจดีมากๆ ในท้องฟ้า  ที่ยิ้ม  3 ชั้นแก่เรา  รอยยิ้มแต่ละใบหน้า  หันมาให้เราในทางที่แตกต่างกัน  มีผลเป็นพระพรที่แตกต่างกัน
-    ยิ้มแรก    ส่งรังสีแห่งแสงสว่างแก่โลก
-    ยิ้มที่สอง    ส่งรังสีแห่งความร้อนทำให้โลกอบอุ่น
-    ยิ้มที่สาม    ส่งรังสีแห่งพลังงานให้โลกได้ใช้

เรามีเพื่อนคนหนึ่งในท้องฟ้า  แต่มีสามใบหน้าแตกต่างกัน  เมื่อยิ้ม  ก็นำพรให้เราในวิธีแตกต่างกัน
ข้อสังเกตของเฮเยสเกี่ยวกับดวงอาทิตย์  ช่วยนำเราให้ฉลองธรรมล้ำลึกพระตรีเอกภาพ  คือ  พระเจ้าหนึ่งเดียวเป็นสามบุคคลที่แตกต่างกัน  คือ  พระบิดา  พระบุตร  และพระจิต  มิได้เป็นพระเจ้าสามองค์  แต่เป็นพระเจ้าองค์เดียว

การมีความเข้าใจชัดแบบนี้  โรมาโน  กวาร์ดีนี คนเขียนหนังสือชีวิตแห่งความเชื่อ  เขียนว่า
1.    มีใบหน้าของพระเจ้าฐานะพ่อ
เมื่อใบหน้าพระเจ้า  พระบิดาทรงยิ้ม  พ่อยิ้ม  เป็นกำเนิดของเราและทุกสิ่ง  คือ  ดาวดาราบนท้องฟ้าเวลากลางคืน  ความงามของนกและเสียงร้องเหมือนดนตรี  ให้ปลาในท้องทะเลเป็นอาหาร
2.    มีใบหน้าของพระเจ้าฐานะพระบุตร
เมื่อพระบุตรทรงยิ้ม  เป็นผลให้พระเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์  รับสภาพมนุษย์  ทรงเดินและสอนเราให้รู้จักดำเนินชีวิต  และรักเป็น  
3.    ที่สุด  มีใบหน้าของพระเจ้าฐานะพระจิต
เมื่อพระเจ้าทรงยิ้ม  ทำให้พระเจ้าเข้ามาในชีวิตของเรา  อยู่กับเรา  ทำให้เราเป็นวิหารของพระองค์  ดังที่นักบุญเปาโลสอนว่า  “ท่านไม่รู้หรือว่า  ร่างกายของท่านเป็นพระวิหารของพระจิตเจ้า  ผู้สถิตอยู่ในท่าน  ท่านได้รับพระจิตนี้จากพระเจ้า”  (1 คร  6:19)

ดังนั้น  เราอาจคิดถึงพระเจ้า  เหมือนเราคิดถึงดวงอาทิตย์  ว่าเป็นเพื่อนน่ารักผู้ยิ่งใหญ่  มีใบหน้า  3 หน้า  แต่ละใบหน้ายิ้มให้เรา  ในวิธีการที่แตกต่างกัน  และให้ผลเป็นพระพรที่แตกต่างกัน

พระบิดายิ้ม เท่ากับพระเจ้าทรงสร้างเราจากความเปล่า
พระบุตรยิ้ม เท่ากับพระเจ้ามาบังเกิดเป็นมนุษย์เหมือนเรา
พระจิตยิ้ม เท่ากับพระเจ้าทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระผู้สร้าง  ทำให้เรามีชีวิตพระเจ้า

นี่เป็นความหมายดังที่พระคัมภีร์สอนเราในวันฉลองนี้  ให้เราสรุปความเชื่อของเรา  ทำเครื่องหมายกางเขนพร้อมกัน
เดชะพระนามพระบิดา  และพระบุตร  และพระจิต  อาแมน

พระสังฆราชวีระ  อาภรณ์รัตน์  แปล
จาก  Sunday  Homilies  ปี  B  เล่ม  2  หน้า 482-486.