“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม 2016
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า                 

ลก 1:57-66…
67เศคาริยาห์ ผู้เป็นบิดาได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม จึงกล่าวพยากรณ์ดังนี้
68ขอถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล
เพราะพระองค์เสด็จเยี่ยมและทรงกอบกู้ประชากรของพระองค์


69พระองค์ทรงปลุกพระผู้กอบกู้ผู้ทรงอำนาจขึ้นมา
จากราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด ผู้รับใช้พระองค์
70ตามที่ทรงสัญญาไว้
โดยปากของบรรดาประกาศกผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ตั้งแต่โบราณกาล
71ว่าจะให้เรารอดพ้นจากศัตรู
จากเงื้อมมือของผู้ที่เกลียดชังเรา
72ทรงสัญญาว่าจะทรงแสดงพระกรุณาแก่บรรพบุรุษของเรา
ทรงระลึกถึงพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
73และคำปฏิญาณที่ทรงให้ไว้แก่อับราฮัม บรรพบุรุษของเรา
74ว่าจะทรงช่วยเราให้พ้นจากเงื้อมมือของศัตรู
เพื่อรับใช้พระองค์โดยปราศจากความหวาดกลัวใด ๆ
75ให้เราเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และชอบธรรม
เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ตลอดชีวิตของเรา
76ส่วนเจ้า ทารกเอ๋ย
เจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นประกาศกของพระผู้สูงสุด
เจ้าจะนำหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า
เพื่อเตรียมทางสำหรับพระองค์
77เพื่อให้ประชากรของพระองค์รู้ว่า
เขาจะรอดพ้น เพราะบาปของเขาได้รับการอภัย
78เดชะพระเมตตากรุณาของพระเจ้าของเรา
พระองค์จะเสด็จมาเยี่ยมเราจากเบื้องบน
ดังแสงอรุโณทัย
79ส่องแสงสว่างให้ทุกคนที่อยู่ในความมืดและในเงาแห่งความตาย
เพื่อจะนำเท้าของเราให้ดำเนิน
ไปตามทางแห่งสันติสุข

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• “Benedictus” “ขอถวายพระพร”
o บทเพลงของเศคาริยาห์ หลังจากที่เศคาริยาห์หายจากอาการใบ้ เมื่อท่านได้เขียนตั้งชื่อให้ลูกชายของท่าน “เขาชื่อยอห์น” ทันทีเศคาริยาห์พูดได้และเริ่มสรรเสริญพระเจ้าทันที ซึ่งบทเพลงของเศคาริยาห์ คือ บทพระวรสารวันนี้ วันก่อนวันที่ 24 ธันวาคม ตามปฏิทินพิธีกรรม ที่กำหนดให้ค่ำคืนวันนั้น เป็นค่ำคืนสมโภชการบังเกิดของพระเยซู

• วันนี้เราได้อ่านบทเพลง “เศคาริยาห์” หนึ่งใน 4 เพลงสรรเสริญ จากพระวรสารนักบุญลูกาสองบทแรกที่เล่าเรื่องการบังเกิดของพระเยซู พ่อเคยเขียนถึงเรื่องนี้แล้ว ขอนำกลับมาย้ำอีกครั้ง...
o “การบังเกิดของพระเยซูเจ้า” โดยพระวรสารนักบุญลูกาได้รวบรวมเพลงสรรเสริญทั้งสี่เพลงไว้ด้วยกันอย่างน่าทึ่งและงดงาม บทเพลงสรรเสริญความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าทั้ง 4 บทเพลงนี้คือ
1. เพลงสรรเสริญของแม่พระ Magnificat (ลก 1:46-56)
2. บทเพลงของเศคาริยาห์ Benedictus (ลก 1:67-79)
3. บทเพลงของทูตสวรรค์ในที่สูงสุด Gloria in Excelsis Deo (ลก 2:13-14)
4. บทเพลงของสิเมโอน Nunc Dimittis (ลก 2:28-32)

o รูปแบบและเนื้อหาของบทเพลงทั้ง 4 บทนี้ เป็นเพลงที่มีลักษณะเป็น “เพลงสรรเสริญ” (hymns of praise) ในเพลงสดุดีของชาวอิสราเอลหรือในพันธสัญญาเดิม บทเพลงทั้งสี่นี้ได้สะท้อนเข้ามาในบทเพลงสรรเสริญของพระศาสนจักร

• บทเพลงของเศคาริยาห์ Benedictus มักจะเรียกกันว่า “บทเพลงของเศคาริยาห์” (Song of Zechariah หรือ Canticle of Zechariah)
• บทเพลงนี้อันที่จริงต้องเรียกว่า เป็นการ “ตะโกนร้อง” (เราต้องไม่ลืมว่าเศคาริยาห์เป็นใบ้ บุ้ยใบ้มา 9 เดือน และบัดนี้ท่านพูดได้...) ดังนั้น พระวรสารนักบุญลูกาจึงบันทำว่า
o “เศคาริยาห์ ผู้เป็นบิดาได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม...”
o ท่านร้องตะโกนก้องออกมาก็ว่าได้ เหมือนกับการระเบิดออกมาจากความเงียบที่ต้องใบ้มานาน...
o เหตุผลที่นักบุญลูกาให้กับเราสำคัญมากคือ “เศคาริยาห์ ผู้เป็นบิดาได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม...”

• เสียงร้องตะโกนของเศคาริยาห์ที่ร้องออกมาเป็นเพลงสรรเสริญนั้น คือ “การสรรเสริญพระเจ้า องค์ความรอดพ้น องค์ความหวัง” ลักษณะของเพลงบทนี้เป็นบทเพลงขอบพระคุณพระเจ้า (ข้อ 68-75) ลองกลับขึ้นไปอ่านดีๆสิครับ
o “ขอถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล เพราะพระองค์เสด็จเยี่ยมและทรงกอบกู้ประชากรของพระองค์ พระองค์ทรงปลุกพระผู้กอบกู้ผู้ทรงอำนาจขึ้นมา จากราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด ผู้รับใช้พระองค์ ตามที่ทรงสัญญาไว้…”
• ถ้าศึกษาไตร่ตรองต่อไปคงอีกยาวครับ... แต่บทเพลงนี้ในการสวดภาวนาประจำวันของพระศาสนจักร “ทำวัตรเช้า” พระสงฆ์นักบวชและผู้มีศรัทธาขับขานเพลงนี้ทุกวัน...

• พี่น้องที่รัก สิ่งที่อยากจะนำมาไตร่ตรองคือ ข้อเดียวครับ... คือ ข้อ 67 “เศคาริยาห์ ผู้เป็นบิดาได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม จึงกล่าวพยากรณ์ดังนี้”
o เมื่อวานนี้พระวาจาของพระเจ้าสอนเรา พ่อย้ำว่าให้เรา หายจากความเป็นใบ้ คือ หลุดจากการติดขัดที่พูดไม่ได้ หรือ การไม่ฟัง ไม่สามารถฟัง แล้วจะพูดไม่ได้ ขอให้เราได้หลุดจากความเป็นใบ้ เหมือนเศคาริยาห์
o วันนี้ พ่ออยากเชิญชวนให้ชีวิตของเราคริสตชน ต้องไม่เพียงพูดได้ แต่ต้อง “ตะโกนประกาศร้องสรรเสริญพระเจ้า” ถ้าชีวิตเราเปี่ยมด้วยพระจิตเจ้าโดยทางศีลล้างบาป ศีลกำลัง และการรับพระคุณของพระจิตเจ้า พระจิตเต็มล้นในชีวิตเราต้องทำให้เราประกาศร้องสรรเสริญพระเจ้า...
• การได้รับพลังของจิตเต็มเปี่ยม.. พ่อมีข้อสังเกตที่พ่อไตร่ตรองสองแบบ เมื่อคนเราได้รับจิตเต็มเปี่ยม...

1. “เมื่อผีสิง... จิตชั่วร้ายสิง...” พ่อไม่เคยเห็นครับ แต่ได้ยินเรื่องเล่ามากมาย อ่าน ดูหนัง ดูละคร เขาทำให้เราเห็นว่า คนเราเมื่อมีอำนาจผี อำนาจมืด สิงครอบงำจิตวิญญาณ คนเรามักจะส่งเสียงร้อง ร้องเสียงหลง คือ หลงไปเป็นเสียงอื่นๆ ไม่เป็นเสียงของตัวเอง กล้า บ้าบิน เพี้ยน ร้องร่ำตะโกนหรือพูดอะไรบางอย่างให้ต้องขบคิด พูดผิดปกติเหมือนการทำนายพยากรณ์… เหมือนเจ้าเข้าองค์ลง...พูดแปล ถ้าพูดออกมาเป็นเลข คนก็จะฟัง ขอ พนมมือ จ้องกันตาเป็นมัน... เพราะมักจะเป็นคำพยากรณ์ออกมา... แต่บางทีนอกจากผีสิงให้ร้องตะโกน...บางทีก็ออกมาเป็นการกระทำด้วย ทำชั่ว ทำร้าย ไล่ล่า ฆ่าคนอื่นโดยไม่รู้ตัวเพราะจิตชั่วทำ แบบนี้ละครหนังผีมีเยอะครับ... การกระทำของคนที่ไม่มีพระจิตเจ้าสถิต แต่มีจิตไม่ดีสิงอยู่พฤติกรรมน่าจะเป็นดังที่เปาโลสอนไว้ครับ... “ถ้าท่านมีพระจิตเจ้าเป็นผู้นำ ท่านก็ไม่อยู่ภายใต้ธรรมบัญญัติ กิจการของธรรมชาติมนุษย์นั้นปรากฏชัดแจ้ง คือ การผิดประเวณี ความลามกโสมม การปล่อยตัวตามราคตัณหา การกราบไหว้รูปเคารพ การใช้เวทมนตร์คาถา การเป็นศัตรูกัน การทะเลาะวิวาท ความอิจฉาริษยา ความโกรธเคือง การแก่งแย่งชิงดี การแตกแยก การแบ่งพรรคแบ่งพวก การเมามาย การสำมะเลเทเมา และอีกหลายประการในทำนองเดียวกันนี้” (กท 5:18-21) พี่น้องครับชัดสุดๆ ถ้าไม่มีพระจิตเจ้าก็เป็นแบบนี้ ถ้ามีจิตชั่วร้ายสิงด้วยก็จะรุนแรงไปกันใหญ่

2. “เมื่อพระจิตเจ้าสถิตเต็มเปี่ยม” ถ้าพระจิตของพระเจ้าเต็มเปี่ยมในตัวเราล่ะครับ คงในทำนองเดียวกันแต่ทิศทาง ต่างกันสุดขั้วครับ... เมื่อท่านเศคาริยาห์ได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ท่านก็พยากรณ์ออกมา ตะโกนออกมาสรรเสริญพระเจ้าเหมือนกัน... พ่อคิดว่าเราคริสตชนนี่แหละครับ “โดยทางศีล้างบาป และศีลกำลัง และศีลบวช” การได้รับการปกมือ ได้รับการจุ่มในน้ำ เดชะพระจิตเจ้า... พวกเราทุกคนนี่แหละครับที่ “พระจิตเจ้า “สิง”” คำนี้ถูกแต่ในความหมายเดียวกันคือ “พระจิตเจ้าทรง “สถิต ประทับอยู่ในชีวิตเรา เต็มเปี่ยมในชีวิตเรา”” ถ้าชีวิตของเรามีพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยมจริงๆ... เราคงร้องตะโกนสรรเสริญพระเจ้า ประกาศความรักพระเจ้า เต็มไปด้วยพลังของการประกาศข่าวดี ไม่ยอมหยุดที่จะร้องสรรเสริญ รัก ประกาศพระเจ้าตลอดไป... นอกจากนั้น การกระทำก็คงออกมาเป็นชัดเจนว่าเป็นผลของพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยมในชีวิตเรา เพราะพระคัมภีร์ย้ำว่า “ส่วนผลของพระจิตก็คือ ความรัก ความชื่นชม ความสงบ ความอดทน ความเมตตา ความใจดี ความซื่อสัตย์ ความอ่อนโยน และการรู้จักควบคุมตนเอง” (กท 5:22-23)

• พี่น้องที่รัก วันนี้ จากบทเพลงของเศคาริยาห์ พ่อขอเพียงข้อเดียวเพื่อไตร่ตรองครับ... ท่านเศคาริยาห์เปี่ยมด้วยพระจิตเจ้า ตะโกนร้องสรรเสริญพระเจ้า “Benedictus หรือ Blessed be the LORD”
o ชีวิตของเราก็เปี่ยมด้วยพระจิตเจ้าเช่นกัน เราเป็นอย่างไร เราสรรเสริญพระเจ้าอย่างไร
o เราคริสตชนเราได้ตะโกนร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า หรือว่า เรากลับร้องตะโกน ประณาม ประจาน ประหัตประหารกันด้วยคำพูดที่ทำร้าย และกิจการที่ทำลาย ร้ายเหลือของเราหนอ... (แต่เวลาเข้าวัดเข้าวาร้องหาพระเจ้าไม่มีเสียงเหลือร้องเพลง ภาวนา ตอบรับพระเจ้าเลยนั่งกันเงียบเชียว..ปล่อยให้คนอื่นร้องเพลงไป... เพราะต่อกรต่อปากต่อคำทำร้ายเพื่อนพี่น้องมาเหนื่อยแล้ว)
o ต้องไม่ใช่แบบนั้นแน่ๆ สำหรับคริสตชนต้องไม่เป็นเช่นนั้นเลย คริสตชนต้องพูดจา สุภาพ อ่อนโยน ถ่อมตน น่ารัก ถ้าจะตะโกน คือ ร้องสรรเสริญพระเจ้า ร้องดีใจกับเพื่อนพี่น้องครับ... และกิจการที่จะกระทำนั้นต้องเป็นการกระทำความดีเสมอครับ
o เลือกเลยครับ จะให้ผีสิง หรือให้พระจิตเจ้าสถิตเต็มเปี่ยมกับเรา... เราคริสตชน ได้รับศีลล้างบาปแล้ว เต็มเปี่ยมด้วยพระจิตเจ้าอยู่แล้ว อย่าปล่อยให้แพ้การประจญนะครับ...
o ขอถวายพระพรแด่พระเจ้าครับ...

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก