“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันจันทร์ที่ 18 เมษายน 2016

สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลปัสกา 

ธรรมเนียมแท้จริง คือ ความรัก ความรักไม่มีพรมแดน....

กจ 11:1-18
1บรรดาอัครสาวกและพี่น้องที่อยู่ในแคว้นยูเดียรู้ว่าคนต่างศาสนาได้ยอมรับพระวาจาของพระเจ้าด้วย 2เมื่อเปโตรขึ้นไปที่กรุงเยรูซาเล็ม บรรดาผู้มีความเชื่อที่เข้าสุหนัตตำหนิเขา 3ถามว่า “ทำไมท่านเข้าไปในบ้านของผู้ที่ไม่ได้เข้าสุหนัตและกินอาหารร่วมกับเขาเล่า” 4เปโตรจึงเริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เขาฟังตามลำดับว่า 5”วันหนึ่ง ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังอธิษฐานภาวนาอยู่ที่เมืองยัฟฟา ข้าพเจ้าเข้าสู่ภวังค์และเห็นนิมิต สิ่งหนึ่งคล้ายผ้าผืนใหญ่ ถูกมัดไว้ทั้งสี่มุมกำลังถูกหย่อนลงจากท้องฟ้า มาที่ข้าพเจ้า

6ข้าพเจ้าจ้องดูสิ่งนั้นอย่างตั้งใจ ก็เห็นนกในท้องฟ้า และสัตว์สี่เท้าของแผ่นดิน คือ สัตว์สี่เท้า สัตว์ป่าและสัตว์เลื้อยคลาน 7ข้าพเจ้าได้ยินเสียงหนึ่งกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “เปโตรเอ๋ย จงลุกขึ้น ฆ่าสัตว์เหล่านี้กินซิ” 8ข้าพเจ้าทูลตอบว่า “ทำไม่ได้ พระเจ้าข้า เพราะสิ่งมีมลทินและไม่สะอาดไม่เคยเข้าปากข้าพเจ้าเลย” 9เสียงจึงตอบจากท้องฟ้าเป็นครั้งที่สองว่า “สิ่งที่พระเจ้าทรงชำระให้สะอาดแล้ว ท่านอย่าเรียกว่ามีมลทินเลย” 10เสียงจากท้องฟ้านี้เกิดขึ้นถึงสามครั้ง แล้วทุกสิ่งก็ถูกดึงขึ้นไปบนท้องฟ้า

11”ทันใดนั้นมีชายสามคนมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านที่ข้าพเจ้าพัก เขาถูกส่งจากเมือง ซีซารียามาพบข้าพเจ้า 12พระจิตเจ้าทรงบอกข้าพเจ้าให้ไปกับเขาโดยไม่ต้องลังเล พี่น้องหกคนเหล่านี้ไปพร้อมกับข้าพเจ้าด้วย เราเข้าไปในบ้านของโครเนลิอัส 13เขาเล่าให้เราฟังว่า เขาเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งปรากฏมาในบ้านของเขาพูดว่า “จงส่งคนไปที่เมืองยัฟฟา ไปเชิญซีโมนที่รู้จักกันในนามว่าเปโตรมาที่นี่ 14เขาจะกล่าวถ้อยคำที่จะนำความรอดพ้นมาให้ท่านและทุกคนในครอบครัวของท่าน”

15”ขณะที่ข้าพเจ้าเริ่มพูด พระจิตเจ้าก็เสด็จลงมาเหนือเขาเหล่านั้น เหมือนกับที่ได้เสด็จลงมาเหนือเราในตอนแรก 16ข้าพเจ้าจึงระลึกถึงพระวาจาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ว่า “ยอห์นทำพิธีล้างด้วยน้ำ แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับการล้างเดชะพระจิตเจ้า” 17ในเมื่อพระเจ้า ประทานพระพรแก่เขาเช่นเดียวกับที่ประทานแก่เรา ผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าเป็นใครเล่าที่จะขัดขวางพระเจ้าได้”

18เมื่อได้ยินดังนี้ ทุกคนก็เลิกคัดค้าน แต่สรรเสริญพระเจ้าว่า “ถ้าเป็นเช่นนี้ พระเจ้าก็ประทานให้คนต่างศาสนากลับใจมารับชีวิตด้วยเช่นเดียวกัน”

อรรถาธิบายเปรียบเทียบ
• เคยได้ยินเพลงเก่าแก่เพลงหนึ่งสมัยเป็นเด็กคุ้นหูมาก เป็นเพลงเล่าเรื่องความรัก ชื่อ “บุพเพสันนิวาส” มีทำนองคำร้องเพราะครับ
o ตอนหนึ่งคือ “ความรักศักดิ์ศรี รักไม่มีพรมแดน รักไม่มีศาสนา....”
o จำได้ว่าได้ยินบ่อยมากๆ และชอบตอนนี้ ดูเหมือนว่าความรักของมนุษย์อันที่จริง ไม่มีพรมแดน ไม่มีเขตกัน ไม่มีแม้แต่ศาสนาแปลว่า ศาสนาไหนๆต่างกันแค่ไหนก็รักกันได้ครับ...

• วันนี้คิดถึงเพลงนี้เพราะมาเข้าใจตอนนี้จริงๆ ศาสนาที่ยิ่งใหญ่คือศาสนาที่มีความรักเสมอ และความรักหรือเมตตา ก็เป็นธรรมชาติเสมอ

• ขณะเดียวกันพ่อก็คิดถึงการสร้างศาสนาเท็จเทียมเพื่อปกครองควบคุม อ้างความเชื่อลุ่มหลงและก่อความรุนแรงแบบขาดความรัก...
o ศาสนาแท้ขาดความรักไม่ได้ ไม่มีความรักต่อชีวิตมนุษย์เมื่อใด...นั่นไม่ใช่ศาสนาแต่เป็นความบ้าคลั่งที่อ้างศาสนา เป็นความงมงายอย่างเป็นระบบที่น่าเกลียดชังที่สุด...
o เมื่อใดก็ตามที่มีการอ้างศาสนาเพื่อทำลายชีวิตมนุษย์... โอ...นั่นคือความเป็นศาสนาเท็จเทียมเป็นที่ยิ่ง ไม่ได้มีพระเจ้าเที่ยงแท้แต่เป็นพระเท็จเทียมที่พระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมมักจะเรียกว่าเป็น “พระเท็จเทียมที่เหมือนนกโสโครกและอัปยศที่สุด เป็นสิ่งที่เรียกว่า น่าสะอิดสะเอียนของความงมงายและเรียกตนเองว่าเป็นศาสนาหรือเทพเจ้า ในพระคัมภีร์มีเยอะครับ โดยเฉพาะการบูชาพระเท็จเทียมแบบพระนางเยเซเบล...คือความโสโครกและหมักหมมทางความคิดงมงายและความชั่วร้ายที่สั่งสมอย่างเป็นระบบที่หล่อหลอมให้ลุ่มหลงงงงวยกันไป” ธรรมเนียมต่างๆ มากมายก็ไม่สำคัญเท่ากับความรักจริงๆ นะครับ

• อ่านพระวาจาและคิดถึงความจริงของศาสนาวันนี้ พ่อก็มาถึงบางอ้อจริงๆ “Deus Caritas Est” พระเจ้าเป็นความรัก ผู้ที่อยู่ในความรักก็อยู่ในพระเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นความรัก...
o คำสอนจากจดหมายนักบุญยอห์นฉบับที่หนึ่ง ใช่แล้ว พระเจ้าเป็นความรัก
o ความรักของพระเจ้าไม่มีพรมแดนจริงๆ
o พระองค์รักมนุษย์ทุกคน
o เพราะพระองค์เป็นความรัก “รักไม่มีพรมแดน” จริงๆ พระเจ้ารัก พระเยซูเจ้าทรงรักและข่าวดีของพระองค์ไม่มีพรมแดนแห่งธรรมเนียมประเพณีใดๆมาขวางกันความรักได้เลย ความรักทะลุทะลวงหัวใจจริงๆ

• ธรรมเนียมของชาวยิวมีมากมาย ลายละเอียดมหาศาล แต่ข่าวดีเรื่องพระเยซูเจ้า และการสถิตอยู่ของพระจิตเจ้า “ความรัก” ไม่มีอะไรขวางกันได้
o เรื่องการกิน การดื่ม ธรรมเนียมยิวสมัยพระเยซูเจ้า มีมากเหลือเกิน ทำอะไรก็ต้องระวังเพราะจะเป็นมลทิน
o แต่อันที่จริง พระเจ้าตรัสกับเปโตรที่เมืองจัฟฟา “สิ่งที่พระเจ้าทรงชำระให้สะอาดแล้ว ท่านอย่าเรียกว่ามีมลทินเลย”....

• อ่านกิจการอัครสาววันนี้แล้วเข้าใจจริงๆ ครับ
o ไม่มีธรรมเนียมของมนุษย์ใดๆ เหนือกว่าพระเจ้าได้เลย พระเจ้าเป็นความรัก ธรรมเนียมในศาสนามักมีมากมายเรื่องการกินการดื่ม ระเบียบห้ามโน่นนี่นั่นนี้นู่นโน้นเน้นๆๆๆ กันเข้าไป ล้างมือ ล้างเท้า (แต่ไม่ค่อยล้างปากล้างใจ) เอากันเข้าไป... เยอะ เยอะมาก
o พี่น้อที่รัก... พ่อมั่นใจจากพระคัมภีร์ จากพระเยซูเจ้า...
o ธรรมเนียมหรือวัฒนธรรมของพระเจ้ามีเพียงประการเดียวครับ “ธรรมเนียมหรือวัฒนธรรมแห่งความรัก” (Civilization of Love)
o ความรักสามารถ ไม่มีพรมแดน พระเจ้า พระจิตเจ้าสถิตอยู่ทุกแห่ง กับทุกคน เพียงแต่เราต้องแสวงหาพระองค์ด้วยจริงใจ และหัวใจที่เปิดกว้าง
o และที่สำคัญ ยอมรับการเผยแสดงของพระองค์ในพระวาจา ในพระศาสนจักร และในชีวิตที่เปี่ยมด้วยความรักของพระเจ้าครับ....

• การประกาศพระวาจาของพระเยซูเจ้า “พระเจ้าองค์ความรัก” จึงไม่มีธรรมเนียมใดๆ ปิดกันได้ เพราะความรักคือธรรมชาติจริงๆ ครับ
o เราถูกสร้างมาเพื่อรักพระองค์ รักเพื่อนมนุษย์ ไม่ใช่เพื่อเกลียดชังแน่นอนครับ แม้แต่ลูกโจรที่ร้ายกาจที่สุด เกิดมาเขายังรักโจรผู้พ่อเลยครับ แสดงว่า คนเราเกิดมาพร้อมกับความรัก เพื่อความรักจริงๆ...
o แต่ความเห็นแก่ตัวก็ใช่ย่อย มันคล้ายความรักมากๆจริงๆ เป็นความปลอมของความรักที่ปลอมได้เกือบเหมือนจริงแต่เลวและเทียมสุดๆ จนบางทีแยกกันไม่ออก
o ความรักที่ปลอมคือความรักแต่ตัวเองคนเดียว “เห็นแก่ตัว”
o แต่ความรักแท้คือรักตนเองและรักผู้อื่นเหมือนรักตนเอง หรือบางทียอมตายได้เพื่อคนที่รัก นั่นคือรักแท้ และพระเยซูเจ้าก็เป็นเช่นนั้น “ยอมตายเพื่อเรา”

• อ่านพระวาจาวันนี้นะครับ จะรู้ว่า รักของพระเจ้า ไม่มีพรมแดน ไม่มีธรรมเนียมมากมาย ความรักมาจากพระเจ้าเพราะพระเจ้าเป็นความรักครับ....และพระจิตของพระเจ้าองค์ความรัก สถิตเหนือทุกคนที่แสวงหาพระองค์

• ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านให้การประกาศข่าวดีด้วยชีวิตเกิดขึ้นทุกวัน คือรักเพื่อนพี่น้องทุกวันจริงๆ ไม่ปลอมๆ นะครับ

วันนี้พ่ออยากให้อ่านการฟื้นฟูการประกาศข่าวดีใหม่... จากกฤษฎีกาสมัชชาฯฉบับที่รอทางสันตะสำนักอนุมัติแล้วครับ... น่าสนใจ ชีวิตศาสนาที่ต้องฟื้นฟู

บทที่ 4 ขอบฟ้าเพื่อฟื้นฟูการประกาศข่าวดีขึ้นใหม่

พระศาสนจักรที่ยากจนเพื่อคนยากจน

26. พระศาสนจักรต้องเลือกอยู่ข้างคนยากจนเป็นอันดับแรก เรื่องนี้จะต้องเป็น “เทววิทยาชีวิต” (Theology of life) ของพระศาสนจักรมากกว่าเป็นเพียงความคิดหรืองานบริการสังคม การเลือกเช่นนี้เป็นวิถีชีวิตของพระศาสนจักรที่ต้องไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอื่น เรื่องนี้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงเลือกที่จะฟื้นฟูพระศาสนจักรอย่างจริงจังให้อยู่ข้างคนยากจน โดยให้พระศาสนาจักรดำเนินชีวิตยากจนเพื่อคนยากจน พระคริสตเจ้าทรงเป็นต้นแบบที่ล้ำค่าที่สุดในเรื่องการถ่อมพระองค์ลงมา ทรงบังเกิดอย่างยากจน ทรงทิ้งความร่ำรวยสูงสุด ลงมารับสภาพดุจทาสเป็นมนุษย์เหมือนเรา และทรงรักมนุษย์จนกระทั่งยอมสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อกอบกู้พวกเขาให้รอดพ้น (เทียบ ฟป 2: 7-8)
พระศาสนจักรต้องไม่สะสมความร่ำรวย และสถาบันของพระศาสนจักรต้องเป็นประจักษ์พยาน ต้องปรับเปลี่ยนตนเองให้มีพื้นที่ที่เปิดกว้างต้อนรับคนยากจน พระสังฆราช พระสงฆ์ นักบวชและคริสตชนทุกคนต้องเลือกที่จะดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย สมถะ พอเพียง มีเมตตากรุณา รักและรับใช้ อยู่เคียงข้างคนจน เน้นความยุติธรรมในสังคม กล้าละทิ้งความสะดวกสบายและความมั่นคงส่วนตน เพื่อเป็นประจักษ์พยานที่มีประสิทธิภาพและประกาศข่าวดีได้อย่างแท้จริง

การเคารพศักดิ์ศรีมนุษย์

27. เพราะ “พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามภาพลักษณ์ของพระองค์ พระองค์ทรงสร้างเขาตามภาพลักษณ์ของพระเจ้า พระองค์ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง” (ปฐก 1: 27) มนุษย์ทุกคนจึงมีคุณค่าและศักดิ์ศรีในฐานะลูกของพระเจ้า ดังนั้น พระศาสนจักรต้องตระหนักว่าพันธกิจรักและรับใช้ด้วยชีวิตที่เป็นประจักษ์พยานจะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อชีวิตและศักดิ์ศรีของมนุษย์ได้รับการเคารพตั้งแต่การปฏิสนธิและสิ้นสุดเมื่อความตายตามธรรมชาติมาถึง พระศาสนจักรมีพันธกิจที่จะต้องปกป้องชีวิต ส่งเสริมชีวิต มุ่งพัฒนาชีวิตและศักดิ์ศรีของมนุษย์แบบองค์รวม โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้โลกเป็นหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง

พระศาสนจักรทุกภาคส่วนต้องมองเห็นความสำคัญและร่วมมือกันปกป้องสิทธิมนุษยชน ยอมรับ ยกย่องให้เกียรติและเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคน โดยส่งเสริมสนับสนุน พัฒนาคุณภาพชีวิต ศักดิ์ศรีและสิทธิของครอบครัว เด็ก เยาวชน สตรี บุรุษ ผู้สูงอายุและสมาชิกกลุ่มพิเศษในสังคม ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ๆ ของความยากจนและความอ่อนแอ เช่น บรรดาผู้อพยพ ผู้ลี้ภัย กลุ่มชาติพันธุ์ ชนพื้นเมือง ผู้ไร้ที่อยู่อาศัย ผู้ติดยาเสพติด ผู้ติดเชื้อ HIV ผู้พิการ ผู้ต้องขัง บรรดาผู้สูงอายุที่อยู่โดดเดี่ยวและถูกทอดทิ้ง เด็กและสตรีที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากสถานการณ์ที่ถูกทอดทิ้ง ถูกทารุณ ถูกทำร้ายด้วยความรุนแรง ถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกละเมิดทางเพศและถูกล่วงละเมิดในรูปแบบอื่นๆ ตลอดจนบุคคลที่ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ และคนไร้สัญชาติ

นอกจากนั้นพระศาสนจักรทุกภาคส่วนยังต้องร่วมมือกันปกป้องสิทธิและช่วยเหลือประชากรที่ประสบปัญหาในมิติต่างๆ เช่น เกษตรกรรายย่อย แรงงานในสถานประกอบการต่างๆ ทั้งในบริบทสังคมชนบทและชุมชนเมือง ฯลฯ พระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทยต้องให้การอภิบาลด้วยการสร้างโอกาส พัฒนาศักยภาพ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาและฟื้นฟูชีวิตของพวกเขาให้มีความภูมิใจในคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เป็นลูกของพระเจ้า ตระหนักในบทบาทและหน้าที่ของตน เพื่อให้บุคคลทั้งหลายนั้นได้ “มีชีวิต และมีชีวิตอย่างสมบูรณ์” (เทียบ ยน 10: 10) มนุษย์และ “ความเป็นมนุษย์ใหม่” ต้องเป็นศูนย์กลางหรือหัวใจสำคัญของชีวิตและพันธกิจของพระศาสนจักร

รักษ์สิ่งสร้าง

28. พระเจ้าทรงมอบหมายให้มนุษย์มีหน้าที่รักษาดูแลโลกและสรรพสิ่งซึ่งเป็น “บ้านส่วนรวม” (Our common home) ของมนุษยชาติ (เทียบ ปฐก 1 ดู Laudato si’) ดังนั้น มนุษย์จึงต้องทำงานร่วมกับพระผู้สร้าง สานต่อกิจการสร้างโลกโดยทำให้สิ่งสร้างสมบูรณ์ มั่นคงและเติบโตอยู่เสมอ เราจึงมีหน้าที่ต้องเคารพและสำนึกรู้คุณต่อพระผู้สร้าง โดยไม่ละเมิดหรือทำลายระบบนิเวศและความงดงามของโลก มีการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติแบบมีส่วนร่วม โดยเอาใจใส่ทำนุบำรุงดูแลและเยียวยาสภาพแวดล้อมด้วยโลกทัศน์และภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อให้เกิดความสมดุลทางธรรมชาติอย่างยั่งยืน เป็นหน้าที่สำคัญของพระศาสนจักรที่จะต้องรับผิดชอบ เอาใจใส่ดูแล รณรงค์ ส่งเสริม ปลูกฝัง และเรียกร้องให้คริสตชนและทุกภาคส่วนของสังคม ตระหนักถึงพันธกิจแห่งการคุ้มครองรักษาโลก ใช้ทรัพยากรต่างๆ อย่างคุ้มค่าโดยคำนึงถึงความดีงามส่วนรวม ทั้งในปัจจุบันและอนาคต

คำถามสุดท้ายสำหรับพ่อวันนี้คือ “เอาจริงป่ะ....พระศาสนจักรที่ยากจนเพื่อคนยากจน เคารพศักดิ์ศรีของมนุษย์ และรักษ์สิ่งสร้าง” เอาจริงป่ะ

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก