เพลงสดุดีที่ 83

บทภาวนาขอให้มีชัยชนะต่อศัตรูของชาติa

สดด บทนี้เป็นบทภาวนาอ้อนวอนส่วนรวมอีกบทหนึ่งของประชากรทั้งชาติ ผู้ประพันธ์กล่าวถึงศัตรูของอิสราเอลที่รวมกำลังกันมารุกราน ประชากรจึงวอนขอพระเจ้าให้ทรงลงโทษศัตรูที่มาคุกคามในปัจจุบัน เช่นเดียวกับที่เคยทรงลงโทษศัตรูในอดีต มนุษย์ทั้งหลายจะได้ยอมรับว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้เพียงพระองค์เดียว เมื่อใช้ สดด บทนี้สวดภาวนา เราคริสตชนอาจคิดถึงศัตรูของพระศาสนจักรในช่วงเวลาต่างๆ ตลอดมาในประวัติศาสตร์ และได้รับกำลังใจจากพระสัญญาที่พระเยซูเจ้าประทานแก่เปโตรซึ่งเป็น “ศิลา” ที่พระองค์ทรงตั้งเป็นรากฐานรองรับพระศาสนจักรที่พระองค์จะทรงสร้างว่าจะไม่มีอำนาจใดมาทำลายพระศาสนจักรนี้ได้ (เทียบ มธ 16:17-18)

บทเพลง เพลงสดุดี ของอาสาฟ

1ข้าแต่พระเจ้า โปรดอย่าทรงเงียบอีกต่อไป

        โปรดอย่าทรงนิ่งเฉย ไม่ทรงกระทำอะไรเลย พระเจ้าข้า

2ดูเถิด บรรดาศัตรูของพระองค์กำลังก่อการจลาจล

        ผู้ที่เกลียดชังพระองค์ก็กำลังยกศีรษะผยองขึ้นมา

3เขากำลังวางแผนปองร้ายประชากรของพระองค์

        กำลังคบคิดกันต่อสู้ผู้ที่พระองค์ทรงพิทักษ์รักษา

4เขาพูดว่า “มาเถิด จงมาทำลายล้างเขาให้สิ้นชาติ

        อย่าให้ใครจำชื่ออิสราเอลได้อีกต่อไป”

5ใช่แล้ว เขาทั้งหลายวางแผนร่วมกันb

        ทำพันธสัญญาเพื่อต่อสู้พระองค์

6ชนชาติเอโดมและชาวอิชมาเอล

        ชนโมอับและชาวฮาการ์c

7ชาวเกบาลd อัมโมน อามาเลข

        ชาวฟีลิสเตีย รวมทั้งชาวเมืองไทระ

8แม้กระทั่งชาวอัสซีเรียeก็เป็นพันธมิตรกับเขา

        เพื่อเสริมกำลังให้แก่ลูกหลานของโลท

                                                               (พักครู่หนึ่ง)

9ขอพระองค์ทรงกระทำกับเขาดังที่เคยทรงกระทำกับชาวมีเดียน

        ดังที่ทรงกระทำกับสิเสราและยาบินที่แม่น้ำคีโชน

10เขาทั้งหลายถูกทำลายล้างที่เมืองเอน-โดร์

        กลายเป็นปุ๋ยบำรุงดิน

11ขอพระองค์ทรงทำกับเจ้านายของเขา ดังที่ทรงกระทำกับโอเรบและเศเอบ

        ขอทรงกระทำกับหัวหน้าของเขา ดังที่ทรงกระทำกับเศบาห์และศัลมุนนา

12เขาเหล่านี้เคยพูดว่า “พวกเราจงไปยึดทุ่งหญ้าของพระเจ้า

        มาเป็นกรรมสิทธิ์ของเราเถิด”

13ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดทรงบันดาลให้เขาเป็นเหมือนใบไม้ที่ถูกลมพัดหมุนไป

        เหมือนแกลบที่ลมตีกระจาย

14เหมือนไฟที่เผาผลาญป่าไม้

        เหมือนเปลวไฟที่ลุกอยู่บนภูเขา

15ขอพระองค์ทรงส่งพายุมาขับไล่เขาทั้งหลาย

        ทรงส่งพายุหมุนมาบันดาลให้เขาพรั่นกลัว

16ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงบันดาลให้เขาต้องอับอาย

        แล้วเขาจะได้แสวงหาพระนามของพระองค์

17ขอให้เขาต้องอับอายและหวาดกลัวตลอดไป

        ขอให้เขาต้องอับอายและพินาศ

18เขาจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงพระนามว่าพระยาห์เวห์

        พระองค์เพียงพระองค์เดียวทรงเป็นพระผู้สูงสุดทั่วแผ่นดิน

 

83 a ผู้ประพันธ์มิได้ระบุว่าบรรดาศัตรูรวมหัวกันมาโจมตีอิสราเอลเมื่อไรและที่ไหน เขาเพียงแต่ยกเอารายชื่อของชน 10 ชาติที่เป็นศัตรูกับอิสราเอลตลอดมาในประวัติศาสตร์มากล่าวไว้เท่านั้น (ดู 2 พศด 20:1ฯ; นหม 2:19; 1 มคบ 5:3ฯ)

b "วางแผนร่วมกัน" แปลตามตัวอักษรว่า "วางแผนด้วยใจรวมกัน"

c "ชาวฮาการ์" หมายถึงลูกหลานของนางฮาการ์ ซึ่งเป็นชนเผ่าเร่ร่อนทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน

d "ชาวเกบาล" ณ ที่นี้มิได้หมายถึงชาวเมืองเกบาลของชาวฟีนีเซีย ซึ่งมีชื่อเรียกอีกว่า "บีบลอส" (ดู อสค 27:9) แต่หมายถึงชนเผ่าเร่ร่อนในแคว้นเอโดมทางเหนือของเมืองเปตรา

e "ชาวอัสซีเรีย" ณ ที่นี้อาจหมายถึงชาวอัสซีเรีย (ซึ่งที่นี่ใช้เป็นสัญลักษณ์หมายถึงอาณาจักรซีเรียของราชวงศ์เซเลวซิด เทียบ ยดธ 16:3) หรืออาจหมายถึงชนเผ่าอัสชูร์ก็ได้ (ดู ปฐก 25:3; 2 ซมอ 2:9 เชิงอรรถ h; เทียบ กดว 24:22 เชิงอรรถ l)