“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม 2016

สัปดาห์ที่ 20 เทศกาลธรรมดา

อสค 37:1-14…
          1พระหัตถ์ของพระยาห์เวห์อยู่เหนือข้าพเจ้า พระจิตของพระยาห์เวห์ทรงนำข้าพเจ้าออกมา และวางข้าพเจ้าไว้กลางหุบเขาที่มีกระดูกเต็มไปหมด 2พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าเดินไปโดยรอบใกล้ๆกระดูกเหล่านั้น ข้าพเจ้าเห็นว่ามีกระดูกมากมายทีเดียวในหุบเขานั้น เป็นกระดูกแห้งสนิท 3พระองค์ตรัสถามข้าพเจ้าว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย กระดูกเหล่านี้จะกลับมีชีวิตได้ไหม” ข้าพเจ้าทูลตอบว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ก็ทรงทราบอยู่แล้ว”

4พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าอีกว่า “จงประกาศพระวาจาเหนือกระดูกเหล่านี้ จงกล่าวแก่กระดูกเหล่านี้ว่า ‘กระดูกแห้งเอ๋ย จงฟังพระวาจาของพระยาห์เวห์เถิด 5พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่กระดูกเหล่านี้ว่า ดูซิ เราจะนำจิต เข้าไปในเจ้า และเจ้าจะมีชีวิตอีก 6เราจะวางเส้นเอ็นไว้บนเจ้า จะทำให้เนื้อขึ้นมา จะเอาหนังมาคลุมไว้ จะใส่จิตในเจ้า และเจ้าจะมีชีวิต แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราเป็นพระยาห์เวห์’” 7ข้าพเจ้าจึงประกาศพระวาจาตามที่ข้าพเจ้าได้รับพระบัญชา ขณะที่ข้าพเจ้าประกาศพระวาจาอยู่นั้น ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงกรุกกริก และเห็นกระดูกเหล่านั้นเข้ามาต่อติดกัน 8ข้าพเจ้ามองดูก็เห็นเส้นเอ็นอยู่เหนือกระดูก มีเนื้อขึ้นมา และหนังก็มาหุ้มไว้ แต่ยังไม่มีจิตในร่างเหล่านั้น 9แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงประกาศพระวาจาแก่จิตเถิด บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงประกาศพระวาจาและบอกจิตว่า ‘พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ จิตเอ๋ย จงมาจากทิศทั้งสี่และพ่นเข้าไปในผู้ที่ถูกฆ่าเหล่านี้ ให้เขามีชีวิตอีก’” 10ข้าพเจ้าประกาศพระวาจาตามพระบัญชา จิตก็เข้ามาในร่างเหล่านั้น เขาก็มีชีวิตและยืนขึ้น เป็นกองทัพใหญ่มหึมาจริงๆ

11แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย กระดูกเหล่านี้คือพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหลาย ดูซิ เขาทั้งหลายพูดว่า ‘กระดูกของเราแห้ง ความหวังของเราสูญหายไป พวกเราถูกทำลายจนหมดสิ้นแล้ว’ 12เพราะฉะนั้น จงประกาศพระวาจาและบอกเขาว่า พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ดูซิ ประชากรของเราเอ๋ย เรากำลังจะเปิดหลุมฝังศพของท่านและยกท่านขึ้นมาจากหลุมศพ นำท่านกลับมายังแผ่นดินอิสราเอล 13ประชากรของเราเอ๋ย ท่านจะรู้ว่าเราเป็นพระยาห์เวห์ เมื่อเราเปิดหลุมศพของท่าน และยกท่านขึ้นมาจากหลุมศพ 14เราจะให้จิตของเราเข้าไปในท่าน และท่านจะมีชีวิต เราจะให้ท่านตั้งหลักแหล่งในแผ่นดินของท่าน แล้วท่านจะรู้ว่าเราเป็นพระยาห์เวห์ เราได้พูดและได้ทำแล้ว – พระยาห์เวห์ตรัส”

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• “จงประกาศพระวาจา...”

• พ่ออ่านเอเสเคียลบทที่ 37 วันนี้เรื่อง “กระดูกแห้ง” ไร้ชีวิต เหมือนซากศพกองเต็มหุบเขา เปรียบเหมือนอิสราเอลที่สิ้นหวัง ไร้พลัง หมดสภาพ เพราะบาปและความผิด ดูว่า หมดกันสิ้นหวังแล้วจริงๆ เหมือนกองกระดูก เน้น “กระดูกแห้ง” จริงๆ

• พี่น้องอ่านพระคัมภีร์ดีๆ
o เราจะได้เห็นถ้อยคำนี้ สามครั้ง “จงประกาศพระวาจา”
o พระเจ้าสั่งประกาศกเอเสเคียลให้ประกาศพระวาจาแก่กระดูกแห้ง และแก่อิสราเอลที่สิ้นหวัง แล้วการประกาศพระวาจานั้น ทรงพลังและนำชีวิต นำจิตวิญญาณกลับมากสู่กระดูแห้งและสิ้นหวังของอิสราเอล ทำให้กลายเป็นดังกองทัพมหึมาอีกครั้ง...
o เราแกะรอยดูคำสั่งของพระเจ้ากันครับ เราจะพบพระบัญชาหรือคำสั่ง 3 ครั้งว่า “จงประกาศพระวาจา”
1. “จงประกาศพระวาจาเหนือกระดูกเหล่านี้ จงกล่าวแก่กระดูกเหล่านี้ว่า ‘กระดูกแห้งเอ๋ย จงฟังพระวาจาของพระยาห์เวห์เถิด พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่กระดูกเหล่านี้ว่า ดูซิ เราจะนำจิต เข้าไปในเจ้า และเจ้าจะมีชีวิตอีก เราจะวางเส้นเอ็นไว้บนเจ้า จะทำให้เนื้อขึ้นมา จะเอาหนังมาคลุมไว้ จะใส่จิตในเจ้า และเจ้าจะมีชีวิต แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราเป็นพระยาห์เวห์” (ข้อ 4-6)
2. “จงประกาศพระวาจาแก่จิตเถิด บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงประกาศพระวาจาและบอกจิตว่า ‘พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ จิตเอ๋ย จงมาจากทิศทั้งสี่และพ่นเข้าไปในผู้ที่ถูกฆ่าเหล่านี้ ให้เขามีชีวิตอีก’” (ข้อ 9)
3. “จงประกาศพระวาจาและบอกเขาว่า พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ดูซิ ประชากรของเราเอ๋ย เรากำลังจะเปิดหลุมฝังศพของท่านและยกท่านขึ้นมาจากหลุมศพ นำท่านกลับมายังแผ่นดินอิสราเอล” (ข้อ 12)

• เมื่ออ่านแล้วทำให้พ่อต้องระลึกจริงๆ ถึงสภาพเหมือน “กระดูกแห้งของประชากรอิสราเอล” ที่เจริญชีวิตอย่างไรจิตวิญญาณยาวนา จนความพินาศมาถึง.. และต้องเนรเทศ ต้องไปเป็นเชลยอย่างน่าอับอายในบาบิโลน ริมแม่น้ำเคบาร์ที่พระเจ้าได้เริ่มตรัสกับเอเสเคียลเพื่อนำการกลับใจ เพื่อประกาศพระวาจา... เพื่อให้พระวาจาของพระเจ้ามีพลังเพื่อฟื้นฟูชีวิตและนำชีวิตกลับมาสู่สภาพที่ดีกว่าที่เคย...

• พ่อทึ่งกับการที่พระเจ้าสั่ง... “จงประกาศพระวาจา”
o พ่อกำลังคิดจริงๆว่า อะไรหนอที่ขาดไปในหมู่เราคริสตชนที่ สิ่งที่เราต้องการเพื่อเติมพลังจิตวิญญาณให้แก่เราคริสตชนให้ประเทศไทยของเราให้มีพลัง ให้มีชีวิต ให้มีจิตของพระเจ้า
o พ่อคิดว่า เราต้องเติมพลังจิตของพระเจ้า จิตวิญญาณแห่งการ “ประกาศข่าวดี”
o พ่อเชื่อว่า สิ่งที่พระสันตะปาปากำลังเน้นมากๆ เน้นให้กับพวกเรา โดยเฉพาะพระสงฆ์ให้ เทศน์ประกาศพระวาจาอย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่นั้น จำเป็น
o พระสันตะปาปาได้เน้น “การประกาศพระวรสารในรูปแบบใหม่” New Evangelization เพื่อประกาศความเชื่อและมอบชีวิตใหม่...

• พ่อเห็นว่า เรื่องกระดูกแห้งในประกาศกเอเสเคียลวันนี้ เตือนพ่อ เตือนเราจริงๆ
o ให้เราต้องหันกลับมากเอาจริงๆ กับการ “ประกาศพระวาจา” ของพระเจ้า ซึ่งถ้าถามจริงๆ ว่าเราเอาจริงๆเอาจังเพียงใด พระสงฆ์ พระสังฆราช ได้เอาจริงเอาจังกับการประกาศ การเทศน์สอน รักการเทศน์สอนเป็นชีวิตจิตใจเพียงใด ทุ่มเทเพียงใด้เพื่อการประกาศพระวาจาในพระคัมภีร์... น่าคิดครับ

• พ่อคิดว่า โลกและสังคมปัจจุบันและบ่อยครั้ง ก็เป็นสังคมคริสตชนของเราเอง ชุมชนวัดด้วยที่กำลังเป็นกองกระดูกแห้ง และแห้งแล้งไร้น้ำแห่งชีวิต เป็นทะเลทรายของโลกปัจจุบัน.. ครับ พระสันตะปาปากิตติคุณเบเนดิกต์ได้สอนไว้ใน “ประตูแห่งความเชื่อ” Porta Fidei พระองค์เน้นว่า โลกเราปัจจุบันกำลังเป็นทะเลทรายของยุคสมัย เราต้องประกาศ เราต้องออกไป ต้องกล้า พาพี่น้องของเราออกจากทะเลทรายไปสู่พุน้ำแห่งชีวิต คือ พระคริสตเจ้า....

• วันนี้เอเสเคียลเน้น เรื่อง การประกาศพระวาจา.. พ่ออยากให้พี่น้องได้อ่านสรุปพระดำรัสเตือนใจ “ความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร” Evangelii Gaudium ที่พระสันตะปาปาเตือนสอนพระสงฆ์ ในเรื่องการเทศน์หน่อยครับ...

• พ่อคิดว่า การเทศน์ของพระสงฆ์ต้องได้รับการหล่อเลี้ยง ฟื้นฟู พัฒนาให้มีประสิทธิภาพ เพื่อนำจิตวิญญาณแห่งพระเจ้ามาสู่พี่น้อง
o ต้องเป็นเหมือนประกาศกเอเสเคียลที่เทศน์ประกาศพระวาจา และทำให้กระดูกแห้งทั้งหุบเขากลับมีชีวิต มีจิตวิญญาณ มีพลัง เหมือนเป็นกองทัพมหึมาแห่งอิสราเอลที่จะต่อสู้กับความชั่วร้ายและความอธรรมทั้งมวล
o คำสอนวันนี้ ต้องบาดลึกในหัวใจของพระสังฆราช พระสงฆ์ และสังฆานุกรทั้งหลายก่อน เพื่อให้พวกเขา ซึ่งทำหน้าที่เทศน์สอนโดยนิตินัย ได้ทำหน้าที่เทศน์สอนประกาศพระวาจาอย่างดีจริงๆ พ่อมีข้อคำสอนที่อยากเชิญชวนให้ทบทวนครับ
o ดังนั้น บรรพชิตทั้งหลายโดยเฉพาะบรรดาพระสงฆ์ของพระคริสตเจ้า และคนอื่นๆ เช่นสังฆานุกร และผู้สอนคำสอน ซึ่งมีหน้าที่ประกาศสั่งสอนพระวาจาตามนิตินัย จึงจำเป็นต้องใกล้ชิดกับพระคัมภีร์ โดยอ่านและศึกษาอย่างลึกซึ้งในรายละเอียดอยู่เสมอ ขออย่าให้ใครในพวกนี้กลายเป็น “ผู้ประกาศพระวาจาของพระเจ้าแก่ผู้อื่นอย่างว่างเปล่าด้วยเสียงเท่านั้น แต่ภายในจิตใจเขามิได้เป็นผู้ฟัง พระวาจาเลย” (น.ออกัสติน) (Dei Verbum ข้อ 25)
o และอีกส่วนหนึ่ง จากคำสอนเตือนใจของพระสันตะปาปาฟรังซิส.. Evangelii Gaudium
o พระสันตะปาปาฟรังซิส...พระองค์ชี้ทางให้อย่างพิถีพิถันมากๆ ในเรื่อง “การเทศน์” เพราะว่านี่เป็นเรื่อสำคัญมากและต้องไม่หลีกเลี่ยงเด็ดขาด (135)
1. บทเทศน์จะต้องสั้นกระชับและหลีกเลี่ยงการทำแบบให้บรรยายหรือการสอนเรียน (138)
2. ต้องเป็นการพูดสื่อสารกันแบบใจถึงใจ หลีกเลี่ยงการสอนแต่ศีลธรรมหรือการประกาศข้อความเชื่อเท่านั้น (142)
3. พระองค์ย้ำความจำเป็นของการเตรียมเทศน์ หมายความว่า ผู้เทศน์ที่ไม่เตรียมก็เป็นคนที่ขาดชีวิตจิต เป็นคนไม่ซื่อสัตย์และไร้ความรับผิดชอบจริง (145)
4. การเทศน์ต้องเน้นการพูดด้านบวกเสมอเพื่อจะได้เป็นการให้ความหวัง โดยไม่ทำให้ผู้ฟังติดบ่วงด้านลบกลับไป (159)
5. การนำเสนอการเทศน์จะต้องเน้น “การประกาศพระวรสาร” ซึ่งต้องมีลักษณะเป็นด้านบวกเสมอ หมายความว่า ผู้ฟังสามารถเข้าถึงได้ง่าย เป็นการโอกาสที่พร้อมจะให้เกิดการเสวนาต่อไป ก่อให้เกิดความมานะ มีการต้อนรับที่อบอุ่นในการเทศน์ และไม่เน้นการตัดสินแบบผู้พิพากษา (165)

• อ่านเอเสเคียลเรื่องกระดูกแห่งกลับมีเนื้อมีเอ็นติดกันและมีชีวิตจิตใจและทรงพลังแล้ว พ่อยอมรับว่าเมื่อผนวกกับคำสอนของพระศาสนจักร และความจำเป็นที่เราต้อง “ประกาศพระวาจา” ในปัจจุบัน พ่อคิดว่า
o พวกเราคริสตชน โดยเฉพาะบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายครับ เราคงต้องหันกลับมาให้การฟื้นฟู ให้ความสำคัญ กับเรื่อง “การประกาศพระวาจา” กันให้มากที่สุดครับ
o ทั้งนี้เพื่อพระศาสนจักร คริสตชน ที่อาจเจอกับความแห้งแล้ง เพราะขาดพระวาจา อาจจะกำลังแห้งแล้งเพราะการประกาศพระวาจาที่ขาดความเอาใจใส่แท้จริงของพวกเราพระสงฆ์เอง... หรือบรรดาครูคำสอน ฯลฯ อาจไม่ได้ใช้พระวาจาของพระเจ้าเป็นหัวใจเพื่อการประกาศข่าวดี เราอาจจะต้องหันกลับมาฟื้นฟู เพื่อเราจะมีชีวิตและมีพลังของพระเจ้าครับ...

• พ่อมีคำถามง่ายๆ เรียบๆ ตรงๆ แรงๆ เพื่อการไตร่ตรอง
1. พี่น้องไปวัด ฟังพระสงฆ์เทศน์ แล้วมีพลังกลับมาไหม มีเลือดเนื้อเป็นคริสตชนที่แสนดีมากขึ้นทุกครั้งทุกวันอาทิตย์หรือไม่
2. หรือคุณพ่อยิ่งเทศน์ เรายิ่งเป็นกระดูกแห้งเข้าไปทุกที... บรรดาพระสงฆ์ผู้เทศน์ทั้งหลาย การประกาศข่าวดีคือเวลาแห่งความสุขและจัดเตรียมที่สุดของพวกเราไหม เราได้เตรียมเทศน์สุดกำลัง สุดความสามารถ และเปี่ยมด้วยการภาวนาด้วยไหม
3. การเทศน์ของพระสงฆ์ เป็นพลังให้เกิดความหวังหรือไม่... พ่อเชื่อว่า พวกเราพระสงฆ์ ต้องทบทวนหน้าที่หลักของเราให้หนักที่สุด เพราะการเทศน์ คือ การประกาศพระวาจาของพระเจ้า และน่าจะเป็นการเทศน์นี้แหละที่หล่อเลี้ยงและทำให้เราคณะสงฆ์ มีชีวิตชีวาก่อนใครๆ จนเราอดไม่ได้ที่จะแบ่งปัน และประกาศ
4. ฟังคุณพ่อทั้งหลายเทศน์แล้ว พี่น้องมีชีวิต มีพลัง เป็นดังกองทัพของพระคริสตเจ้า กองทัพแห่งความรักขนาดมหึมาเพื่อต่อสู้กับความอธรรมในโลกปัจจุบันไหมครับ... พ่อคิดว่า เราต้องร่วมกันฟื้นฟู ปรับปรุง และพัฒนา พ่อเรียกร้องจากบรรดาพระสงฆ์ พระสังฆราชและสังฆานุกรก่อนอื่นใดตามนิตินัยที่พระศาสนจักรสอนไว้ (DV 25)
5. และเราทุกคน คริสตชนทั้งหลายด้วย ขอให้เราพยายามที่จะเป็นผู้ประกาศพระคริสตเจ้าด้วยความรักและความรู้ความเข้าใจต่อพระองค์ในพระวาจาเช่นเดียวกันนะครับ

• พ่อคิดว่าสิ่งที่เราต้องพยายามคือการใกล้ชิดกับพระคัมภีร์ให้มาก จนเรามีพลังของการประกาศข่าวดี... พ่อขอสรุป ด้วยคำสอนของ Dei Verbum ข้อ 25 ดังนี้
o “ในทำนองเดียวกัน สภาสังคายนานี้ขอเตือนอย่างหนักแน่นเป็นพิเศษให้คริสตชนทั้งหลาย โดยเฉพาะสมาชิกในคณะนักบวช อ่านพระคัมภีร์บ่อยๆ เพื่อจะได้เรียนรู้ “ความรู้ล้ำเลิศถึงพระเยซูคริสตเจ้า” (ฟป 3.8) “เพราะการไม่รู้พระคัมภีร์ คือการไม่รู้จักพระคริสตเจ้า” (น.เยโรม)
o ดังนั้น ให้เขายินดีสัมผัสกับตัวบทพระคัมภีร์โดยตรงทางพิธีกรรม ซึ่งอุดมด้วยพระวาจาของพระเจ้า หรือทางการอ่านบำรุงศรัทธา หรือวิธีการอื่นที่เหมาะสมสำหรับการนี้ หรืออาศัยอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งในสมัยนี้แพร่หลายทั่วไปอย่างน่าชื่นชม ทั้งนี้โดยได้รับการเห็นชอบและสนับสนุนจากบรรดาผู้อภิบาลของพระศาสนจักร แต่ให้เขาระลึกด้วยว่าการอ่านพระคัมภีร์จะต้องมีการภาวนาควบคู่อยู่ด้วยเสมอ เพื่อจะเป็นการสนทนาของพระเจ้ากับมนุษย์ เพราะว่า “เราพูดกับพระเจ้าเมื่อเราภาวนา เราฟังพระองค์เมื่อเราอ่านพระวาจา” (น.อัมโบรส)

• พี่น้องที่รักครับ ให้เรารักพระวาจา รักการประกาศพระวาจา เพื่อนำจิตวิญญาณ ชีวิตของพระเจ้า กลับมาสู่ชีวิตของเรา มาเติมเต็มชีวิตของเราด้วยพลังแห่งพระจิตของพระเจ้า พลังแห่งความรักของพระเจ้า เป็นคริสตชน
o พวกเราจะเป็นกองกระดูกแห้งของปัจจุบันกาลไม่ได้นะครับ
o แต่พวกเราต้องมีชีวิตพระเจ้า มีพลังของพระเจ้า เป็นดังกองทัพของพระคริสตเจ้า ติดอาวุธคือความรักเมตตาเต็มพิกัด เพื่อออกไปประกาศความรักของพระเจ้าในปัจจุบันจริงๆครับ ขอพระเจ้าอวยพรครับ

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก