“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“ถ้าพระองค์พอพระทัย พระองค์ย่อมทรงรักษาข้าพเจ้าให้หายได้”

8. พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินทั่วแคว้นกาลิลี (4)

b)    การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
1.    ถ้าพระเยซูเจ้าทรงมีความจำเป็นที่จะอธิษฐานภาวนา นับประสาอะไรกับเรา การอธิษฐานภาวนาเป็นเวลาที่เราปลีกตัวออกจากกิจการงาน เป็นเวลาที่เรารำพึง ทบทวนชีวิต สนทนากับพระบิดาเจ้า เพื่อแสวงหาพระประสงค์ของพระองค์ในชีวิตของเรา เราทุกคนต้องการเวลาเช่นนี้ มิฉะนั้นแล้ว ถ้าไม่มีการอธิษฐานภาวนา งานอภิบาลและงานประกาศข่าวดีก็เป็นไปไม่ได้ พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าพระองค์มีพระชนมชีพปราศจากพระบิดาไม่ได้ ถ้าเราจะทุ่มเทพลังของเราสำหรับผู้อื่น เราต้องได้รับพลังจากพระบิดา

2.    ผู้ประสงค์เป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้าต้องแสวงหาพระองค์ เพื่อถามพระองค์ว่าจะทรงทำอะไรสำหรับตนเอง เราต้องไม่ประพฤติเหมือนกับบรรดาอัครสาวกในวันนั้น ที่เห็นว่าพระเยซูเจ้าทรงประสบความสำเร็จแล้ว จึงแนะนำพระองค์ทรงใช้ความกระตือรือร้นของประชาชนเพื่อความสำเร็จมากยิ่งขึ้น พระเยซูเจ้าทรงสอนเราว่า เราต้องปฏิบัติตามประสงค์ของพระบิดาไม่ใช่แสวงหาความสำเร็จตามความคิดของตน

3.    การที่พระเยซูเจ้าไม่ทรงอยู่กับชาวคาเปอรนาอุม แต่เสด็จไปที่อื่นพร้อมกับบรรดาอัครสาวก แสดงว่าพระองค์ทรงมีจิตสำนึกในการปฏิบัติภารกิจที่ได้รับจากพระบิดา เป็นภารกิจที่จะต้องประกาศข่าวดีเรื่องความรอดพ้น พระเยซูเจ้าทรงรับใช้มนุษย์ในการเทศน์สอน ทรงซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ที่พระบิดาทรงมอบหมาย ไม่ทรงทำให้พระองค์เองเป็นศูนย์กลาง ทรงทำโดยไม่เห็นผลประโยชน์ของพระองค์ จึงเป็นพระฉบับสำหรับเราที่ได้รับภารกิจประกาศข่าวดีเช่นเดียวกับพระเยซูเจ้า

4.    คนโบราณคิดว่า ผู้เป็นโรคเรื้อนได้รับโทษจากพระเจ้าเพราะบาปที่ได้กระทำ โรคนี้ยังเป็นเครื่องหมายแสดงพระพิโรธ ผู้เป็นโรคนี้อาจถามตนเองว่า ฉันได้ทำอะไรจึงได้รับโรคนี้ ทำไมจึงต้องเป็นฉันไม่ใช่ผู้อื่น โดยแท้จริงแล้ว โรคเรื้อนเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่อยู่ในสภาพถูกทอดทิ้ง โดดเดี่ยว ไม่มีใครคบหาสมาคม ไม่มีผู้ใดเมตตาสงสารเขา เป็นผู้ที่คนอื่นแม้ญาติพี่น้องก็คิดว่าเขาตายไปแล้วทางฝ่ายกาย ทุกวันนี้มีผู้เป็นโรคเรื้อนฝ่ายจิตใจจำนวนมาก คือทุกคนที่อยู่ในสภาพยากลำบาก ทุกครั้งที่เราปฏิเสธไม่ให้ความช่วยเหลือ มองข้าม หรือใช้เขาเพื่อผลประโยชน์ของตน เราทำให้เขาต้องอับอาย เพราะเราใช้ความรุนแรง ความก้าวร้าว ความเห็นแก่ตัว เราทำให้เขาเป็นคนโรคเรื้อน

5.    คนโรคเรื้อนเข้าเฝ้าพระเยซูเจ้าด้วยความไว้ใจและถ่อมตน รอคอยและหวังว่าพระเยซูเจ้าจะทรงรัษาเขาให้หาย พระทัยเมตตากรุณาของพระเจ้าทรงตอบสนองคำวอนขอที่มาจากใจถ่อมตน เขาพียงอธิษฐานภาวนาว่า  “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าไม่มีอะไรที่จะถวายพระองค์นอกจากโรคเรื้อน ถ้าปราศจากพระองค์ ข้าพเจ้าสำนึกว่าตนเป็นผู้ใดและเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ข้าพเจ้าถวายความสำนึกนี้ด้วยความถ่อมตน เพราะเชื่อในความเมตตากรุณาจากพระทัยของพระองค์ที่จะรักษาให้หาย” นี่เป็นตัวอย่างคำอธิษฐานภาวนาในทุกกรณี โดยไม่สิ้นหวังแต่มีความไว้วางใจในพระเจ้าอยู่เสมอ

6.    ท่าทีแสดงความเมตตาสงสารของพระเยซูเจ้าควรทำให้เราเกิดวามรู้สึกยกย่อง ประหลาดใจ เพราะต่อหน้าผู้ที่ร้ายที่สุดเช่นนี้ พระเยซูเจ้าทรงตัดสินพระทัยที่จะแสดงความเมตตาอย่างสูงสุด  เมื่อทรงเห็นผู้วอนขอการรักษาให้หาย พระองค์เพียงทรงสัมผัสเขา เขาจึงจะหาย แม้การกระทำเช่นนี้ผิดต่อธรรมบัญญัติของโมเสส แต่ความรักของพระเยซูเจ้ายิ่งใหญ่กว่าธรรมบัญญัติ การยกย่องสรรเสริญพระเยซูเจ้าเช่นนี้ทำให้เรามีความหวังรู้จักแสวงหาพระองค์เพื่อทรงรักษาเรา

7.    การชื่นชมพระเยซูเจ้าด้วยความประหลาดใจยังเพียงพอ เราต้องปฏิบัติตามพระฉบับของพระองค์คือ เราต้องสงสารผู้มีความทุกข์ ยื่นมือช่วยเหลือเขา สัมผัสเขา ถ้าเราไม่ทำเช่นนี้ ก็หมายความผู้อื่นจะไม่ได้รับการรักษาให้หาย หลายครั้งเรารอคอยให้ผู้อื่นลงมือทำก้าวแรก แต่พระเยซูเจ้าทรงสอนตรงกันข้าม เราเองต้องเริ่มก้าวแรกไปหาผู้อื่น เพราะผู้อื่นทำอะไรไม่ได้ด้วยตนเอง รอคอยความช่วยเหลือจากเรา เราควรปฏิบัติเหมือนพระคริสตเจ้า การมองข้ามผู้อื่นเพราะความเฉยเมย เพราะคิดว่าช่วยเขาไม่ได้ เปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ไม่ได้  เราต้องเปลี่ยนความคิด กลับใจ เชื่อว่า เราจะสงสารและสัมผัสผู้อื่นเช่นเดียวกับพระเยซูเจ้าได้

สรุปแล้ว เราต้องยกย่อง สรรเสริญพระเยซูเจ้าและปฏิบัติตามพระฉบับของพระองค์ ให้เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับคำสอนนี้ และขอพระองค์ทรงรักษาดวงตาของเรา เพื่อจะเห็นผู้เป็นโรคเรื้อนในชีวิตประจำวัน ถ้าเราทำเช่นนี้ เราแน่ใจว่า พระเยซูเจ้าจะทรงช่วยเหลือเรา เราจะได้เห็นและสัมผัสว่าทรงตอบสนองความต้องการของเรา ตัวอย่างชัดเจนคือ พระนางมารีย์ในงานมงคลสมรสที่หมู่บ้านคานา ไม่มีใครขอให้พระนางทรงกระทำสิ่งใด แต่พระนางทรงสังเกตสิ่งที่คู่สมรสต้องการและทรงเชิญชวนพระเยซูเจ้าให้ทรงทำอัศจรรย์

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก