“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

12 1aจงระลึกถึงพระผู้สร้างของท่านขณะที่ท่านยังเยาว์วัย

                    ก่อนที่วันเลวร้ายจะมา

          และเวลาจะมาถึง เมื่อท่านจะต้องพูดว่า

                    “ข้าพเจ้าไม่มีความสนุกเลย”

          2เวลานั้นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวทั้งหลายจะอับแสงสำหรับท่าน

                    และท้องฟ้าจะมีเมฆปกคลุมอยู่เสมอ

          3เวลานั้นแขนของท่านที่ปกป้องท่านไว้จะสั่นสะท้าน

                    ขาของท่านที่เคยค้ำจุนท่านจะอ่อนล้า

          ฟันจะลดจำนวนลงจนเคี้ยวอาหารไม่แหลก

                    นัยน์ตาของท่านจะฝ้าฟางจนเห็นไม่ชัดb

          4หูของท่านจะตึงจนไม่ได้ยินเสียงอึกทึกจากถนน

                    ท่านจะไม่ได้ยินเสียงโม่แป้ง

          เสียงนกร้องและเสียงของท่านจะอ่อนลงและสั่นเครือc

          5ท่านจะกลัวที่สูง และแต่ละก้าวก็มีอันตรายที่จะหกล้ม

                    ผมของท่านจะหงอกขาวเหมือนดอกอัลมอนด์

          ท่านเดินแทบจะไม่ไหว

                    และความปรารถนาใดๆ จะหมดสิ้นไป

          ท่านจะไปสู่ที่พำนักถาวร

                    ขณะที่มีผู้ร้องไห้และไว้ทุกข์ตามถนนd

          6ก่อนที่สายเงินจะขาดe

                    ตะเกียงทองคำจะล้มแตก

          เหยือกน้ำจะแตกที่พุน้ำ

                    ล้อเชือกตักน้ำจะตกลงไปในบ่อ

          7ร่างกายของท่านจะกลายเป็นฝุ่นดินดังเดิม

                    และลมปราณจะกลับไปหาพระเจ้า

ผู้ประทานลมปราณแก่ท่านf

          8ปัญญาจารย์พูดว่า “ไม่เที่ยงแท้ที่สุด

ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงแท้”g

 

บทสรุปh

          9นอกจากจะเป็นผู้มีปรีชาแล้ว ปัญญาจารย์ยังสอนความรู้ให้ประชาชนอีกด้วย เขาได้ใคร่ครวญ ค้นคว้า และเรียบเรียงสุภาษิตจำนวนมาก 10ปัญญาจารย์ได้พยายามแสวงหาถ้อยคำที่น่าฟังและเขียนถ้อยคำแห่งความจริงไว้อย่างถูกต้อง

          11ถ้อยคำของบรรดาผู้มีปรีชาเป็นเหมือนปฏัก สุภาษิตต่างๆ ที่รวบรวมไว้เป็นเหมือนหมุดที่ปักแน่น ซึ่งผู้เลี้ยงแกะผู้เดียวให้เราไว้i

          12ยิ่งกว่านั้น ลูกเอ๋ย จงระวังให้ดีเถิด มีผู้เขียนหนังสือไว้มากมายไม่มีที่สิ้นสุด แต่การเรียนมากทำให้ร่างกายเหน็ดเหนื่อย

          13โดยสรุป เมื่อลูกได้ฟังเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว จงยำเกรงพระเจ้าและปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ เพราะสิ่งนี้เป็นหน้าที่jของมนุษย์ทุกคน 14พระเจ้าจะทรงพิพากษาทุกสิ่งที่เราทำ ทั้งกิจการดี กิจการเลว และกิจการที่ซ่อนเร้น

 

12 a บทประพันธ์บทนี้ไพเราะมาก แสดงถึงอารมณ์ลึกๆ และความเสียดาย บรรยายถึงวัยชรา โดยส่วนใหญ่ใช้ภาพพจน์เปรียบเทียบ แต่ก็ไม่ง่ายเสมอไปที่จะเข้าใจความหมายของภาพเปรียบเทียบได้ถูกต้อง ความหมายแบบหนึ่งซึ่งพวกธรรมาจารย์มักจะใช้อธิบาย เข้าใจว่าบทประพันธ์นี้หมายถึงส่วนต่างๆ ของร่างกาย (ดูโดยเฉพาะข้อ 3 – แขน ฟัน ตา) ในที่นี้เราแปลภาพเปรียบเทียบตามความคิดเช่นนี้ แต่บางคนไม่เห็นด้วยกับการอธิบายแบบนี้ เขาเห็นว่าบทประพันธ์บทนี้อาจเป็นการบรรยายถึงวัยชราว่าเป็นเหมือนฤดูหนาวของชีวิต แต่เป็นฤดูหนาวที่ไม่มีฤดูใบไม้ผลิตามมาเหมือนกับในธรรมชาติ

b คำแปลตามตัวอักษรของบทประพันธ์เป็นดังนี้

            2ก่อนที่ดวงอาทิตย์ แสงสว่าง ดวงจันทร์ และดวงดาวทั้งหลายอับแสง

            และเมฆกลับมาเมื่อหมดฝนแล้ว

            3เมื่อผู้เฝ้าบ้านสั่นสะท้าน และคนแข็งแรงจะหลังงอ

            หญิงโม่แป้งจะเลิกทำงาน เพราะมีจำนวนลดลง

            ผู้ที่เยี่ยมหน้าต่างก็มองเห็นไม่ชัด

c ข้อ 4 แปลตามตัวอักษรว่า

            4และประตูที่เปิดสู่ถนนจะปิด เมื่อเสียงโม่เพลาลง

            เสียงนกร้องจะปลุกให้ลุกขึ้น และเสียงเพลงก็เบาลง

d ข้อ 5 แปลตามตัวอักษรว่า

            5เมื่อเขาจะกลัวที่สูงและอันตรายตามถนน

            เมื่อต้นอัลมอนด์จะออกดอก และตั๊กแตนจะคลานอย่างช้าๆ

            ผลต้นพริกจะหมดรสชาติ

            เพราะมนุษย์กำลังไปยังที่พำนักถาวรของตน

            และผู้ไว้ทุกข์เดินไปมาตามถนน

e “จะขาด” แปลโดยคาดคะเนตามสำนวนแปลภาษาซีเรียคและของ Symmachus ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ถูกนำไปเสีย”

f ส่วนที่มาจากดินของมนุษย์ย่อมกลับไปเป็นดินอีก แต่เนื่องจากในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดทำให้มนุษย์พอใจได้ บุคลิกทั้งหมดของมนุษย์จึงไม่ได้มาจากโลกนี้ สิ่งที่มาจากพระเจ้าจึงกลับไปหาพระเจ้า

g หนังสือปัญญาจารย์จบด้วยถ้อยคำที่เริ่มต้น “ปัญญาจารย์พูดว่า ‘ไม่เที่ยงแท้ที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงแท้’” หนังสือนี้สอนผู้อ่านว่าเขาไม่มีค่าอะไร แต่ก็สอนถึงความยิ่งใหญ่ของเขาด้วย โดยชี้ให้เห็นว่าโลกนี้ไม่เหมาะกับเขา ปัญญาจารย์ปลุกผู้อ่านให้นับถือศาสนาโดยไม่หวังผลประโยชน์ และให้อธิษฐานภาวนาอย่างสิ่งสร้างที่สำนึกถึงความว่างเปล่าของตน จึงนมัสการพระธรรมล้ำลึกของพระเจ้า (เทียบ สดด 39)

h บทสรุปเป็นภาคผนวกที่ไม่ได้มาจากมือของผู้เขียนหนังสือปัญญาจารย์ อาจเป็นผลงานของศิษย์คนหนึ่งของปัญญาจารย์ เพราะบทสรุปนี้เป็นคำชมปัญญาจารย์ แต่งขึ้นในลีลาการเขียนแบบเดียวกัน (ดูข้อ 12-14)

i “ปฏัก” ใช้เพื่อไล่สัตว์ให้เดินไปข้างหน้า “หมุด” เป็นหลักปักเพื่อผูกสัตว์ไว้ คนเลี้ยงสัตว์ใช้ของทั้งสองอย่างนี้ตามความจำเป็น ไม่ใช่ตามใจชอบ เพื่อประโยชน์ของฝูงสัตว์ “ผู้เลี้ยงแกะ” อาจเป็นการกล่าวพาดพิงถึงโมเสส บางคนคิดว่าเป็นการกล่าวพาดพิงถึงกษัตริย์ซาโลมอนหรือพระเจ้า ตัวบทอาจไม่สมบูรณ์ก็ได้

j “หน้าที่” แปลโดยคาดคะเน คำนี้ไม่มีในต้นฉบับภาษาฮีบรู

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก