“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

ความวางใจในพระเจ้าa

4 1เอลีฟัสชาวเทมานจึงพูดว่า

          2“ถ้าผู้ใดบังอาจพูดกับท่านสักคำb ท่านจะทนฟังได้ไหม

                    ใครเล่าจะอดใจไม่พูด

          3ท่านเคยสั่งสอนคนมามากแล้ว

                    ท่านได้เสริมกำลังให้มือที่อ่อนเปลี้ย

          4คำพูดของท่านให้กำลังใจคนที่กำลังซวนเซ

                    ทำให้เข่าที่สั่นมั่นคงขึ้น

          5แต่บัดนี้เมื่อถึงคราวของท่าน ท่านก็ท้อใจ

                    เมื่อเหตุร้ายสัมผัสท่าน ท่านก็วุ่นวายใจ

          6ความยำเกรงพระเจ้าเคยให้ความมั่นใจแก่ท่าน

                    ชีวิตที่ดีพร้อมของท่านเคยเป็นความหวังของท่านมิใช่หรือ

          7จงระลึกเถิดว่า ผู้ไร้ความผิดคนใดบ้างเคยพินาศ

                    ที่ใดบ้างคนชอบธรรมถูกทำลาย

          8ตามที่ข้าพเจ้าเคยเห็น ผู้ที่ไถความชั่วร้าย

                    และหว่านความวุ่นวาย ก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น

          9เขาจะพินาศด้วยพระปราณของพระเจ้า

                    เขาจะถูกทำลายด้วยลมของพระพิโรธ

          10แม้สิงโตจะคำราม แม้สิงโตดุร้ายจะส่งเสียงร้อง

                    พระเจ้าก็ทรงหักฟันของลูกสิงโต

          11สิงโตพินาศเพราะขาดเหยื่อ

                    ลูกของแม่สิงโตกระจัดกระจายไป

          12ข้าพเจ้าได้รับการเปิดเผยโดยไม่มีผู้ใดรู้เห็นc    

                    มีเสียงหนึ่งมากระซิบที่หูของข้าพเจ้า

          13เมื่อข้าพเจ้าฝันร้ายเวลากลางคืน

                    เมื่อทุกคนนอนหลับสนิท

          14ความครั่นคร้ามจนตัวสั่นมาเหนือข้าพเจ้า

                    ทำให้กระดูกทุกชิ้นของข้าพเจ้าหวั่นไหว

          15มีลมพัดผ่านหน้าข้าพเจ้า

                    ขนก็ลุกชันตามตัวข้าพเจ้า

          16มีผู้หนึ่งยืนที่นั่น ข้าพเจ้าจำไม่ได้ว่าเป็นใคร

                    แต่รูปร่างของเขาอยู่ต่อหน้าต่อตาข้าพเจ้า

          แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงเบาๆ ว่า

          17‘มนุษย์เป็นผู้ชอบธรรมมากกว่าพระเจ้าได้หรือ

                    มนุษย์เป็นผู้บริสุทธิ์มากกว่าพระผู้สร้างเขาได้หรือ

          18ดูซิ พระองค์ไม่วางพระทัยต่อผู้รับใช้ของพระองค์

                    ทรงพบข้อบกพร่องแม้ในทูตสวรรค์d

          19พระองค์ยิ่งจะทรงพบข้อบกพร่องในมนุษย์ผู้อาศัยในบ้านที่สร้างจากโคลน

                    ผู้มีรากฐานอยู่ในฝุ่นดิน

          และผู้ถูกขยี้ง่ายกว่ามอดสักเพียงใด

          20เขาถูกทำลายระหว่างเวลาเช้าและเวลาเย็น

                    เขาพินาศตลอดไปโดยไม่มีผู้ใดสนใจe

          21ถ้าสายยึดกระโจมถูกดึงออกไปจากเขา

                    เขาก็ตายก่อนที่จะมีปรีชาญาณ’”f

 

4 a เอลีฟัสพูดอย่างแข็งขัน ยืนยันคำสอนที่เคยเชื่อถือกันตลอดมาว่าพระเจ้าประทานบำเหน็จรางวัลความดีและทรงลงโทษความชั่ว ถ้าจะพูดไปแล้ว ความเห็นเช่นนี้ยืนยันความเชื่อว่าพระเจ้าแห่งพันธสัญญาทรงพระญาณเอื้ออาทรและทรงยุติธรรม แม้ผู้ประพันธ์ยังสงสัยว่าทฤษฎีนี้ใช้ได้เสมอไปหรือไม่ เขาก็ย้ำคำสอนนี้อย่างแข็งขัน

b “ถ้าผู้ใดบังอาจพูดกับท่านสักคำ” แปลตามตัวอักษรว่า “ถ้าผู้ใดพยายามพูด...” บางคนแปลตามสำนวนแปลโบราณของ Aquila, Symmachus และ Theodotion ว่า “ถ้าเราพูดอะไรกับท่าน”

c “ข้าพเจ้าได้รับการเปิดเผยโดยไม่มีผู้ใดรู้เห็น” แปลตามตัวอักษรว่า “ถ้อยคำหนึ่งมาหาข้าพเจ้าอย่างลับๆ” หมายความว่าบุคคลลึกลับผู้หนึ่งจากสวรรค์มาพูดกับข้าพเจ้า (ข้อ 16) และข้าพเจ้าได้ยินคำพูดนั้นขณะที่หลับสนิท (คำ “หลับสนิท” เป็นคำเดียวกับที่ใช้ใน ปฐก 2:21; 15:12) ทำให้ข้าพเจ้าเกิดมีความกลัว วิธีได้รับความรู้เหนือธรรมชาติเช่นนี้ตรงข้ามกับวิธีสอนโดยใช้เหตุผลที่ผู้มีปรีชาใช้กัน แสดงว่าความรู้เหนือธรรมชาตินี้เป็นวิวัฒนาการของความรู้ตามธรรมชาติ อย่างน้อยในแวดวงของบางคน แต่การเปิดเผยความลับที่เอลีฟัสอ้างว่าเขาได้รับนี้ไม่ได้มีลักษณะเหมือนกับประสบการณ์ของบรรดาประกาศก ซึ่งตามปกติได้รับฟังพระวาจาขณะที่ตื่นอยู่ และไม่เหมือนกับวิธีการที่บุตรสิราจะมีประสบการณ์ในภายหลัง (บสร 39:1-15) ด้วย การเปิดเผยที่เอลีฟัสกล่าวถึงนี้เกี่ยวข้องกับความฝันและนิมิตเวลากลางคืน (ดู ศคย 1:8) การเปิดเผยเช่นนี้ก่อให้เกิดความกลัว ซึ่งเป็นลักษณะการเขียนภาษาสัญลักษณ์แบบ “วิวรณ์” เพื่อเน้นเหตุการณ์ที่กล่าวถึง (ดู ดนล 4:2; 5:5-6)

d “ผู้รับใช้ของพระเจ้า” ก็คือ “ทูตสวรรค์” ถ้าทูตสวรรค์ซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้ายังมีความบกพร่อง ก็สาอะไรกับมนุษย์ซึ่งเป็นเพียงวัตถุธาตุที่เสื่อมสลายได้ง่าย จะไม่มีข้อบกพร่องอะไรเลย

e “ไม่มีผู้ใดสนใจ” บางคนแปลโดยคาดคะเนว่า “ไม่มีผู้ใดนำเขากลับมา”

f “ถ้าสายยึดกระโจมถูกดึงออกไปจากเขา เขาก็ตายก่อนที่จะมีปรีชาญาณ” การดึงสายยึดกระโจมออกหมายถึงการรื้อกระโจมและย้ายไปอยู่ที่อื่น บริบทของข้อความในข้อนี้คือ ชีวิตมนุษย์นั้นสั้นและไม่แน่นอน (เหมือนกระโจมที่ต้องย้ายที่อยู่ตลอดเวลา) จึงไม่มีเวลามากพอที่จะแสวงหาปรีชาญาณ (ดู สดด 90:12) และปรีชาญาณเล็กน้อยที่เขาอาจหามาได้นั้นก็ไม่อาจต่อต้านความตายได้

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก