“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพุธที่ 31 สิงหาคม 2016

สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

1คร 3:1-9
1พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่อาจพูดกับท่านเหมือนพูดกับผู้ที่ดำเนินชีวิตอาศัยพระจิตเจ้า แต่พูดเหมือนกับคนที่ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติ เหมือนพูดกับทารกในพระคริสตเจ้า 2ข้าพเจ้าใช้น้ำนมเลี้ยงท่าน ไม่ให้อาหารแข็ง เพราะขณะนั้นท่านยังรับไม่ได้ และแม้เวลานี้ท่านก็ยังรับไม่ได้ 3เพราะท่านยังเป็นผู้ดำรงชีวิตตามธรรมชาติ ในเมื่อท่านยังอิจฉาริษยาและทะเลาะวิวาทกัน ท่านก็ยังดำรงชีวิตตามธรรมชาติ และดำเนินชีวิตเหมือนมนุษย์ทั่วไปมิใช่หรือ 4เพราะเมื่อคนหนึ่งพูดว่า "ฉันเป็นพวกของเปาโล” และอีกคนหนึ่งพูดว่า “ฉันเป็นพวกของอปอลโล” ท่านก็มิได้เป็นเพียงมนุษย์ทั่ว ๆ ไปเท่านั้นดอกหรือ


5อปอลโลเป็นใคร เปาโลเป็นใคร ทั้งสองคนเป็นผู้รับใช้ที่นำความเชื่อมาให้ท่าน ต่างก็ทำตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดให้ทำเท่านั้น 6ข้าพเจ้าเป็นผู้ปลูก อปอลโลเป็นผู้รดน้ำ แต่พระเจ้าทรงเป็นผู้บันดาลให้เติบโตขึ้น 7เพราะฉะนั้น ทั้งผู้ปลูกและผู้รดน้ำก็ไม่สำคัญ แต่ผู้มีความสำคัญแท้จริงคือพระเจ้าผู้ทรงบันดาลให้เติบโตขึ้น 8ผู้ปลูกและผู้รดน้ำมีความสำคัญเท่ากัน แต่ละคนจะได้รับค่าจ้างของตนตามส่วนของงานที่กระทำ 9เพราะเราเป็นผู้ร่วมงานกับพระเจ้า ท่านทั้งหลายเป็นไร่นาของพระเจ้า เป็นอาคารของพระเจ้า

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• “ตกลงเป็นลูกของพระเจ้าไหม.... ตกลงเราเป็นคนได้ที่รับพระจิตเจ้าไหม ถึงเวลาที่พวกเราต้องมีวุฒิภาวะในความเชื่อได้แล้ว”
o พ่อเคยได้ยินคำพูดของอาจารย์ผู้ทรงคุณภาพท่านหนึ่งของพ่อ แน่นอนพ่อผู้สอนพระคัมภีร์ผู้แปลพระคัมภีร์ ท่านกล่าวว่า “คริสตชนคาทอลิกของเราส่วนใหญ่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อ ความรู้ความเข้าใจศาสนายังเหมือนเด็กประถมอยู่เลย... พวกเขาต้องรู้จักพระคัมภีร์มากๆ เพื่อรู้จักพระเจ้ามากๆ และเจริญชีวิตเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อ คือรับผิดชอบในการเจริญชีวิตคริสตชนอย่างมีคุณค่าและมีความหมาย”

• คำพูดนี้สำหรับพ่อ เมื่อได้ฟังและได้ไตร่ตรองมานาน...
o พ่อว่าเรื่องนี้ คำพูดนี้เป็นความจริง เพราะเหตุว่า โดยปกติ คนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว หรือบรรลุวุฒิภาวะแล้ว มักจะต้องเป็นคนที่สามารถอ่านออกเขียนได้ ต้องมีความรู้พอและพัฒนาได้ ปฏิบัติได้...
o พ่อคิดและพ่อเชื่อว่า ความรู้ความเข้าใจและเข้าถึงของพวกเรา (รวมทั้งพ่อด้วย) ในพระวาจาของพระเจ้า ในความหมายของศีลศักดิ์สิทธิ์ และการเข้าใจพระเจ้า การเข้าถึงพระเจ้า (แม้เรารักพระเจ้าเหลือเกินพ่อเชื่อ) แต่ในความเป็นจริงนั้น พวกเราคริสตชน พี่น้องที่รักของพ่อครับ พ่อคิดว่าพวกเรายังพยายามแสวงหาความรู้จักพระองค์ในพระวาจาในพระคัมภีร์ยังน้อยเหลือเกิน

• พระศาสนจักรก็สะท้อนความจริงเช่นนี้ พระศาสนจักรคาทอลิกได้พยายามเน้นให้พวกเราได้เติบโตในความเชื่อ เป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อ...
o ถ้าเราตระหนักว่าเราเป็นลูกพระจริง
o เราต้องรู้จักพระองค์ดีเหลือเกิน
o เราต้องเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อ...

• แผนอภิบาลของสภาพระสังฆราชคาทอลิกไทย ค.ศ. 2010-2015 ก็เรียกร้องให้พยายามให้คริสตชนเป็นผู้บรรลุวุฒิภาวะในความเชื่อเหมือนกัน กฤษฎีกาสมัชชาฯปี 2015 ก็เรียกร้องให้เราเจริญชีวิตเป็นศิษย์พระคริสต์เพื่อประกาศข่าวดีใหม่

• วันนี้พ่อยากจะเน้นบทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวโครินท์ต่อไป เพราะพระวาจาของพระเจ้าวันนี้มีคำตอบที่ง่ายๆ จากนักบุญเปโล ท่านเองเคยมีประสบการณ์ พ่ออยากยกประสบการณ์ของท่านนักบุญเปาโล “ก่อนและหลัง” คือก่อนที่ท่านจะกลับใจมาเป็นคริสตชน.. เปาโลเป็นคนอย่างไรหรอ และหลังจากที่ท่านได้กลับใจแล้ว... เรามาดูกันจากคำบอกเล่าของหนังสือกิจการอัครสาวกสักหน่อยนะครับ...

o Before (ก่อนรับศีลล้างบาป ท่านเป็นคนที่เบียดเบียนคริสตชนอย่างนัก ท่านเล่าเองดังนี้) ”ข้าพเจ้าเป็นชาวยิว เกิดที่เมืองทาร์ซัสในแคว้นซิลีเซีย แต่เติบโตในเมืองนี้ กามาลิเอลเป็นอาจารย์สอนข้าพเจ้าให้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของบรรพบุรุษอย่างเคร่งครัด ข้าพเจ้ารับใช้พระเจ้าด้วยความกระตือรือร้นอยู่เสมอเช่นเดียวกับที่ท่านทั้งหลายปฏิบัติอยู่ในวันนี้ ข้าพเจ้าเบียดเบียนถึงตายผู้ที่ดำเนินตามวิถีทางนี้ ข้าพเจ้าจับกุมทั้งชายและหญิงจองจำไว้ในคุก ดังที่มหาสมณะและสภาผู้อาวุโสทุกคนเป็นพยานยืนยันได้ เพราะเขามอบจดหมายให้ข้าพเจ้านำไปให้แก่บรรดาพี่น้องชาวยิวที่เมืองดามัสกัส ข้าพเจ้าจึงออกเดินทางเพื่อไปจับกุมบรรดาคริสตชนซึ่งอยู่ที่นั่น นำกลับมายังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อลงโทษ เวลาประมาณเที่ยงวัน ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเดินทางใกล้จะถึงเมืองดามัสกัส ทันใดนั้นมีแสงสว่างจ้าจากท้องฟ้าล้อมรอบตัวข้าพเจ้าไว้ ข้าพเจ้าล้มลงที่พื้นดินและได้ยินเสียงพูดกับข้าพเจ้าว่า “เซาโล เซาโล เจ้าเบียดเบียนเราทำไม” ก่อนรู้จักพระเยซูเจ้าจริงชีวิตขอเปาโลเป็นฟาริสีตัวยง เคร่งครัดและเอาให้ตายใครก็ตามที่เชื่อพระเยซูเจ้า

o After (หลังจากรู้จักพระเยซูเจ้า) หนังสือกิจการอัครสาวกบอกกับเรามามายถึงชีวิตที่เปลี่ยนไปของท่าน และในจดหมายทั้ง 13 ฉบับของเปาโลยืนยันว่า ท่านยอมตายเพื่อพระคริสตเจ้า ยอมทุกทุกอย่างเพื่อพระคริสตเจ้า คำสอนของท่านคือคริสตวิทยาที่ลึกซึ้งในการอภิบาลให้รู้จักพระเยซูเจ้า ให้รักพระเยซูเจ้า และให้เจริญชีวิตเพื่อพระเยซูเจ้า “บัดนี้ไม่ใช่ข้าพเจ้าที่มีชีวิต แต่เป็นพระคริสต์ผู้มีชีวิตในข้าพเจ้า”... “ข้าพเจ้ายอมถูกจองจำเพื่อพระคริสตเจ้า และเพื่อข่าวดีของพระองค์... เปาโลคนเดิมแต่นิสัยใหม่หมดเมื่อรู้จักพระเยซูเจ้า ทุ่มเทสุดชีวิตเพื่อพระเยซูเจ้า...

• พี่น้องที่รัก วันนี้จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโครินท์ที่เราอ่าน จะสะท้อนชีวิตที่เปาโลสอน
o ถ้าชีวิตของเราได้รู้จัก ได้รับศีลล้างบาป และได้มีความเชื่อในพระคริสตเจ้าจริงๆ
o ถ้าชีวิตของเราได้รับการเจิมด้วยพระจิตเจ้าจริงๆ แล้ว
1. เราต้องเจริญชีวิตเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อ
2. เราต้องมีชีวิตใหม่จริงๆ ดีจริงๆ
3. เลิกอิจฉาริษยาและทะเลาะวิวาทกัน...
4. ดำเนินชีวิตใหม่ตามพระจิตเจ้า
5. ไม่ใช่ตามเนื้อหนังมากจนเกินไป
o อ่านคำสอนของเปาโลวันนี้ดีๆนะครับ ข้อเขียนของท่านวันนี้ชัดมากๆ ไม่ต้องอธิบายมาก ขอเพียงแต่ ขอเพียงแต่...ชัดๆ นะครับ คือ “ขอให้เราผู้ได้รับศีลล้างบาป ได้เป็นผู้ใหญ่ในการเจริญชีวิตนะครับ”

• ถ้าจะสรุปการไม่เป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อ เราก็พบได้จากเปาโลในวันนี้ครับ
o เพราะท่านยังเป็นผู้ดำรงชีวิตตามธรรมชาติ ในเมื่อท่านยังอิจฉาริษยาและทะเลาะวิวาทกัน ท่านก็ยังดำรงชีวิตตามธรรมชาติ และดำเนินชีวิตเหมือนมนุษย์ทั่วไปมิใช่หรือ
o เพราะเมื่อคนหนึ่งพูดว่า "ฉันเป็นพวกของเปาโล” และอีกคนหนึ่งพูดว่า “ฉันเป็นพวกของอปอลโล” ท่านก็มิได้เป็นเพียงมนุษย์ทั่ว ๆ ไปเท่านั้นดอกหรือ

• พ่อขอสรุปวันนี้ด้วยคำสอนเตือนใจของพระสันตะปาปาฟรังซิส.. พระสันตะปาปาฟรังซิสสอนเตือนเรา ยุคของเราจริงๆ ที่เราคริสตชนควรลดละเลิกการทะเลาะเบาะแว้งกัน... (EG)
o “มีสงครามเกิดขึ้นมากมายภายในประชากรของพระเจ้า และในชุมชนต่าง ๆ ในย่านถิ่นที่ทำงาน มีสงครามอันเกิดจากความอิจฉาริษยา และในระหว่างคริสตชนด้วยเช่นกัน จิตตารมณ์ทางโลกในคริสตชนบางคน ก่อให้เกิดสงครามกับคริสตชนอื่น ๆ.... ยิ่งกว่านั้น บางคนยังเลิกดำเนินชีวิตการเป็นสมาชิกของพระศาสนจักร หล่อเลี้ยงจิตตารมณ์การต่อต้าน แทนที่จะเป็นสมาชิกของพระศาสนจักรทั้งมวล ที่มีความหลากหลาย เขากลับเป็นสมาชิกของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่รู้สึกว่าตนเองแตกต่างหรือพิเศษกว่าคนอื่น” (EG 98)
o “ให้เราวอนขอองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อให้เราเข้าใจพระบัญญัติแห่งความรัก เป็นการดีที่เรามีพระบัญญัตินี้ เหนือสิ่งอื่นใด เรารู้สึกดีที่จะรักกันและกัน ใช่แล้ว เหนือสิ่งอื่นใด คำเชื้อเชิญของนักบุญเปาโลมีไว้สำหรับเราแต่ละคน “อย่าให้ความชั่วเอาชนะท่าน แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี” (รม 12:21) และ “อย่าท้อแท้ในการทำความดี เพราะถ้าเราไม่หยุดทำความดี เราก็จะได้เก็บเกี่ยวเมื่อถึงเวลา” (กท 6:9) เราทุกคนมีความรู้สึกทั้งเห็นอกเห็นใจและเกลียดชัง แม้ในเวลาที่เราโกรธใครบางคน ให้เรากล่าวกับพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าโกรธคนนั้น ข้าพเจ้าวอนขอพระองค์สำหรับเขาด้วย” การภาวนาเพื่อบุคคลที่เรารู้สึกโกรธเป็นก้าวอันงดงามสู่ความรัก และเป็นการกระทำที่ประกาศพระวรสาร ให้เราเริ่มกระทำในวันนี้ เราจงอย่าปล่อยให้อุดมคติแห่งความรักฉันพี่น้องถูกขโมยไป” (EG 101)

• สรุปว่า เราคริสตชน ได้รับชีวิตพระเจ้า แล้วเราควรเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อมากๆ คือ
o ชุมชนพระศาสนจักร คือ พวกเราอย่าได้ตกเป็นเหยื่อของความอิจฉาริษยา เพราะ มีการทะเลาะเบาะแว้งกันมากเหลือเกินในหมู่ประชากรของพระเจ้า มีการไม่ลงรอยและทะเลาะกันมากเหลือเกินชุมชนวัด ในครอบครัว ในระหว่างตระกูล
o บ่อยๆ พวกเราเจริญชีวิตชุมชนที่ดูดีที่วัด แต่ในครอบครัว ในหมู่บ้าน เรากลับแตกแยกและเกลียดชัง ทำร้ายกันด้วยวาจา ด้วยสื่อต่างๆ
o บ่อยครั้ง เราดูดี ณ ที่บูชาขอบพระคุณ ช่วยงานวัด อ่านบทอ่าน รับใช้ใกล้ชิดพระแทน ไปโบสถ์ด้วยกัน.... แต่ แต่ แต่ในการใช้สื่อสารเฟสบุค ฯลฯ เราก็หยาบคายต่อกันเหลือเกิน... ไม่น่ารักเลย กลายเป็นอาการไบโพลาร์ของชีวิตศาสนาและชีวิตจริง หรือ เป็นฟาริสีแบบปัจจุบันที่ไม่น่ารัก... ก่อให้เกิดความแตกแยกในชุมชนวัด ในชีวิตสังคมอย่างมากๆ
o พอเถอะครับ... แล้วเราจะไปประกาศกับใครได้ถ้าพวกเราคริสตชนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้???
o ครับ สรุปว่า ขอให้น่ารัก ขอให้แสนดี และเป็นคริสตชนที่น่ารักกันมากๆ นะครับ เป็นครอบครัว ชุมชน ที่อบอุ่น และเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อกันทั่วหน้านะครับ.. พระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ....

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก