“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2016
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า
มธ 21:23-27…
      23พระองค์เสด็จเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่ทรงสั่งสอนประชาชนอยู่นั้น บรรดาหัวหน้าสมณะและผู้อาวุโสของประชาชนเข้ามาพบพระองค์แล้วทูลถามว่า “ท่านมีอำนาจใดจึงทำเช่นนี้ ใครมอบอำนาจนี้ให้ท่าน”


24พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เราขอถามท่านอย่างหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าท่านตอบ เราก็จะบอกท่านว่าเราทำเช่นนี้ด้วยอำนาจใด 25พิธีล้างของยอห์นมาจากไหน จากสวรรค์หรือจากมนุษย์” บรรดาสมณะและผู้อาวุโสของประชาชนจึงปรึกษากันว่า “ถ้าเราตอบว่ามาจากสวรรค์ เขาก็จะถามว่า ‘แล้วทำไมท่านจึงไม่เชื่อยอห์นเล่า’ 26ถ้าเราตอบว่ามาจากมนุษย์ เราก็เกรงกลัวประชาชน เพราะทุกคนคิดว่ายอห์นเป็นประกาศก”
27เขาจึงทูลตอบพระเยซูเจ้าว่า “เราไม่รู้” พระองค์จึงตรัสว่า “เราก็ไม่บอกท่านเช่นเดียวกันว่า เราทำการเหล่านี้โดยอำนาจใด”

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• เริ่มกันที่พระวาจาวันนี้ที่มัทธิวเล่าให้เราฟังเลยครับ “พระองค์เสด็จเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่ทรงสั่งสอนประชาชนอยู่นั้น บรรดาหัวหน้าสมณะและผู้อาวุโสของประชาชนเข้ามาพบพระองค์แล้วทูลถามว่า “ท่านมีอำนาจใดจึงทำเช่นนี้ ใครมอบอำนาจนี้ให้ท่าน””
o พระวิหารของชาวยิว คือ ที่ประทับของพระเจ้า ที่ประทับของ “หีบพระบัญญัติบรรจุ “พระวาจา” ของพระเจ้า” พระวิหารเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นักหนาสำหรับชาวยิวเสมอมา แม้แต่สมัยพระเยซูเจ้า...
o บรรดาสมณะธรรมาจารย์ก็จะเทศนา สอน ในบริเวณพระวิหาร... สอนอะไรหรือครับ ก็สอนพระบัญญัติของพระเจ้านั่นแหละ ให้คำอธิบาย ให้คำสอน สอนคำสั่ง และสอนให้รับคำสั่งจากพระวาจาของพระเจ้า อำนาจที่ได้รับมา ส่งต่อกันมาเพื่อสอน “พระวาจา” ของพระเจ้า สอนให้มีความหวัง...
o แต่พระวาจาวันนี้ยอดเยี่ยม เป็นอีกภาพหนึ่งที่เรามีบุญได้อ่านได้เห็นภาพที่พระวรสารถ่ายทอด... ไม่ใช่ธรรมาจารย์สอน แต่เป็นพระอาจารย์เจ้า เป็นองค์พระวาจา “พระวจนาตถ์” เสด็จเข้ามาในพระวิหาร และทรงสอนเอง...

o พี่น้องครับ จินตนาการพระวรสารที่มัทธิวเขียนให้เห็นภาพสวยงามยิ่งสิครับ... วันนั้นสุดยอดที่สุดเลย... เพราะว่า “พระองค์เสด็จเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่ทรงสั่งสอนประชาชนอยู่นั้น” พระองค์เสด็จเข้ามาในพระวิหาร (ย้ำว่า “พระวิหารของพระองค์” เพราะพระองคือพระเจ้า) และที่สุดยอด คือ พระวาจาเสด็จมาสอน สอนด้วยพระองค์เอง ไม่ใช่สมณะ ไม่ใช่คำภีราจารย์ แต่ทรงเป็น “พระมหาสมณะนิรันดร ทรงเป็นพระอาจารย์จากเบื้องบน”

• “บรรดาสมณะและผู้อาวุโสของพระประชาชน”
o พวกเขาคงทนไม่ได้สินะ เพราะปกติพวกเขามีหน้าที่เทศนาสั่งสอน ตัดสินกรณีทางศาสนาและประเพณี และรับผลประโยชน์จากการรับใช้พระวิหาร ได้รับผลตอบแทนจากการทำหน้าที่
o บ่อยครั้งพวกเขา “คนภายในพระวิหารหรือคนในศาสนา” เหล่านี้ ที่คนส่วนใหญ่ได้ให้ความเคารพเหล่านี้ก็ไม่น่ารัก... พวกเขาทำหน้าที่ศาสนบริการ ทำงานศาสนา...เพื่อเงิน เพื่อเงินตอบแทน เงินถวายพระเจ้า เงินบำรุงพระวิหาร คนพวกนี้ก็ได้รับผลประโยชน์ ได้รับส่วนแบ่งการเลี้ยงดูตามบัญญัติ และบ่อยครั้งก็ได้จนเคยตัว ไม่รู้จักพอ และบ่อยๆ ก็...ผลกระทบตามมาคือความโลภ เก็บเกิน กินเงิน โกง ฉ้อ ยักยอกโค้งงอในจิต กินเงินพระวิหารและทำงานแต่น้อยให้พอดูไม่น่าเกลียด ดูว่ายังเป็นสมณะ ยังเป็นผู้อาวุโส แต่ใช้สอยมาก เก็บเกี่ยวมาก...
o พระเยซูเจ้าเคยตำหนิคนพวกนี้หนักมากๆ... อย่างนี้ต้องพาไปอ่านพระวรสารนักบุญลูกานิดหนึ่งครับ... ความว่า “ขณะที่ประชาชนทุกคนกำลังฟังอยู่ พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า ‘จงระวังบรรดาธรรมาจารย์ที่ชอบสวมเสื้อยาวเดินไปมา อยากให้คนทั้งหลายคำนับตามลานสาธารณะ พอใจนั่งแถวหน้าในศาลาธรรม พอใจนั่งที่หัวโต๊ะในงานเลี้ยง คนเหล่านี้โกงกินทรัพย์สินของหญิงม่ายและอธิษฐานภาวนายืดยาวเพื่อให้คนมอง คนเหล่านี้จะรับโทษหนักกว่าผู้อื่น’” (ลก 20:45-47)
o แรงมากๆ ที่พระเยซูเจ้าตำหนิพวกธรรมมาจารย์หรือบรรดาผู้ใหญ่ของศาสนา... แต่ก็เป็นข้อคิดที่ดี ตรง แรง เหมาะเพื่อการนำเราให้ไตร่ตรอง
o พระวาจานี้ได้นำพ่อเองในฐานะพระสงฆ์ให้ต้องไตร่ตรอง และกระทำตนเองให้ถูกต้องเหมาะสม และที่สำคัญ “กลับใจ” อย่างต่อเนื่องทุกวันเสมอ เพราะพระวาจาของพระเจ้า

• เราเห็นภาพจากพระวรสารของมัทธิววันนี้ พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามา ทรงสอนในพระวิหาร... พวกเจ้าที่หรือเจ้าถิ่นคือบรรดาสมณะและผู้อาวุโสของศาสนามาเลย... คงคิดในใจ พระเยซูมาได้งัย ไม่รู้หรือว่าที่นี่ใครเจ้าถิ่น ใครใหญ่ในพระวิหาร (ภาษาเปรียบเทียบ... คือ ใครเป็นผู้อำนวยการ ใครเป็นเจ้าวัด ใครเป็นสภาวัด ใครเป็นปลัดเจ้าวัด... ใคร ใคร ใคร...)

• บรรดาสมณะธรรมมาจารย์ผู้อาวุโสมาเลย มาถามพระเยซูเจ้า “ท่านมีอำนาจใดจึงทำเช่นนี้ ใครมอบอำนาจนี้ให้ท่าน”… (ถ้าเป็นภาษาเปรียบเทียบอีก... พ่อคงต้องบอกว่า “หนอยแน่ะ เจ้าพวกนี้ บังอาจ ไม่ได้รู้เลยว่าพระองค์คือใคร ไม่ได้รู้เลยจริงๆ หรือแกล้งไม่รู้...” เพื่อจะได้ไม่ไม่ต้องยอมรับพระองค์
• คำตอบของพระเยซู คือ คำถามกลับไปยังพวกเขา “พิธีล้างของยอห์นมาจาไหน จากพระเจ้าหรือจากมนุษย์”
o พี่น้องที่รักครับ ก่อนพระเยซูเจ้าเสด็จมาสอน ยอห์น ได้ทำพิธีล้างที่แม่น้ำจอร์แดน มีคนไปหายอห์นเพื่อขอรับพิธีล้างเยอะมาก
o บรรดาคนบาป คนที่สำนึกผิด และอยากกลับใจมาหาพระเจ้า อยากเปลี่ยนแปลงตนเอง ก็มาหายอห์นเพื่อรับพิธีล้าง เพื่อกลับใจ
o จริงๆ คนพวกนี้ ฟาริสี ธรรมาจารย์ก็มีแอบไปหายอห์นบ้างเหมือนกัน ต้องดูพระวรสารอีกตอนครับในพระวรสารนักบุญมัทธิวตอนที่ยอห์นทำพิธีล้าง... “เมื่อยอห์นเห็นชาวฟาริสี และสะดูสีหลายคนมารับพิธีล้าง จึงกล่าวว่า “เจ้าสัญชาติงูร้าย ผู้ใดแนะนำเจ้าให้หนีการลงโทษที่กำลังจะมาถึง จงประพฤติตนให้สมกับที่ได้กลับใจแล้วเถิด” (มธ 3:7-8) แน่นอนมีฟาริสีที่ไปหายอห์น และยอห์นก็เรียกพวกเขาแรงๆ ให้ต้องกลับใจ “สัญชาติงูร้าย” คือ ฉลาด โกง ไม่ซื่อ เหลี่ยมจัด...
o แต่แน่นนอน สมณะและผู้อาวุโส พวกนี้ ผู้ใหญ่ในศาสนาสถานหรือพระวิหาร คงจะยิ่งร้ายตามพระคัมภีร์ที่เราเห็นได้โดยตลอด พวกนี้กลัวเสียอำนาจ และพวกนี้เองก็วางแผนทำลายพระเยซูเจ้าเพื่อประหารพระองค์อยู่ตลอดเวลา... (เพราะพวกเขามีอำนาจทางศาสนา แบบอำนาจเพื่ออำนาจ อำนาจแบบกระแสโลก คิดว่าอำนาจคือการ “ตัดสินชี้ขาด” แต่พระเยซูเจ้าทรงมีอำนาจที่ตรงข้ามจริงๆ คือ “ความเมตตากรุณาและให้อภัย”)

• คำถามศอกกลับของพระเยซูเจ่าต่อพวกเขา คือ “พิธีล้างของยอห์นมาจากไหน จากสวรรค์หรือจากมนุษย์”

• พวกเขาได้ยิน อึ้งและต้องปรึกษากัน...ร้ายนักพวกผู้ใหญ่ของศาสนาที่ไม่น่ารักและไม่ได้เป็นของแท้...พวกเขาปรึกษากันครับ พระวรสารบันทึกว่า...“บรรดาสมณะและผู้อาวุโสของประชาชนจึงปรึกษากันว่า
o “ถ้าเราตอบว่ามาจากสวรรค์ เขาก็จะถามว่า ‘แล้วทำไมท่านจึงไม่เชื่อยอห์นเล่า’
o ถ้าเราตอบว่ามาจากมนุษย์ เราก็เกรงกลัวประชาชน เพราะทุกคนคิดว่ายอห์นเป็นประกาศก””
• ดังนั้น คำตอบ คือ “พวกเราไม่รู้” ง่ายดีนะครับ ทั้งๆที่รู้แต่ไม่ได้ปฏิบัติ ไม่ได้กลับใจ ไม่ได้ยอมรับฟังเสียงของคำเตือนของยอห์น ซึ่งเป็นเสียงเดียวกับประกาศกในพันธสัญญาเดิม ซึ่งเจ้าพวกนี้ พวกผู้ใหญ่ของศาสนาพวกนี้รู้ดีที่สุด... แต่ไม่ค่อยเชื่อ ไม่ได้ปฏิบัติ ไม่ได้เชื่อจริงๆ แค่ถือศีลและถือสากอยู่ในเวลาเดียวกัน... เจอของจริงเข้าก็ต้องตอบว่า “พวกเราไม่รู้”

• ไม่รู้ได้อย่างไร บรรดาสมณะธรรมมาจารย์ผู้อาวุโส โอน่าเวทนาจริงๆ ไม่ใช่ไม่รู้หรอกครับ รู้แต่ไม่รับ รับไม่ได้ ไม่ยอมรับ ไม่กลับใจ ดื้อตาใสใจมืดบอดมากกว่า... ที่สุดก็ต้องทำท่าแบบเด็กแบ๊วๆ สมัยนี้กระมังครับ คือ ชูมือสองข้างแบออก ทำหน้าใสซื่อ (แต่ซื่อบื้ออยู่ภายใน) และก็กล่าวว่า “ก็ไม่รู้สิ”...จากนั้น ก็เดินสไลด์ด้านข้าง แถกๆไปออกไปจากฉาก หรือเรียกว่า ชิ่งหลบไปนั่นแหละครับ หลบไปจากการเผชิญความจริง เก็บความบอดมืดไว้ตาใสในโอกาสต่อไป...
o สรุป พวกธรรมาจารย์ สมณะ ผู้ใหญ่ศาสนาที่ไม่น่ารักมากๆ ที่เราต้องเรียนรู้และไม่เลียนแบบเหล่านี้ ใจแคบ บอด มืด และไม่เห็นความจริง... กลายเป็นแบบ“ผู้ร้ายปากแข็ง” “ไม่ยอมรับความจริง รู้ แต่ไม่เลือก เพราะเสียโอกาสของตน”
o โถ โถ โถ ยอห์นทำพิธีล้าง คนมาหาท่านมากมาย คนบาปมากมายแห่กันมา... พวกอยู่ในอำนาจ ไม่มา กลัวเสียโอกาส ตำแหน่ง ทำให้พลาดโอกาสจริงๆ
o อยากไปหายอห์น อยากกลับใจเหมือนกัน รู้อยู่แก่ใจว่าตนเองไม่ได้มีอะไรต่างจากมนุษย์คนอื่น คนบาปเหมือนกัน หนักกว่าด้วย... แต่ไปไม่ได้ เดี๋ยวเสียการปกครอง ไปไม่ได้ เดี๋ยวดูไม่ยุติธรรม ไม่น่าเคารพ ระบบบอกว่าทำไม่ได้ ไปไม่ได้ ไปไม่ได้ตำแหน่ง ย้ำ “ตำแหน่ง” จะเสียหมด... ไปไม่ได้หรอก

• อ่านพระวาจาวันนี้ ไตร่ตรองแล้ว พ่อรู้สึกเจ็บๆ คันๆ ร้อนๆ แสบๆ ผิวกายลึกจนไปถึงผนังดวงใจอย่างไรก็ไม่ทราบ...

• พ่อยอมรับเลยว่า พ่อเอง บรรดาผู้นำศาสนา ต้องกล้าวิ่งไปเลย รีบกลับใจใช้โทษบาป ประกาศการกลับใจ และตนเองก็กลับใจก่อนใครอื่นเพื่อเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าอย่างดีจริงๆครับ พอละครับ ยิ่งเขียนจะยิ่งเจ็บ...บาดลึก...

• ถ้าจะร้องว่า “ก็ไม่รู้สิ” คงจะทำบาปหนักขึ้นไปอีกครับ...

• ขอพระเจ้าอวยพรให้เราทุกคน ขอให้พ่อได้กลับใจ ให้เราพร้อมกันกลับใจเปลี่ยนแปลงชีวิตและความประพฤติให้ดีขึ้นจริงๆ และต้อนรับพระองค์เข้ามาในพระวิหารแห่งชีวิต และให้ทรงสอนเราด้วยพระวาจาและพระฉบับแบบของพระองค์ด้วยกันนะครับ...ขอพระเจ้าอวยพรครับ

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก