“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

ข้อคิดจากพระวาจาประจำวัน  โดย..คุณพ่อฉลองรัฐ สังขรัตน์

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน 2016
อาทิตย์สัปดาห์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา
บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา

  ​     เวลานั้น เมื่อบางคนพูดถึงพระวิหารว่า ได้ตกแต่งไว้ ด้วยศิลางดงาม และของถวายพระเจ้าที่ตั้งอยู่มากมาย พระเยซูเจ้า จึงตรัสว่า “สิ่งที่พวกท่านเห็น อยู่นี้วันเวลา จะมาถึง จะไม่มีหินเหลือซ้อนกันอยู่แม้แต่ก้อนเดียว ที่จะไม่ถูกทำลาย”


​พวกเขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น เมื่อไร และจะมีเครื่องหมายอะไรว่า เหตุการณ์นี้กำลังจะ เกิดขึ้น”
พระเยซูเจ้าจึงตอบว่า “คอยระวังให้ดี อย่าหลงไป เพราะจะมีหลายคนมาใช้นามของเรากล่าวว่า “ฉันเป็นผู้นั้น” และว่า “เวลากำหนดมาถึงแล้ว” อย่าตามเขาไปเมื่อท่านได้ยิน เรื่องสงคราม และการจลาจล ก็อย่าตระหนกตกใจ    เพราะจะต้อง เกิดเหตุการณ์เหล่านั้นขึ้นก่อน แต่จุดจบจะยังไม่มาทันที”

และพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ชาติหนึ่งจะลุกขึ้นสู้  กับอีกชาติหนึ่ง อาณาจักรหนึ่ง จะสู้กับอาณาจักรหนึ่ง จะเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง เกิดการกันดารอาหาร และโรคระบาดในที่ต่างๆ จะมีสิ่งน่าสะพรึงกลัว และมีเครื่องหมายใหญ่โตในท้องฟ้า

ก่อนสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น เขาจะจับกุมตัวท่าน และจะข่มเหงพวกท่าน จะนำตัวท่านไปไต่สวนในศาลาธรรมและจำจองในคุก เขาจะนำตัวท่านไปต่อหน้ากษัตริย์และผู้ปกครองเพราะนามของเรานี่จะเป็นโอกาสให้พวกท่านเป็นพยาน เพราะฉะนั้น จงใส่ใจไว้ว่าจะไม่คิดล่วงหน้าว่าจะแก้ตัวอย่างไร เพราะเราจะให้ปาก และปัญญาแก่พวกท่าน ซึ่งศัตรูทั้งหลายจะไม่สามารถต้านทานหรือโต้แย้งได้  พ่อแม่ญาติพี่น้อง และมิตรสหายจะเป็นคนมอบพวกท่าน (ให้ศัตรู) พวกท่านบางคนจะถูกประหารชีวิต และพวกท่าน จะเป็นที่จงเกลียดจงชังเพราะนามของเรา แต่เส้นผมบน ศีรษะ ของพวกท่านจะไม่เสียไปสักเส้นเดียว ด้วยความ เพียรทนของท่าน ท่านจะรักษาชีวิตของท่านไว้”

(พระวาจาของพระเจ้า)

------------------------------------------

สัปดาห์ต่อไปนี้ พระวาจาจะเป็น “แนวเขย่าขวัญ” สำหรับคนที่กังวล วางใจน้อย โดยเฉพาะเรื่อง “วันสิ้นโลก” ที่เป็น “เนื้อหา” ในสัปดาห์ใกล้ๆ สุดท้ายของปีพิธีกรรม
ทำไมต้องนำเรื่องวันสิ้นโลกมาไตร่ตรอง
เรื่อง “อามาเกนดอน” ที่เป็นภาพยนต์เกี่ยวกับ ดาวหางพุ่งชนโลก และเกิดความวุ่นวายหายนะมากมาย กำลัง “บอกความจริง” เกี่ยวกับความเชื่ออย่างไร?
บางครั้งมีการเรียกอาร์มาเก็ดดอนว่า “ฮาร์มาเกโดน” (ภาษาฮีบรู Har Meghiddohn’) ซึ่งหมายถึง “ภูเขาแห่งเมกิดโด” เมกิดโดเป็นเมืองหนึ่งในอิสราเอล โบราณ บันทึกประวัติศาสตร์บอกว่ามีสงคราม สำคัญหลายครั้งเกิดขึ้นในบริเวณนี้ รวมถึงสงครามที่มีบันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิลด้วย (วินิจฉัย 5:19, 20; 2 กษัตริย์ 9:27; 23:29)
​แต่อาร์มาเก็ดดอนไม่ได้หมายถึงหุบเขาเมกิดโดในสมัย โบราณเพราะที่นั่นไม่มีภูเขาใหญ่ และถึงแม้จะรวมเข้ากับที่ ราบเยศเรล ที่อยู่ติดกัน ก็ไม่มีพื้นที่พอให้คนที่ต่อต้าน พระยาห์เวห์ มารวมกัน

ที่จริง อาร์มาเก็ดดอนเป็นเหตุการณ์ที่ชาติต่าง ๆ ทั่วโลกจะรวมตัวกันเพื่อต่อต้านการปกครองของพระเจ้า เป็นครั้งสุดท้าย

เหตุการณ์ในสงครามอาร์มาเก็ดดอนจะเป็นอย่างไร? เราไม่รู้ว่าพระเจ้าจะใช้อำนาจแบบไหนในสงครามนี้ แต่อาจเป็นวิธีที่พระองค์เคยใช้ในอดีต เช่น ลูกเห็บ แผ่นดินไหว น้ำท่วม พายุฝน ไฟและกำมะถัน ฟ้าผ่า และโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ (โยบ 38:22, 23; เอเสเคียล 38:19, 22; ฮะบากุก 3:10, 11; เซคารียาห์ 14:12)

ในช่วงเวลาของความสับสนวุ่นวาย ศัตรูของพระเจ้า ส่วนหนึ่งจะต่อสู้กันเอง แต่ในที่สุดเขาจะได้รู้ว่า กำลังสู้กับพระเจ้า (เอเซเคียล 38:21, 23; เศคาริยาห์ 14:13)
​ความหมาย “ศัตรู” “ฝ่ายตรงข้าม”
​ก็คือ “การไม่รักกัน”
​ที่เป็นอุปสรรค ขัดขวางต่อ “การเจริญขึ้นในความรักต่อพีน้อง ที่เป็น ความก้าวหน้าของอาณาจักรพระเจ้า”
ในประกาศมาลาคี จึงบอกภาพพจน์ ของบุคคลที่ไม่สามารถ “เปล่ง” ภาพลักษณ์ของพระเจ้าออกในกิจการแห่งความรัก ก็เป็นว่า

“นี่แน่ะ วันนั้นจะมาถึง คือวันที่จะลุกไหม้เหมือนเตาอบ เมื่อคนอวดดีทั้งสิ้น และคนที่ประกอบการอธรรมทั้งหลาย จะเป็นเหมือนซังข้าว วันที่จะมานั้น จะเผาผลาญพวกเขา จนไม่มีรากหรือกิ่งเหลืออยู่เลย”

​ภาพของความขัดแย้ง การทำลายล้าง การบ่อยทำลาย
นานาชาติจะเข้าสู่สงคราม จะเกิดการกันดารอาหาร จะมีแผ่นดินไหวหลายแห่ง ทั้งจะเกิดโรคภัยไข้เจ็บ แพร่ระบาด จะเกิดมีผู้พยากรณ์เท็จตามที่ต่าง ฯ ความรักของมนุษย์จะเย็นลง ผู้คนจะเห็นแก่ตัว, เห็นแก่เงิน, หมิ่นประมาทพระเจ้า, อกตัญญู, ไม่รักซึ่งกันและกัน, ดุร้าย, ไม่มีไมตรีต่อกัน, มีธรรมะแต่ภายนอก แต่ภายในปฏิเสธ มนุษย์จะอยู่ด้วยความกลัว เพราะมืดมน ไม่รู้ทางออก

ภาพของวันสิ้นโลก อามาเกนดอน (Armageddon) หรือ  ดีปอิมแพค (Deep Impact) หรือภาพยนต์เขย่าขวัญ ที่ตามมาอีกหลายเรื่อง ที่ล้วนแล้วแต่ “เขย่าขวัญทำให้กลัว” แต่พระวาจาของพระเจ้า “เน้นความสำคัญ” เรื่องการประเมินผลตนเอง ตระเตรียมตัวเองด้วยการตรวจสอบ แก้ไขสิ่งที่ผิด พัฒนาสิ่งที่เจริญงอกงาม มากกว่า โทษ โยนกลอง ป้ายความผิด ที่เป็น “พฤติกรรมการไม่รัก ไม่ได้ทำให้ “พระอาณาจักรของพระเจ้าเจริญงอกงามขึ้น” เพราะรากเหง้าของนิสัย ไม่รัก ทำลายกัน แก่งแย่งกัน ให้ร้ายป้ายสี มุ่งร้ายหมายขวัญ ไม่ทำดีต่อกัน แทงข้างหลัง ปากปราศัยน้ำใจเชือดคอ ร้ายๆ เหล่านี้แหละ เป็นภาพสังคมที่เรามักเรียกกันแรงๆ ว่า “นรกแตก” “บ้านร้อยเป็นไฟ” ที่เป็นภาพของการไม่รักกันนั่นเอง

พระอาณาจักรของพระเจ้า ที่มี “พื้นที่” ต้อนรับผู้คนที่เป็น “วิหารฝ่ายจิต” ไม่ต้องการเรื่องพวกนี้เลย
ภาพที่เล่าเรื่อง การสิ้นโลก ก็คือ การสิ้นรัก ที่มหันตภัย ที่คืบคลานเข้ามา ทำลายกัน ทำลายสังคม ทำลายพื้นที่การอยู่ด้วยกันอย่างสงบ และที่สำคัญ กร่อนทำลายความหวังที่จะไปอยู่กันด้วยความรัก ด้วยความหวัง ในการเดินทางไปสู่ชีวิตนิรันดร ที่เป็นเรื่องต้องจริงจังอย่างเด็ดขาด ตัดสินใจเลือกฝั่งความดีงาม มากกว่า เลือกฝั่งแบบเห็นแก่ได้
นักบุญเปาโล (จดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวเธสะโลนิกา ฉ.2 ) จึงพูดถึงเรื่องนี้ในลักษณะของความ “บากบั่น พากเพียร”

“พวกท่านรู้ดีว่าต้องเอาอย่างพวกเราอย่างไร เพราะว่า เมื่ออยู่กับท่าน พวกเรามิได้เกียจคร้านเลย เรามิได้กินอาหาร จากใครเปล่าๆ แต่เราตรากตรำทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อว่าเราจะได้ไม่เป็นภาระแก่ใครในพวกท่าน ทั้งนี้             มิใช่เพราะว่าเราไม่มีสิทธิ์ แต่เพื่อทำตัวเป็นแบบอย่าง ให้พวกท่านปฏิบัติตาม”
ความบากบั่น พากเพียร เป็นพฤติกรรมของคนที่มี ความรักที่ถอดรูปแบบ “พระเจ้าองค์ความรัก”
เพราะความอดทน บากบั่น เราจึงไม่เอาชนะคะคานกัน ที่เป็นเรื่องของคนไม่รักกัน
เพราะทนฟัง ทนคำบ่นว่า ทนต่อแรงเสียดทาน ทำให้เราพัฒนาจิตใจ จากความหวังดีที่เป็นความรัก มากกว่า การตามใจกันจนเสียหาย ทำลายด้วยการให้ไม่รู้จักพอ ที่เป็น ภาพลบของคนไม่รักจริงใจ

ดังนั้น การเล่าภาพการทำลาย ความเสียหาย ที่เปรียบเปรยจากเรื่อง “การสิ้นโลก” ที่เป็นภาพทางธรรม ที่พระวรสารนักบุญลูกา สรุปตอนสุดท้ายไว้ว่า
“ด้วยความเพียรทนของท่าน ท่านจะรักษาชีวิตของท่านไว้”
ก็เพื่อ

เราจะไม่เสียหายไปเพราะโลกสวย
เราจะไม่เสียขวัญ เพราะฝันหวาน
เราจะไม่ลืมตัว เพราะสร้างวิมาน
ความจริงที่เรากำลังพยายามสร้างจากความรัก ความหวังดี ความพากเพียร พยายามให้ได้ดีเพราะคนที่ฝึกฝน ฝึกเป็นคนที่รักคนอื่น ฝึกเป็นคนที่รักจริงใจให้เป็น มากกว่า หลอกให้หลง ลวงให้เข้าใจผิดเพี้ยน ที่เป็นภาพที่ถูกบอกเล่ามาจากมาร
หลังจากที่เล่าเรื่อง “เสียหาย ล้มหายตายจาก” ด้วยภาพพจน์ของการสิ้นโลก
เพื่อพระเจ้ากำลังสอนความจริงที่เกิดความเพียรทน ไม่ใช่ “คำลวง”
เพื่อจะประเมินผลความสำเร็จในชีวิตฝ่ายวิญญาณ ที่ไม่ใช่ หาซื้อ หาได้ หามา ด้วยการแลกเปลี่ยน แต่ด้วยความเพียรทน
นี่เป็นการ “เตือนสอน” ด้วยวาระสุดท้ายของโลกที่เล่า เหตุการณ์เขย่าขวัญ เพื่อ “เตือนให้มีขวัญ กำลังใจ ในความพากเพียรและความรัก” ที่เป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับความรอดพ้น

ขอพระเจ้าองค์ความรอดอวยพรพี่น้องทุกท่าน

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก