“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

ข. คำประกาศพระวาจาของประกาศกเยเรมีย์

ส่วนใหญ่ในรัชสมัยกษัตริย์เยโฮยาคิม

 

คารวกิจที่ถูกต้องa

ก.  คำกล่าวประณามพระวิหารb

7 1พระยาห์เวห์ตรัสสั่งประกาศกเยเรมีย์ว่า 2“จงไปยืนที่ประตูพระวิหารของพระยาห์เวห์และประกาศถ้อยคำเหล่านี้ที่นั่นว่า ชาวยูดาห์ทั้งหลายที่ผ่านประตูเหล่านี้เข้ามานมัสการพระยาห์เวห์เอ๋ย จงฟังพระวาจาของพระยาห์เวห์เถิด 3พระยาห์เวห์จอมจักรวาลพระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า จงแก้ไขความประพฤติและกิจการของท่าน แล้วเราจะให้ท่านอาศัยอยู่ในสถานที่นี้ 4อย่าไว้วางใจคำหลอกลวงของผู้ที่พูดว่า ‘นี่คือพระวิหารของพระยาห์เวห์ พระวิหารของพระยาห์เวห์ พระวิหารของพระยาห์เวห์’ 5เพราะถ้าท่านแก้ไขความประพฤติและกิจการของท่านอย่างแท้จริง ถ้าท่านตัดสินคดีความของผู้หนึ่งกับเพื่อนบ้านอย่างยุติธรรม 6ถ้าท่านไม่ข่มเหงคนต่างด้าว ลูกกำพร้าและแม่ม่าย ถ้าท่านไม่หลั่งโลหิตของผู้บริสุทธิ์ในสถานที่นี้ และไม่ไปกราบไหว้เทพเจ้าอื่นเป็นการทำร้ายตนเอง 7เราจะให้ท่านอาศัยอยู่ในสถานที่นี้ ในแผ่นดินซึ่งเราเคยให้แก่บรรพบุรุษของท่านตั้งแต่นานมาแล้ว เพื่อจะได้อาศัยอยู่ตลอดไป 8แต่ท่านทั้งหลายวางใจในคำหลอกลวงที่ไม่ให้ประโยชน์ใดเลย 9ท่านลักขโมย ฆ่าคน ล่วงประเวณี สาบานเท็จ เผากำยานถวายพระบาอัลและนมัสการเทพเจ้าซึ่งท่านไม่เคยรู้จักมาก่อน 10แล้วมายืนต่อหน้าเราในพระวิหารนี้ ซึ่งได้รับนามตามชื่อของเรา พูดว่า ‘พวกเราปลอดภัยแล้ว’ เพื่อจะกลับไปทำกิจการน่าสะอิดสะเอียนเหล่านี้อีก 11วิหารนี้ที่ได้รับนามตามชื่อของเราเป็นถ้ำโจรในสายตาของท่านไปแล้วหรือ เราเองยังได้เห็นเช่นนี้” พระยาห์เวห์ตรัส

          12“บัดนี้ จงไปยังสถานที่ซึ่งเราเคยพำนักอยู่ที่เมืองชิโลห์c แต่แรกเราเคยให้ชื่อของเราอยู่ที่นั่น จงดูซิว่าเราได้ทำอะไรต่อสถานที่นั้นเพราะความชั่วของอิสราเอลประชากรของเรา 13 บัดนี้ เพราะท่านทั้งหลายได้ทำกิจการเหล่านี้ทั้งหมด พระยาห์เวห์ตรัส และแม้เราพูดกับท่านครั้งแล้วครั้งเล่า ท่านทั้งหลายก็ไม่ได้ฟัง และแม้เราเรียกท่าน ท่านก็ไม่ได้ตอบ 14เราจึงจะทำกับวิหารนี้ซึ่งได้รับนามตามชื่อของเรา ซึ่งท่านทั้งหลายได้วางใจ และเป็นสถานที่ซึ่งเราได้มอบแก่ท่าน และแก่บรรพบุรุษของท่าน เหมือนที่เราได้ทำกับชิโลห์ 15เราจะขับไล่ท่านไปให้พ้นจากสายตาของเรา เหมือนอย่างที่เราได้ขับไล่พี่น้องของท่าน คือเชื้อสายทั้งหมดของเอฟราอิม”

ข. คำกล่าวโทษเทพเจ้าของชนต่างด้าว

            16“ส่วนท่าน ท่านจงอย่าอธิษฐานภาวนาเพื่อประชากรนี้ อย่าร้องวอนขอหรืออธิษฐานภาวนาเพื่อเขา อย่าวอนขอเราแทนเขา เพราะเราจะไม่ฟังท่าน 17ท่านไม่เห็นหรือว่าเขาทำอะไรกันในหัวเมืองของยูดาห์และตามถนนของกรุงเยรูซาเล็ม 18พวกลูกๆ เก็บฟืน พวกพ่อก่อไฟ พวกผู้หญิงนวดแป้งทำขนมถวายราชินีแห่งสวรรค์d และเทเครื่องดื่มบูชาถวายแด่เทพเจ้าอื่นๆเพื่อลบหลู่เรา 19การกระทำเช่นนี้ลบหลู่เราหรือ พระยาห์เวห์ตรัส เป็นการทำให้เขาทั้งหลายต้องอับอายต่างหาก 20ดังนั้น พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสดังนี้ว่า ดูซิ ความกริ้วและความโกรธของเราจะเทลงมาเหนือสถานที่นี้ เหนือมนุษย์และสัตว์ เหนือต้นไม้ในท้องทุ่ง และเหนือผลิตผลของแผ่นดิน จะเผาผลาญและจะไม่ดับ”

ค. คารวกิจที่ไม่ได้มาจากใจจริง

            21พระยาห์เวห์จอมจักรวาลพระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า “จงกินเนื้อทั้งหมดของเครื่องบูชาของท่าน รวมทั้งเนื้อของเครื่องเผาบูชาด้วย 22เพราะในวันที่เราได้นำบรรพบุรุษของท่านออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เรามิได้พูดหรือสั่งเขาให้ถวายเครื่องเผาบูชาและสักการบูชาอื่นๆc 23แต่เราได้สั่งเขาดังนี้ ‘จงฟังเสียงของเรา แล้วเราจะเป็นพระเจ้าของท่าน และท่านจะเป็นประชากรของเรา จงเดินตามทางที่เราจะสั่งท่านไว้ แล้วท่านจะได้อยู่อย่างเป็นสุข’ 24แต่เขาทั้งหลายมิได้เชื่อฟังหรือเงี่ยหูฟัง กลับดำเนินตามแผนการในความดื้อกระด้างของใจชั่วของตน หันหลังให้เราแทนที่จะหันหน้า 25ตั้งแต่วันที่บรรพบุรุษของท่านทั้งหลายออกจากแผ่นดินอียิปต์จนทุกวันนี้ เราได้ส่งประกาศกผู้รับใช้ทุกคนของเราไปหาท่านทั้งหลายครั้งแล้วครั้งเล่าเสมอมาf 26แต่เขาทั้งหลายมิได้เชื่อฟังหรือเงี่ยหูฟัง กลับดื้อดึงทำความชั่วมากกว่าบรรพบุรุษเสียอีก 27ท่านจงไปบอกถ้อยคำเหล่านี้ทั้งหมดแก่เขา แต่เขาจะไม่ฟังท่าน ท่านจะเรียกเขา แต่เขาจะไม่ตอบ 28ท่านจงบอกเขาว่า ‘นี่คือชนชาติที่ไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของตน และไม่ยอมรับคำสั่งสอน ความซื่อสัตย์ไม่มีอีกแล้ว หายไปจากปากของเขาแล้ว’”

ง. กล่าวโทษการนับถือรูปเคารพ

            29“จงตัดผมของท่านโยนทิ้งไป

                    จงร้องคร่ำครวญบนที่สูงโล่งเตียน

          เพราะพระยาห์เวห์ไม่ทรงยอมรับ

                    และทรงทอดทิ้งชนยุคนี้ที่ทำให้พระองค์กริ้ว”

         

          30พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ลูกหลานของยูดาห์ได้ทำชั่วต่อหน้าเรา เขาได้ตั้งสิ่งน่าสะอิดสะเอียนgไว้ในวิหารซึ่งได้รับนามตามชื่อของเรา ทำให้วิหารนี้มีมลทิน 31เขาได้สร้างแท่นโทเฟทhในหุบเขาเบนฮินโนม เพื่อใช้ไฟเผาบุตรชายหญิงของตน เราไม่เคยสั่งให้ทำเช่นนี้ และไม่เคยคิดเลย 32ดังนั้น วันเวลาจะมาถึง พระยาห์เวห์ตรัส จะไม่มีผู้ใดเรียกที่นั่นอีกว่า ‘โทเฟท’ หรือ ‘หุบเขาเบนฮินโนม’ แต่จะเรียกว่า ‘หุบเขาแห่งการประหัตประหาร’ เขาจะฝังศพที่โทเฟท เพราะไม่มีสถานที่อื่นอีกแล้ว 33ศพของประชากรนี้จะเป็นอาหารของนกในอากาศ และของสัตว์บนพื้นดิน จะไม่มีผู้ใดขับไล่สัตว์เหล่านี้ไปได้ 34เราจะทำให้เสียงรื่นเริงและเสียงยินดี เสียงของเจ้าบ่าวและเสียงของเจ้าสาวเงียบไปในหัวเมืองของยูดาห์ และตามถนนของกรุงเยรูซาเล็ม เพราะแผ่นดินจะกลายเป็นที่ร้าง”

 

7 a คำประกาศพระวาจาต่อไปนี้ถูกนำมารวมไว้ด้วยกัน เพราะกล่าวเหมือนๆ กันถึงเรื่องการปฏิบัติศาสนกิจ เป็นการเทศน์สอนของประกาศกในรัชสมัยของกษัตริย์เยโฮยาคิม

b ความคิดที่ว่าพระยาห์เวห์ทรงทำให้พระวิหารศักดิ์สิทธิ์โดยการประทับอยู่ของพระองค์ (1 พกษ 8:10ฯ; ดู ฉธบ 4:7 เชิงอรรถ b) ทำให้ประชาชนคิดว่าพระวิหารนี้จะไม่มีวันถูกทำลายได้ การที่กองทัพของกษัตริย์เซนนาเคริบถูกทำลายภายนอกกำแพงกรุงเยรูซาเล็มเมื่อปี 701 ก่อน ค.ศ. แสดงให้เห็นว่าพระยาห์เวห์ทรงปกป้องนครศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ (2 พกษ 19:32-34; อสย 37:33-35) ทุกคนจึงสรุปทันทีว่าการปกป้องเช่นนี้จะเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน ประกาศกเยเรมีย์กำลังจะทำให้เพื่อนร่วมชาติต้องตกใจในบทที่ 26 โดยกล่าวย้ำเหมือนกับที่ประกาศกมีคาห์เคยทำก่อนหน้านั้นแล้ว (มคา 3:12) ว่าความมั่นใจเช่นนี้เป็นสิ่งหลอกลวง พระเจ้าจะทรงทอดทิ้งพระวิหารของพระองค์ก็ได้ด้วย ต่อมา ประกาศกเอเสเคียลก็จะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระยาห์เวห์ ละทิ้งสักการสถานของพระองค์ (อสค 11:23) บทที่ 26 เล่าถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ประกาศกกล่าวโทษอย่างยืดยาวเช่นนี้ตอนต้นรัชสมัยของกษัตริย์เยโฮยาคิม (608 ก่อน ค.ศ.)

c “เมืองชิโลห์” สักการสถานที่เมืองชิโลห์ แม้เป็นที่ประดิษฐานของหีบพันธสัญญาก็ได้ถูกชาวฟีลิสเตียทำลาย (1 ซมอ 4) ชาวยิวมักจะระมัดระวังเมื่อกล่าวถึงหายนะของชาติ สดด 78:60 จะเป็นข้อความเดียวที่กล่าวถึงเหตุการณ์นี้นอกเหนือจากประกาศกเยเรมีย์ เมืองชิโลห์อยู่ทางเหนือของกรุงเยรูซาเล็ม ห่างออกไปราว 40 กิโลเมตร

d “ราชินีแห่งสวรรค์” คือเทพีอิชทาร์ (อัชทาร์เต) เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ตามความเชื่อถือของชาวเมโสโปเตเมีย เชื่อกันว่าเป็นองค์เดียวกับเทพีวีนัส หรือดาวพระศุกร์ สำนวน “ราชินี” เป็นชื่อที่พบได้ไม่บ่อยนัก จะพบได้อีกในหนังสือประกาศกเยเรมีย์เท่านั้น (เทียบ 44:17-25)

c ประกาศกเยเรมีย์พูดถูกแล้วที่กล่าวว่าพระบัญญัติสิบประการ ซึ่งเป็นกฎบัตรของพันธสัญญา ไม่มีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องการถวายบูชาเลย เขาไม่ได้คิดถึงเพียงแต่การถวายสัตว์เป็นบูชาเท่านั้น (เทียบ 33:11) แต่ยังมีความคิดที่ตรงนี้เหมือนกับธรรมประเพณีของบรรดาประกาศกที่สอนว่า การประกอบศาสนพิธีไม่ใช่ส่วนสำคัญในการนับถือศาสนา (ดู ฮชย 6:6; อมส 5:21 เชิงอรรถ n; มคา 6:6-8)

f “เสมอมา” ตามสำนวนแปลภาษาซีเรียค ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “วัน”

g “สิ่งน่าสะอิดสะเอียน” ได้แก่พระเท็จเทียมหรือรูปเคารพ (4:1)

h เรื่อง “โทเฟท” หรือ “ที่เผา” ที่เขานำเด็กทารกมาเผาเป็นบูชาถวายแด่เทพโมเลค (32:35 ดู ลนต 18:21 เชิงอรรถ g; อสย 30:33 เชิงอรรถ l)

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก