“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน 2017
สัปดาห์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา
ลก 19:41-44…
       41ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จมาใกล้กรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทอดพระเนตรเมืองนั้นแล้วทรงกันแสง 42ตรัสว่า “ถ้าในวันนี้เจ้าเพียงแต่รู้จักทางนำไปสู่สันติก็จะเป็นการดี แต่ทางนั้นถูกซ่อนไว้จากดวงตาของเจ้าเสียแล้ว 43วันนั้นจะมาถึงเจ้า เมื่อข้าศึกสร้างที่มั่นล้อมเจ้า จะตรึงเจ้าไว้อย่างแน่นหนารอบทุกด้าน 44จะบุกทำลายเจ้าและลูกหลานที่อาศัยอยู่ในเจ้าจนราบเป็นหน้ากลอง และจะไม่ปล่อยให้มีก้อนหินซ้อนกันอยู่ในเจ้าอีก เพราะเจ้าไม่รู้จักเวลาที่พระเจ้าเสด็จมาเยี่ยมเจ้า”

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• ตรงข้ามนครเยรูซาเล็ม จุดที่มองเห็นพระวิหารและกำแพงนคร คือ มองจากภูเขามะกอกแม้วันนี้ จุดที่เราจะเห็นนครเยรูซาเล็ม แม้ว่าปัจจุบันไม่มีพระวิหารแล้ว แต่ยังคงเห็นที่ตั้งพระวิหารและกำแพงกรุงเยรูซาเล็มแสนสวยงามจริงๆ ปัจจุบันมองไปเราก็เห็นภูเขาที่เคยตั้งพระวิหาร ที่ปัจจุบันเรียก Temple Mount ณ จุดที่ปัจจุบันเราเห็นโดมสีทองที่เรียกกันว่า Dome of the Rock ดังนั้น จากภูเขามะกอกเราจะมีจุดที่มองเห็นนครเยรูซาเล็มได้สวยงามที่สุดจริงๆ แม้ ณ วันนี้ก็เป็นเช่นนั้น...

• พ่ออยากจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับนครเยรูซาเล็มก็เพราะ ณ จุดที่มองเห็นพระวิหาร หรือที่ตั้งพระวิหารนี่แหละครับ เพราะในสมัยพระเยซูเจ้าพระองค์ก็เคยทอดพระเนตรนครเยรูซาเล็มและที่สำคัญ ตามที่พระวรสารได้บันทึกในวันนี้

• พระองค์ไม่ใช่เพียงแต่มองดูเยรูซาเล็มเท่านั้น แต่พระองค์ทรง “พระกันแสง” (ร้องไห้) ซึ่งพ่อถามตนเองจริงๆว่า ทำไมพระองค์ทรงพระกันแสง พระองค์ร้องไห้เมื่อทอดพระเนตรพระวิหารและนครเยรูซาเล็ม... อ่านพระวรสารวันนี้แล้วจะได้เห็นถึงความสะเทือนใจขอพระองค์จริงๆ
o ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จมาใกล้กรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทอดพระเนตรเมืองนั้นแล้วทรงกันแสง ตรัสว่า “ถ้าในวันนี้เจ้าเพียงแต่รู้จักทางนำไปสู่สันติก็จะเป็นการดี แต่ทางนั้นถูกซ่อนไว้จากดวงตาของเจ้าเสียแล้ว

• พระเยซูเจ้าทรงพระกันแสงเมื่อทอดพระเนตรนครเยรูซาเล็ม พ่อยากเล่าเรื่องเยรูซาเล็มปัจจุบันที่พ่อไปและได้เห็นต่อครับ.. จากจุดที่พ่อบอกพ่อเพิ่งนั่งบนภูเขา ณ จุดนี้เมื่อไม่กี่วันมานี่เองไม่ถึงสัปดาห์ด้วย... คือ บนภูเขามะกอก สภาพทางภูมิศาสตร์เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาใกล้เยรูซาเล็ม ครั้งที่พระองค์เดินทางมาจากเมืองเยรีโค... พระองค์ต้องข้ามภูเขามะกอกและลงไปที่ห้วยคิดโรนและขึ้นไปเยรูซาเล็ม...ดังนั้น ณ ภูเขามะกอกสามารถมองเห็นเยรูซาเล็มได้ถนัดตา งดงามและดูสง่างามยิ่งใหญ่จริงๆ

• พี่น้องที่รัก ณ จุดจากภูเขามะกอก ปัจจุบันเมื่อเรากำลังเดินลงไปที่ห้วยคิดโรน เราจะเห็นมีจุดที่มองเห็นเยรูซาเล็มสวยมากๆ และ ณ ตรงนั้น มีวัดเล็กๆวัดหนึ่งเล็กมากๆจากภายในวัดก็เห็นนครเยรูซาเล็ม วัดนี้ชื่อ “พระเยซูเจ้ากันแสง” (Dominus Flevit) วัดนี้ประทับใจพ่อมาก และเป็นวัดเล็กๆที่อยู่ในจุดที่เราเห็นเยรูซาเล็มได้ชัด พ่อไปที่นี่บ่อยๆและทุกครั้งพ่อก็นั่งมองดูเยรูซาเล็มที่สวยงาม และพ่อก็มองดูด้วยความรู้สึกที่พ่ออยากเข้าไปนั่งในพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า พ่ออยากรู้จริงๆว่าทำไมหนอพระองค์จึงทรงพระกันแสงเช่นนั้น

• พระวรสารนักบุญลูกาเน้นให้เราเห็นว่า พระองค์ทรงทำนายและปรารถนาที่สุดที่จะให้เยรูซาเล็ม ประชากรของนครเยรูซาเล็มได้มีตระหนักกลับใจ และให้นครแห่งนี้ได้สำนึกผิดที่ไม่ได้ใยดีหรือใส่ใจกับเสียงเตือนของประกาศก หรือการตักเตือนมากมายที่ปรารถนาให้ประชากรได้ดำเนินชีวิตไม่ไหลไปกับกระแสโลกหรือฝักใฝ่สิ่งอื่นๆ มากกว่าพระเจ้าจนทิ้งหนทางของพระเจ้าไป และจะนำไปสู่ความพินาศในที่สุด และที่เราทราบความจริง นครเยรูซาเล็ม พระวิหาร ถูกทำลายในปี ค.ศ. 70 โดยจักรวรรดิโรมันหลังสมัยพระเยซูเจ้า นครนี้ถูกทำลายเหมือนในอดีตที่เคยถูกทำลายโดยจักรวรรดิ์บาบิโลน ปี 587 ก่อน ค.ศ. สรุปได้ว่า พระเยซูเจ้าเคยทรงพระกันแสงเพราะอาลัยถึงนครแห่งนี้...เพราะไม่ได้เดินในหนทางแห่งสันติและความจริง

• พระเยซูเจ้าปรารถนาให้ชาวเยรูซาเล็มและแน่นอนหมายถึงเราผู้อ่านพระวรสารด้วย พระองค์ปรารถนาให้ตระหนักสำนึกอย่างแท้จริงในความรักของพระเจ้า และที่สำคัญเพื่อกลับใจ และดำเนินชีวิตให้สมกับเป็นนครแห่งสันติและนครแห่งประชากรของพระเจ้าจริงนั่นเอง

• พี่น้องที่รัก Amor Omnia Vicit อ่าน (อามอร์ ออมนีอา วินชิต) แปลว่า “ความรักชนะทุกสิ่ง” พ่อเห็นอะไรจากพระวรสารที่พระเยซูเจ้าทรงพระกันแสน ขณะเมื่อทรงทอดพระเนตรเยรูซาเล็มจากฝั่งภูเขามะกอกดังที่พ่อเขียนมาข้างต้น พ่อยอมรับความ “น้ำตา” โดยปกติในบริบทของพระคัมภีร์มีเหตุมาจากความเศร้าใจ... แต่สิ่งที่อยู่เบื้องลึกของน้ำตาและความเศร้า คือ “ความรัก” (Amor)
o ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นและเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็ม พระองค์กำลังจะไปเพื่อ “รัก” คือเพื่อประกาศความรักของพระเจ้าพระบิดา พระเจ้าองค์ความรัก และกำลังจะทรงรักมนุษย์จนถึงที่สุดคือการที่จะทรงรับทรมานสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
o เมื่อทรงทอดพระเนตรเยรูซาเล็ม พระองค์ร้องไห้...ตรงนี้ทำให้พ่อต้องคิดถึงวัดน้อยๆ หลังนั้น Dominus Flevit (ดอมีนูส เฟลวิต) พระเยซูเจ้าทรงพระกันแสง (ร้องไห้) เพราะ “รัก” เยรูซาเล็ม คือ รักนครแห่งสันติสุข นครแห่งความรักของพระเจ้า คือ ทรงรักมนุษย์ทุกคนจริงๆ
o “การร้องไห้ของพระเยซู คือ ความรัก” เป็นความรักที่อัดแน่นที่สุด.. ความรักของพระเจ้าผู้ทรงรักมนุษย์ทั้งมวล

• สำหรับพ่อ “การร้องไห้คือความรักนั้นใช่” และถ้าเป็น “พระเยซูพระเจ้าจากพระบิดาทรงพระกันแสง” ทรงร้องไห้ก็เป็นการสรุปให้เห็นชัดเจนว่า.. การร้องไห้เมื่อทอดพระเนตรเยรูซาเล็มนั้นเป็นเครื่องหมายชัดเจนว่า “พระเยซูเจ้าทรงรักมนุษย์เพียงใด” และไม่ต้องสงสัยเลยเมื่อพระองค์ทรงรับทรมานสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน “ทรงรักเราถึงเพียงนี้”

• ดังนั้น “ความรักชนะทุกสิ่ง” พ่ออยากจะบอกว่า “ความรักชนะบาปทุกประการของเรา” ครับ เชื่อพ่อเถอะ แม้บาปของเราจะหนักหนานัก โดยเฉพาะ..เชื่อพ่อนะ บาปที่เกิดจากความบกพร่องในความรักแท้.. ในความโลภ ความหลง ความรักแต่ตนเอง ความรักที่ถูกละเมิด การประพฤตินอกใจกันที่ดาดดื่นเหลือเกินในปัจจุบัน การให้ค่าผิดในการขาดความรักว่าเป็นความรัก แท้จริงคือความหลง... การปล่อยตัวในความหลง ในราคะการค้ามนุษย์อย่างน่าเวทนาแต่ไร้ความรู้สึกผิด ไม่ดีเลยครับ... ล้วนเป็นบาปที่จากการขาดความรักทั้งสิ้น....

• พ่อยิ่งมั่นใจ “ความรัก(แท้)ชนะทุกสิ่ง” ขอให้เราคริสตชนประกาศ “รักแท้” ของพระเจ้านะครับ และหยุดเถอะครับความเสเพล การปล่อยตัวในความโลภ โกรธ หลง และการประพฤตินอกใจในทุกรูปแบบ หรือการประพฤติปล่อยตัวในความรักเทียมในทุกรูปแบบ... เราคริสตชนโปรดให้เกียรติ “ความรักแท้” นะครับ ความรักที่ซื่อสัตย์จริงๆ นะครับ ถ้ามิเช่นนั้น พ่อเชื่อว่าถ้าจะตีความแบบความรู้สึกมนุษย์หน่อย..การกระทำของเรา กำลังทำให้พระเจ้าองค์ความรักต้อง “ร้องไป” Deus, Dominus Flevit คือ “พระเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระกันแสง(ร้องไห้)” เพราะความรักต่อเราจริงๆ

• พี่น้องที่รัก ตระหนัก สำนึก รักแท้ และกลับใจอย่างต่อเนื่องในชีวิต คือ
o จงรักอย่างต่อเนื่อง รักแท้ รักพระเจ้า รักพี่น้องด้วยบัญญัติแห่งความรักนะครับ
o ขอพระเจ้าองค์ความรัก ทรงประทับเปี่ยมล้นในวิญญาณของเรา ทำให้เราสามารถละเลิก ความเท็จเทียมในความรัก ความเท็จเทียมที่ทำให้เราหลงไปให้จงได้นะครับ...
o ขอความรักแท้ จงชนะความรักเทียมที่เป็นความหลง ความโลภ ความไม่รู้พอและละเมิดความรักทั้งหลายในชีวิตของเรานะครับ... ไปให้พ้นเจ้าซาตานที่ขาดความรักที่สุดคือความเท็จเทียมของความรักที่จ้องแย่ง จ้องทำลาย และกระหายจะแย่งและแยกความรักแท้ไปจากเรามนุษย์... ไปให้พ้นจากเรามนุษย์และอย่าได้กลับเข้ามาอีกเลย...
o ขอพระเจ้าองค์ความรักแท้ทรงรักเราโอบกอดเรา จนเราเต็มไปด้วยความรักแท้และเป็นภูมิคุ้มกันแห่งความรักตลอดไป...อาแมน

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก