"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“บุตรแห่งมนุษย์จึงเป็นนายเหนือแม้กระทั่งวันสับบาโตด้วย”
 
11. บรรดาศิษย์เด็ดรวงข้าวในวันสับบาโต (2)
 - เมื่ออาบียาธาร์เป็นมหาสมณะเรื่องราวที่พระเยซูเจ้าทรงอ้างถึง เกิดขึ้นในสมัยที่ดาวิดถูกกษัตริย์ซาอูล เบียดเบียน  และในสมัยนั้น ผู้เป็นมหาสมณะไม่ใช่อาบียาธาร์ แต่เป็นอาหิเมเลค ซึ่งกษัตริย์ซาอูลทรงสั่งให้ประหารชีวิต เพราะเขาถูกกล่าวหาว่าได้ช่วยเหลือดาวิดในเหตุการณ์นั้น ส่วนอาบียาธาร์ซึ่งเป็นบุตรของอาหิเมเลค ได้รับตำแหน่งเป็นมหาสมณะหลังจากบิดาถูกประหารชีวิต และได้ปฏิบัติหน้าที่มหาสมณะเป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งกษัตริย์ดาวิดสิ้นพระชนม์  ต่อมา กษัตริย์ซาโลมอนทรงแต่งตั้งศาโดกให้เป็นสมณะแทน (เทียบ 1 ซมอ 21:2-7)  อาบียาธาร์จึงเป็นมหาสมณะตลอดรัชสมัยของกษัตริย์ดาวิด การที่นักบุญมาระโกเล่าเรื่องนี้โดยใช้ชื่ออาบียาธาร์แทนชื่อของบิดาอาหิเมเลค อาจเพราะเป็นที่รู้จักกันดีกว่าในฐานะเป็นมหาสมณะในรัชสมัยของกษัตริย์ดาวิด (เทียบ2 ซมอ 20:25) หรือมิฉะนั้น นักบุญมาระโกเขียนตามธรรมประเพณีอีกสายหนึ่งว่า อาบียาธาร์เป็นบิดาของอาหิเมเลค (เทียบ2 ซมอ 8:17 ฉบับภาษาฮีบรู)

- เสวยขนมปังที่ตั้งถวายซึ่งใครจะกินไม่ได้นอกจากบรรดาสมณะเท่านั้นพระองค์ยังทรงให้ผู้ติดตามกินอีกด้วย”หมายถึงขนมปัง 12 ก้อนที่ถวายแด่พระยาห์เวห์ สมณะนำมาวางบนโต๊ะที่หุ้มด้วยทอง ทุกวันสับบาโตเขาจะนำขนมปังมาเปลี่ยน “ท่านจะต้องวางขนมปังตั้งถวายไว้บนโต๊ะเบื้องหน้าเราตลอดเวลา” (อพย 25:30) และเฉพาะสมณะเท่านั้นที่กินขนมปังเดิมได้ (เทียบ ลนต 24:5-9) 

- แล้วพระเยซูเจ้าทรงเสริมว่าสำนวนนี้ชวนให้คิดว่า พระวาจาที่พระเยซูเจ้าตรัสต่อไปนี้ พระองค์คงจะตรัสในโอกาสอื่น แต่นักบุญมาระโกนำมาใช้ในที่นี้เพื่อเป็นการสรุปเรื่องที่กำลังจะเล่า

- “วันสับบาโตมีไว้เพื่อมนุษย์มิใช่มนุษย์มีไว้เพื่อวันสับบาโต”ทรรศนะของพระเยซูเจ้าเกี่ยวกับธรรมบัญญัติต่างจากทรรศนะของชาวฟาริสี พระองค์ทรงเห็นว่าข้อกำหนดต่าง ๆ ของธรรมบัญญัติซึ่งแสดงพระทัยดีของพระบิดเจ้าต่อมนุษย์ที่พระองค์ทรงรัก พระเจ้าประทานวันสับบาโตแก่มนุษย์และเพื่อมนุษย์ทุกคนรวมทั้งทาส ดังที่ หนังสือเฉลยธรรมบัญญัติกำหนดว่า”วันที่เจ็ดเป็นวันพักผ่อนที่ถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ท่านทั้งหลายพร้อมกับบุตรชายบุตรหญิง บ่าวไพร่ชายหญิง...ดังนี้ บ่าวไพร่ชายหญิงของท่านจะได้พักผ่อนเช่นเดียวกับท่าน จงจำไว้ว่า ท่านเคยเป็นทาสในแผ่นดินอียิปต์ และพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่านทรงใช้พระหัตถ์ทรงฤทธิ์และพระอานุภาพยิ่งใหญ่นำท่านออกจากที่นั่น” (ฉธบ 5:14-15)ในวันสับบาโตผู้รับใช้มีสิทธิ์ที่จะพักผ่อนเช่นเดียวกับเจ้านาย เพราะทุกคนได้รับพระพรจากพระทัยดีของพระเจ้า และพระองค์ทรงมีพระประสงค์ให้ทุกคนเป็นอิสระ

- “วันสับบาโตมีไว้เพื่อมนุษย์” จึงเป็นพระบัญชาเพื่อให้มนุษย์มีความเป็นไปได้และมีความสุขที่จะถวายเกียรติแด่พระเจ้า และมีโอกาสร่วมพิธีกรรมถวายแด่พระเจ้าด้วยใจอิสระ กฏวันสับบาโตจึงต้องเป็นวิธีช่วยมนุษย์ให้ได้รับความศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่วิธีกดขี่ข่มเหงมนุษย์กลุ่มมัคคาบีตีความหมายกฏวันสับบาโตเช่นนี้อยู่แล้วเมื่อตัดสินใจต่อสู้กับศัตรูแม้ในวันสับบาโตถ้าเขาถูกโจมตีในวันนั้น (เทียบ 1 มคบ 2:39-41) แต่ชาวฟาริสีก็ไม่เข้าใจเช่นนี้ ตรงกันข้าม เขาถือว่าการเด็ดรวงข้าวเป็นหนึ่งในงาน 39 ชนิดที่ต้องห้ามทำในวันสับบาโต

- “ดังนั้นบุตรแห่งมนุษย์จึงเป็นนายเหนือแม้กระทั่งวันสับบาโตด้วย”พระเยซูเจ้าทรงประกาศกฏวันสับบาโตที่แสดงความเมตตากรุณาของพระเจ้าผู้ทรงพระประสงค์ให้มนุษย์เป็นอิสระ พระเยซูเจ้าทรงประกาศกฏนี้ด้วยพระอานุภาพ โมเสสเพียงประกาศพระประสงค์ของพระเจ้าที่พระองค์ทรงเปิดเผยแก่เขา กษัตริย์ดาวิดทรงละเมิดกฏห้ามกินขนมปังที่ตั้งถวายแด่พระยาห์เวห์ เพราะความหิวโหยของผู้ติดตามเป็นเหตุเรียกร้องให้พระองค์ทรงกระทำเช่นนั้น ยิ่งกว่านั้น พระเยซูเจ้าทรงตัดสินพระทัยในฐานะเจ้านายเหนือธรรมบัญญัติ เพราะพระองค์ทรงเป็น “บุตรแห่งมนุษย์” ผู้ได้รับอำนาจทั้งปวงจากพระเจ้า (เทียบ ดนล 7:13-14; ยน 13:3) พระองค์ทรงมีอำนาจตีความหมายธรรมบัญญัติและกำหนดสิ่งที่ทำได้และทำไม่ได้ในวันสับบาโต ในกรณีนี้  พระเยซูเจ้าทรงตัดสินพระทัยที่จะสอนว่า วันสับบาโตไม่เป็นเพียงวันพักผ่อน แต่เป็นวันระลึกถึงเสรีภาพของมนุษย์ สำหรับชาวฟาริสีอธิบายกฏวันสับบาโตโดยเพิ่มเติมข้อห้ามมากมาย เพราะสิ่งเดียวที่สำคัญสำหรับเขาคือการพักผ่อน แต่พระเยซูเจ้าทรงอธิบายกฏการพักผ่อนในบริบทของธรรมบัญญัติทั้งหมดคือ พระเจ้าตรัสกับประชากรของพระองค์ด้วยความรักเสมอ วันสับบาโตจึงเป็นวันฉลอง