อาทิตย์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา
วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2011
บทอ่าน : อสย. 18:25 - 28 ; ฟป. 2:1 – 11, 27ก ; มธ. 21:28 - 32
จุดเน้น พระคริสตเจ้าทรงแสดงหนทาง เพื่อยอมรับพระประสงค์ของพระบิดาในชีวิตของเราหนทางแห่งความชอบธรรม
เราจะไม่หาเหตุผลสำหรับความประพฤติ 2 แบบนี้ เพราะได้อธิบายแล้ว เรามาพิจารณาแบบที่สาม
บุตรคนแรกทำตามพระประสงค์ของพระบิดา (วรรคที่ 29) ถึงแม้เขาบอกว่า “ลูกไม่อยากไป” แต่กิจการสุดท้ายคือ “ไปทำงาน” ตรงกันข้าม บุตรคนที่สองพูดโกหก เขาบอกว่า “ครับพ่อ” ในทฤษฎีแต่ปฏิเสธในการกระทำ (วรรคที่ 30) เขาไม่มั่นคง การติดตามพระเยซูเจ้าเป็นเรื่องการกระทำ ซึ่งมีผลต่อชะตากรรมของเราต่อหน้าพระเจ้า การกระทำมีคุณค่ามากกว่าคำพูด คำถามของพระเยซูเจ้ามิได้ทิ้งช่องว่างให้หนี แต่เรียกร้องให้เราใส่ใจ “สองคนนี้ใครทำตามใจพ่อ” (วรรคที่ 31) ไม่เพียงพอที่จะตอบว่า “คนแรก” บรรดาผู้ที่กำลังฟังพระเยซูเจ้ารู้ว่าพระองค์กำลังท้าทายพวกเขาว่า “ในสองคนนี้ คุณเปรียบได้กับลูกคนใด?” ท่านคิดอย่างไรว่า หนทางแห่งความชอบธรรมเป็นทางใด
การสละตนเองจนหมดสิ้น
ให้เราถามตนเองว่า เราเป็นแบบลูกที่กล่าวว่า ใช่ ก็เพียงพอจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ใช่ไหม? พระเยซูเจ้าทรงสอนเรื่องศิษย์แท้ว่า “มิใช่ทุกคนที่กล่าวว่า พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า จะได้เข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาของเรา นั่นแหละจะเข้าสู่สวรรค์ได้” (มธ. 7:21)
การตอบตามทฤษฎี แม้เป็นนักบวช ก็มีโอกาสมากกว่า เมื่อเราติดตามกฎเกณฑ์ที่มีอิทธิพลของสังคม เราพยายามหลีกเลี่ยงปัญหาของเราเอง และเราคิดไตร่ตรองอย่างดี แต่มิได้เป็นสิ่งที่ถูกต้องยุติธรรมตามทัศนะของพระเยซู พระองค์กล้าบอกเราว่า คนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีที่ถูกสังคมประนามว่าเป็นคนบาป จะเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้าก่อนบรรดาผู้ที่อ้างว่าปฏิบัติตามกฎ (วรรคที่ 31) นี่เป็นข้อความของพระเยซูเจ้าที่เสียดแทงใจเรามากที่สุดอีกตอนหนึ่ง ยืนยันว่าอาณาจักรสวรรค์เรียกร้องให้เรายุติธรรม ให้ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้าผู้ทรงรักทุกคน เป็นพิเศษผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ และถูกเหยียดหยามมากที่สุด
ประกาศกเอเสเคียลสอนเราให้ “มาปฏิบัติความยุติธรรมและความชอบธรรม” (อสค. 18:27) เราทุกคนไม่มีใครได้รับการยกเว้น ต้องกลับใจอย่างสม่ำเสมอมาสู่ความชอบธรรมนี้ ซึ่ง “จะรักษาชีวิตของตนไว้” (วรรคที่ 28) คำสั่งนี้เป็นการตัดสินชีวิตของเรา บางคนอาจทะนงตนคิดในใจว่า เราเป็นผู้ชอบธรรมแล้ว คนอื่นที่มีความประพฤติ และความเชื่อต่างจากเราต่างหากที่ต้องกลับใจ
จงทำตามพระประสงค์ของพระบิดา พระเยซูเจ้าแสดงหนทางแห่งความสุภาพแก่เรา “ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น ทรงรับสภาพดุจทาส” (ฟป. 2:7) พระองค์ทรงละอภิสิทธิ์ต่างๆ ไว้ข้างหลัง เงื่อนไขในฐานะคริสตชนผู้มีส่วนร่วมรับผิดชอบในพระศาสนจักร คือ “อย่าทำการใดเพื่อชิงดีกัน หรือเพื่อโอ้อวด แต่จงถ่อมตนคิดว่าผู้อื่นดีกว่าตน” (ฟป. 2:3) ซึ่งทรรศนคติเช่นนี้ นำพาไปสู่ความเป็นปึกแผ่นในหนทางนี้เท่านั้น เราจะเป็นหนึ่งเดียวกันในพระจิตเจ้า (ฟป. 2:1)
ข้อความงดงามที่นักบุญเปาโลเขียนถึงชาวฟิลิปปี เตือนใจเราว่า การจุ่มตัว (การมีใจจดจ่อ) ในประวัติศาสตร์ เป็นหนทางซึ่งพระบุตรของพระเจ้า ได้ทรงเลือกทำให้เราเป็นเพื่อนของพระองค์
พระสังฆราชวีระ อาภรณ์รัตน์ แปล
จาก Gustavo Gutiérrez, Sharing the Word, หน้า 230-231.