อาทิตย์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา
วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน 2011
บทอ่าน : อสย. 55:6 - 9 ; ฟป. 1:20 – 24, 27ก ; มธ. 20:1-16ก
จุดเน้น อย่าอิจฉาตาร้อน
ชั่วโมงที่สิบเอ็ด
หัวใจคำสอนตอนนี้ของพระเยซู คือ ความรักของพระบิดาเป็นแบบฟรีให้เปล่า ค่าจ้างแรงงานที่เจ้าของสวนองุ่นตัดสินใจจ่ายให้คนงาน ซึ่งมาทำงานคนสุดท้ายชั่วโมงเดียวตอนห้าโมงเย็น คือ ชั่วโมงที่สิบเอ็ด (วรรคที่ 11-12) ได้ค่าจ้างเท่ากัน ทำให้คนงานที่ทำตั้งแต่เช้าตรู่มีปฏิกิริยา ว่าการให้ค่าจ้างเท่ากันหมดดูเหมือนไม่ยุติธรรม เจ้าของสวนจึงแก้ข้อกล่าวหาว่า “ท่านไม่ได้ตกลงกับฉันคนละหนึ่งเหรียญ (ค่าจ้างแรงงานหนึ่งวัน) หรือ จงเอาค่าจ้างของท่านไปเถิด“ (วรรคที่ 13-14)
ความยุติธรรมของพระเจ้าอยู่เหนือรูปแบบความยุติธรรมภาษามนุษย์ พระเจ้าสนใจความทุกข์ยาก ความต้องการสำคัญของประชาชน ของผู้ที่ “ยืนอยู่ที่ลานสาธารณะ” (วรรคที่ 3) พวกเขาอยากทำงานแต่ไม่มีใครมาจ้าง อย่างไรก็ดี คนงานในชั่วโมงที่สิบเอ็ด (ชั่วโมงสุดท้าย) มีสิทธิทำงานเหมือนกับคนงานชั่วโมงแรก และมีสิทธิเจริญชีวิต ได้ค่าตอบแทนสำหรับตนเอง และครอบครัวจากการทำงาน ในสังคมปัจจุบันประชาชนมากมายไม่มีงานทำหรือตกงาน สิทธิในการทำงานเป็นการแสดงถึงสิทธิมีชีวิต ดังที่บุญราศีสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ได้เตือนใจเราชัดเจนในสมณลิขิตของพระองค์ เรื่องการทำงาน สิทธิมนุษย์ขั้นพื้นฐานไม่ได้รับการนับถือ เมื่อสังคมและรัฐบาลไม่ช่วยจัดให้ประชาชนมีงานทำ เพราะยึดหลักเศรษฐกิจซึ่งอำนวยผลประโยชน์ และสิทธิให้แก่คนบางกลุ่มเท่านั้น
วิถีทางของท่านมิใช่วิถีทางของเรา
ยังมีคำสอนอีกประการหนึ่ง เจ้าของสวนพูดว่า “ฉันอยากจะให้คนที่มาสุดท้ายนี้เท่ากับให้ท่าน” แล้วยังถามกลับไปอีกว่า “ท่านอิจฉาตาร้อน เพราะฉันใจดีหรือ” (วรรคที่ 14-15) นี่เป็นแก่นของเรื่องนี้ สำนวนตามอักษร “ตาร้อน” บ่งบอกอาการมองเหตุการณ์หนึ่งเปลี่ยนเป็นสิ่งร้าย ไม่มองอะไรใหม่หรือด้านความใจดี แต่พยายามจำกัดความดีของพระเจ้า
ตาร้อน (มองแง่ร้าย) เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตน เหมือนสร้างกำแพงปกป้องทรัพย์สมบัติของเรา ถึงแม้จะทำให้คนอื่นยากจน เป็นการมองที่ทำให้เราคิดไปได้ว่า สิ่งที่ยุติธรรมสำหรับคนอื่น เป็นสิ่งไม่ยุติธรรมสำหรับเรา หากมันมีผลกระทบต่อสิทธิพิเศษของเรา คริสตชนไม่ควรมองพระเจ้าแสนดีด้วยตาร้อน (มองแง่ร้าย) หากเราหลีกเลี่ยงการตะกละ ความโลภ ละโมบ อยากได้ จงพยายามปฏิบัติดังคำสอนที่นักบุญเปาโล กล่าวกับชาวฟิลิปปีว่า “ท่านทั้งหลายจงประพฤติตนให้คู่ควรกับข่าวดีของพระคริสตเจ้า” (1:27)
พระเจ้าทรงสอนเรามิให้ปฏิบัติความยุติธรรมแค่ตามกฎหมายหรือรูปแบบ เพราะความรักของพระเจ้าข้ามเลยขอบเขตกฎหมายเหล่านี้ และสอนเราให้มองด้วยใจกว้าง สนใจคนที่สังคมทอดทิ้ง ดูหมิ่น และกดขี่รังแก ประกาศกอิสยาห์สอนว่า วิถีทางของพระเจ้ามิใช่วิถีทางของเรา (55:8) เราต้องเปิดตาเปิดใจบ่อยๆ สู่สิ่งใหม่ และความรักริเริ่มของพระเจ้า การได้รับมาเปล่าๆ (ฟรีๆ) มิใช่อะไรตามใจ ตามอารมณ์ หรือผิวเผิน สิ่งที่ได้รับมาเปล่าๆ มิใช่ชัดแย้ง หรือดูหมิ่นผู้ร้องแสวงหาความยุติธรรม ตรงข้ามกลับทำให้ความยุติธรรมมีความหมายแท้จริง ไม่มีสิ่งใดถูกเรียกร้องมากเกินควรยิ่งกว่าความรักที่ให้เปล่าและไม่หวังผลประโยชน์
พระสังฆราชวีระ อาภรณ์รัตน์ แปล
จาก Sharing the Word through the Liturgical Year โดย Gustavo Gutiérrez สำนักพิมพ์ Claratian, บังกาลอร์, 1997 หน้า 225-226