“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน 2015
สัปดาห์ที่ยี่สิบสี่ เทศกาลธรรมดา

ลก 7:36-50…
36ชาวฟาริสีคนหนึ่งทูลเชิญพระเยซูเจ้าไปเสวยพระกระยาหารกับเขา พระองค์เสด็จเข้าไปในบ้านของชาวฟาริสีและประทับที่โต๊ะ 37ในเมืองนั้นมีหญิงคนหนึ่งเป็นคนบาป เมื่อนางรู้ว่า พระเยซูเจ้ากำลังประทับร่วมโต๊ะอยู่ในบ้านของชาวฟาริสี จึงถือขวดหินขาวบรรจุน้ำมันหอมเข้ามาด้วย 38นางมาอยู่ด้านหลังของพระองค์ใกล้ๆ พระบาท ร้องไห้จนน้ำตาหยดลงเปียกพระบาท นางใช้ผมเช็ดพระบาท จูบพระบาทและใช้น้ำมันหอมชโลมพระบาท
39ชาวฟาริสีที่ทูลเชิญพระองค์เห็นดังนี้ก็คิดในใจว่า “ถ้าผู้นี้เป็นประกาศก เขาคงจะรู้ว่าหญิงที่กำลังแตะต้องเขาอยู่นี้เป็นใครและเป็นคนประเภทไหน นางเป็นคนบาป”

40พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ซีโมน เรามีเรื่องจะพูดกับท่าน” เขาตอบว่า “เชิญพูดมาเถิด อาจารย์” 41พระองค์จึงตรัสว่า “เจ้าหนี้คนหนึ่งมีลูกหนี้อยู่สองคน คนหนึ่งเป็นหนี้อยู่ห้าร้อยเหรียญ อีกคนหนึ่งเป็นหนี้อยู่ห้าสิบเหรียญ 42ทั้งสองคนไม่มีอะไรจะใช้หนี้ เจ้าหนี้จึงยกหนี้ให้ทั้งหมด ในสองคนนี้ คนไหนจะรักเจ้าหนี้มากกว่ากัน” 43ซีโมนตอบว่า “ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นคนที่ได้รับการยกหนี้ให้มากกว่า” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านตัดสินถูกต้องแล้ว”
44พระองค์ทรงหันพระพักตร์มาทางหญิงผู้นั้น ตรัสกับซีโมนว่า “ท่านเห็นหญิงผู้นี้ใช่ไหม เราเข้ามาในบ้านของท่าน ท่านไม่ได้เอาน้ำมาล้างเท้าให้เรา แต่นางได้หลั่งน้ำตารดเท้าของเราและใช้ผมเช็ดให้ 45ท่านไม่ได้จูบคำนับเรา แต่นางจูบเท้าของเราตลอดเวลาตั้งแต่เราเข้ามา 46ท่านไม่ได้ใช้น้ำมันเจิมศีรษะให้เรา แต่นางใช้น้ำมันหอมชโลมเท้าของเรา 47เพราะเหตุนี้ เราบอกท่านว่าบาปจำนวนมากของนางได้รับการอภัยแล้วเพราะนางมีความรักมาก ผู้ที่ได้รับการอภัยน้อยก็ย่อมมีความรักน้อย” 48แล้วพระองค์ตรัสกับนางว่า “บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว” 49บรรดาผู้ร่วมโต๊ะจึงเริ่มพูดกันว่า “คนนี้เป็นใคร จึงทำได้แม้แต่การอภัยบาป” 50พระองค์ตรัสกับหญิงนั้นว่า “ความเชื่อของเจ้าช่วยเจ้าให้รอดพ้นแล้ว จงไปเป็นสุขเถิด”



อรรถาธิบายและไตร่ตรอง 

• หญิงคนนี้เป็นใครจริงๆ เราไม่ทราบครับ... ไม่ใช่มารีย์ชาวมักดาลา หรอกครับ แต่มีข้อเท็จจริงๆ ที่เราต้องแกะรอยหาความจริงจากพระวรสารเกี่ยวกับเรื่องการที่มีหญิงคนหนึ่ง ที่ทำเช่นนี้ เธอได้เข้ามพร้อมกับน้ำมันหอมสมุนไพรเขามาชะโลมพระบาทพระเยซูเจ้า พระวรสารหลายเล่มที่ได้บันทึกเรื่องนี้

o มาระโก บอกว่า เป็นหญิงคนหนึ่งที่เข้ามาพร้อมกับขวดน้ำมันหอม ทุบขวดหินสีขาวนั้น และชโลมน้ำมันหอมลงบนพระเศียรพระเยซูเจ้า เป็นเครื่องหมายถึงการเจิมประกาศว่าพระเยซูคือพระคริสตเจ้าหรือพระแมสซียาห์ (มก 14:3ff)

o ยอห์น บันทึกว่าเหตุการณ์นี้เกิดที่บ้านของลาซารัส และหญิงคนที่เข้ามาชโลมพระองค์คือมารีย์น้องสาวของลาซารัส (ดู ยน 12)

• ส่วนที่นี่คือลูกา ลูกาบันทึกว่า นี่เป็นบ้านของฟาริสีที่เชิญพระองค์มารับประทานอาหารที่บ้าน และลูกาได้บันทึกว่า ที่เมืองนี้มีหญิงคนบาป ย้ำว่า “ลูกาเน้นว่านางคือคนบาป” แต่ภาพที่ลูกาบันทึกน่าสนใจทุกๆช่วงของเหตุการณ์จริงๆ

o ในเมืองนั้นมีหญิงคนหนึ่งเป็นคนบาป เมื่อนางรู้ว่า พระเยซูเจ้ากำลังประทับร่วมโต๊ะอยู่ในบ้านของชาวฟาริสี จึงถือขวดหินขาวบรรจุน้ำมันหอมเข้ามาด้วย 

o นางมาอยู่ด้านหลังของพระองค์ใกล้ๆ พระบาท ร้องไห้จนน้ำตาหยดลงเปียกพระบาท นางใช้ผมเช็ดพระบาท จูบพระบาทและใช้น้ำมันหอมชโลมพระบาท

• เราต้องจินตนาการตีความนิหน่อยครับ.. การนั่งรับประทานอาหารในบ้านของชาวยิวสมัยพระเยซูเจ้า คือ การนั่งครึ่งนั่งครึ่งเอนกายกึ่งๆนอนข้างโต๊ะเตี้ยๆ แบบทุกคนสุมหัวกันเข้าไปหาโต๊ะกลางและเท้ายืนแบบกึ่งนอนออกไปนอกโต๊ะ จึงไม่แปลกที่หญิงคนนี้จะเข้ามาที่พระบาทพระเยซูเจ้า... “นางมาอยู่ด้านหลังของพระองค์ใกล้ๆ พระบาท ร้องไห้จนน้ำตาหยดลงเปียกพระบาท นางใช้ผมเช็ดพระบาท จูบพระบาทและใช้น้ำมันหอมชโลมพระบาท”

o พระวรสารของลูกาเน้นบทบาทของหญิงคนบาปคนนี้ สิ่งที่นางทำนั้นโดดเด่นที่สุดในบ้านของฟาริสี และทุกคนกำลังสังเกตดูสิ่งที่นางกระทำ ทุกคนรู้ว่านางคือคนบาป และคิดว่า ถ้าพระองค์เป็นประกาศก ก็ต้องรู้ว่านางเป็นคนบาป

o สิ่งนางกระทำ คือ “ร้องไห้อย่างระทม จนน้ำตาพอจะชโลมพระบาทของพระองค์” นางใช้ผมเช็ดพระบาท... ข้อความตรงนี้สำหรับลูกา แสดงออกซึ่งความเคารพรักและศิโรราบมากที่สุด ใช้ผมของนางเช็ดพระบาททั้งน้ำตา เป็นเครื่องหมายสำคัญมากๆ

o ปกติชาวยิวเมื่อเชิญแขกสำคัญมาที่บ้าน จะมีการล้างเท้าเป็นการต้อนรับ เพราะเมืองของเขามีแต่ฝุ่นที่เดินเยียบย่ำกันมาก ฝุ่นมากมาย เมื่อมาถึงบ้าน ที่ประตูบ้านเจ้าบ้านต้องให้น้ำสำหรับล้างเท้า โดยมีทาสที่หมอบรออยู่ให้แขกจุ่มเท้าลงในน้ำ และเช็ดเท้าให้ก่อนเข้าบ้าน เป็นการต้อนรับด้วยความเคารพ ด้วยการจูบคำนับพร้อมกับคำต้อนรับว่า “ชาโลม” คือ “สันติสุข” และจูบคำนับซ้ายขวาด้วยการชนแก้มกัน และเมื่อเข้าบ้าน ก็จะมีการเช็ดหน้าเช็ดตา และชโลมน้ำมันหอมให้เกิดความสดชื่นเพื่อการรับประทานอาหารร่วมกัน... แต่ที่นี่ ที่บ้านฟาริสี พระเยซูเจ้าไม่ได้รับการกระทำเช่นนี้ แต่... หญิงคนบาปคนนี้ได้กระทำทั้งหมดที่เป็นการต้อนรับพระองค์ เป็นการศิโรราบต่อพระองค์ จนพระองค์ตรัสกับเจ้าบ้านว่า “ท่านเห็นหญิงผู้นี้ใช่ไหม เราเข้ามาในบ้านของท่าน ท่านไม่ได้เอาน้ำมาล้างเท้าให้เรา แต่นางได้หลั่งน้ำตารดเท้าของเราและใช้ผมเช็ดให้ ท่านไม่ได้จูบคำนับเรา แต่นางจูบเท้าของเราตลอดเวลาตั้งแต่เราเข้ามา ท่านไม่ได้ใช้น้ำมันเจิมศีรษะให้เรา แต่นางใช้น้ำมันหอมชโลมเท้าของเรา” 

o นักบุญลูกาบันทึกพระวรสารตอนนี้ โดยยกบทบาทการต้อนรับทั้งหมด จูบคำนับ (จูบเท้า) ล้างเท้าด้วยน้ำตา เช็ดด้วยผมของนาง และชโลมน้ำมันหอมที่พระบาท.. ทั้งหมด ในการต้อนรับ นางคนบาปได้กระทำครบถ้วนทั้งหมด

o แต่ฟาริสีที่ได้ต้อนรับพระเยซูเจ้ากลับไม่ได้กระทำสิ่งเหล่านี้เลย... เพราะตลอดที่เราอ่านพระวรสารนักบุญลูกามาโดยตลอด เราเห็นความน่าตำหนิของฟาริสี พวกเขาไม่ได้เปิดใจ ไม่ได้ต้อนรับพระเยซูเจ้าแต่ประการใดเป็นพิเศษ หนำซ้ำ ธรรมดาของพวกฟาริสีคือเกลียดชังคนบาป ตำหนิ และคอยจับผิดคนบาปเสมอ

• ในกรณีนี้ ฟาริสี ต้องการรู้ว่าพระเยซูเจ้าเป็นประกาศจริงๆไหม ทั้งๆที่ได้รู้ได้เห็นอัศจรรย์มากมาย แต่พวกเขาไม่เคยยอมรับหรือต้อนรับพระองค์ แถมยังจ้องจับผิดหญิงคนบาปคนนี้ว่าพระองค์จะทราบไหมว่านางเป็นคนเช่นใด...

• คำตอบของพระเยซูเจ้า คือ คำถามต่อซีโมนเปโตร... เจ้าหนี้ ยกหนี้ให้ลูกหนี้สองคน คนหนึ่งเป็นหนี้มากเหลือเกิน อีกคนหนึ่งเป็นหนี้นิดหน่อย ทั้งสองคนได้รับการยกหนี้ (ยกบาป) พระองค์ถาม คนไหนจะรักเจ้าหนี้มากกว่ากัน... คำตอบของเปโตร คือ คนที่ได้รับการยกหนี้มาก และพระองค์ได้สลับฉากความจริงทั้งหมดมาที่หญิงคนบาปคนนี้ พระองค์ทราบทุกสิ่ง และพระองค์ต้องการตำหนิและสอนฟาริสีในขณะเดียวกัน และพระองค์ได้ยกย่องหญิงคนบาปคนนี้ เพราะที่นางทำคือความรักมากๆ เป็นคำตอบของพระวรสารวันนี้ที่แสนงดงามจริงๆ...

o เพราะเหตุนี้ เราบอกท่านว่าบาปจำนวนมากของนางได้รับการอภัยแล้วเพราะนางมีความรักมาก ผู้ที่ได้รับการอภัยน้อยก็ย่อมมีความรักน้อย”

o แล้วพระองค์ตรัสกับนางว่า “บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว”

o บรรดาผู้ร่วมโต๊ะจึงเริ่มพูดกันว่า “คนนี้เป็นใคร จึงทำได้แม้แต่การอภัยบาป” 

o พระองค์ตรัสกับหญิงนั้นว่า “ความเชื่อของเจ้าช่วยเจ้าให้รอดพ้นแล้ว จงไปเป็นสุขเถิด”

• สรุปที่สุดคือคนบาป หญิงคนบาปคนนี้ได้รับการอภัยบาปทั้งหมดจริงๆ เพราะนางได้เปิดใจต้อนรับพระองค์ ได้จูบคำนับต้อนรับพระองค์ ได้ชำระพระบาทของพระองค์ด้วยน้ำตา... และได้เช็ดพระบาทด้วยผมอันยาว (นาจะผมยาว) ของนาง และได้ชโลมน้ำมันหอมจากขวดหินขาว น้ำมันหอมสมุนไพรที่พระวรสารเล่มอื่นๆ ระบุว่า “ราคาแพง”

• พี่น้องที่รัก อ่านพระวรสารนักบุญลูกาแล้วเราจะเป็นว่า พระเยซูเจ้ามีที่สำหรับคนบาป ทรงต้อนรับคนบาป และขณะเดียวกัน พระวรสารตอนนี้พ่อประทับใจมากๆ เพราะ เราได้เรียนรู้ว่า หญิงคนบาปนี้ได้เป็นผู้ “ต้อนรับ” พระเยซูเจ้า เข้ามาในบ้าน เข้ามาในชีวิตของนาง... และประเด็นสำคัญ พ่อพบว่า บาปมากมายของนางได้รับการอภัย เพราะนางสำนึก นางเสียใจ และนางได้เปิดใจ ด้วยความถ่อมตนที่สุดชำระพระบาทด้วยน้ำตาและได้เทน้ำมันหอม จูบพระบาท คำนับ ต้อนรับพระองค์

• ความคิดของพ่อคือ แล้วบาปจะอยู่กับนางต่อไปได้อย่างไร... บาปจะอยู่กับคนที่ต้อนรับพระเยซูเจ้าอย่างสิ้นสุดจิตใจในการต้อนรับด้วยความ รักต่อพระองค์เช่นหญิงคนบาปคนนี้ได้อย่างไร กลับกลายเป็นว่าฟาริสีนั้นไม่ได้ต้อนรับพระองค์อย่างแท้จริง แต่กลับเป็นหญิงคนบาปคนนี้ที่ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนว่านางเป็นคนบาป นางกลับได้ยินเสียงแห่งความเมตตาที่สุด.. 

o “บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว” 

o “ความเชื่อของเจ้าช่วยเจ้าให้รอดพ้นแล้ว จงไปเป็นสุขเถิด”
• พี่น้องที่รัก เมื่อเราอ่านพระวรสารนักบุญลูกามาถึงจุดนี้ พ่อคิดว่า เราต้องเปิดใจรับการอภัย รัก เทิดเกียรติพระเยซูเจ้า ต้อนรับพระองค์ เพื่อเราจะหลุดพ้นจากบาป เพราะเราทุกคน พ่อด้วย อาจจะหนักกว่าใครๆ เราต่างเป็นคนบาป สิ่งสำคัญมาก เข้ามาหาพระองค์ เสียใจ และชโลมพระบาทด้วยความความรักของเรา ความเสียใจของเรา และความเชื่อของเรา

• ขอให้พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ สอนเราให้กล้าที่จะต้อนรับพระองค์ด้วยความรัก แม้เราเป็นคนบาป แต่ความเชื่อ ความถ่อมตน และ.. “เข้ามาพึงพระองค์” ด้วยความเสียใจ ถ่อมใจ จะช่วยเราให้ได้รับการอภัย และให้เราได้สุขใจที่สุดที่เราได้ “ต้อนรับพระองค์ในชีวิตเรา” ตอนรับพระองค์ด้วยการต้อนรับเพื่อนพี่น้องของเรา และต้อนรับกันและกันด้วยความรักเสมอไปนะครับ ขอพระเจ้าอวยพรครับ

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก