รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม 2016
22 ตุลาคม ระลึกถึงนักบุญ ยอห์นปอล ที่สอง พระสันตะปาปา
อฟ 4:7-16

7เราแต่ละคนได้รับพระหรรษทาน ตามสัดส่วนที่พระคริสตเจ้าประทานให้ 8ดังนั้น จึงมีคำกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ว่า
“เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง พระองค์ทรงนำบรรดาเชลยไปด้วย
และทรงแจกจ่ายของประทานแก่บรรดามนุษย์”

9คำว่า “พระองค์เสด็จขึ้น” นั้นหมายความว่าอย่างไร ถ้ามิใช่หมายความว่า พระองค์ได้เสด็จลงไปยังแผ่นดินเบื้องล่างก่อนแล้ว 10และพระองค์ผู้เสด็จลงไปก็เป็นองค์เดียวกับผู้เสด็จขึ้นไปเหนือสวรรค์ทุกชั้น เพื่อจะทรงครอบครองทุกสิ่งอย่างสมบูรณ์ 11พระองค์ประทานให้บางคนเป็นอัครสาวก บางคนเป็นประกาศก บางคนเป็นผู้ประกาศข่าวดี บางคนเป็นผู้อภิบาลและอาจารย์ 12เพื่อเตรียมบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ ไว้สำหรับงานรับใช้เสริมสร้างพระกายของพระคริสตเจ้า 13จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า เป็นผู้ใหญ่เต็มที่ตามมาตรฐานความสมบูรณ์ของพระคริสตเจ้า 14เราจะได้ไม่เป็นเหมือนเด็ก ถูกคลื่นลมซัดโคลงเคลงล่องลอยตามกระแสคำสั่งสอนทุกอย่างที่เกิดจากเล่ห์กลของมนุษย์ด้วยอุบายชาญฉลาดที่คอยหลอกลวงให้หลงผิดอีกต่อไป 15แต่ให้เราดำเนินชีวิตในความจริงด้วยความรัก เจริญเติบโตขึ้นจนบรรลุถึงความสมบูรณ์ในพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นพระเศียร 16พระองค์ทรงทำให้ร่างกายทุกส่วนประสานสัมพันธ์กันอย่างสนิทแน่นแฟ้น ทรงจัดให้ข้อต่อทุกข้อเสริมกำลังให้แต่ละส่วนทำหน้าที่ของตน ร่างกายจึงเจริญเติบโตและเสริมสร้างตนเองอย่างสมบูรณ์ขึ้นด้วยความรัก

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• วันนี้อยากให้อ่านพระคัมภีร์บทจดหมายถึงชาวเอเฟซัส ตามบทอ่านวันนี้เพียงให้อ่านดีๆ

• อ่านพร้อมกับคำสอนของพระสันตะปาปากิตติคุณเบเนดิกต์ที่สอนว่า “ความรักในความจริง” (Caritas in Veritate)
o พ่อเคยนำคำสอนนี้มาต่อด้วยถ้อยคำที่ว่า “จริงในความรัก” และ
o วันนี้พ่อคิดว่า เราต้อง “รักในความจริงและจริงในความรักเสียที..”
o พ่อคิดว่าถึงเวลา...ที่... “เราต้องเป็นผู้ใหญ่ในความรักและรักในความจริง และจริงในความรักอย่างเต็มที่”
o เพื่อชีวิตของเราจะได้มีคุณค่าและความหมายจริงๆ โลกของเราต้องการความรัก ต้องการความจริง ต้องการความหวัง
o ดังนั้น เราต้องการความเชื่อแท้จริง ความเชื่อแท้ที่เป็นผู้ใหญ่จริงๆในชีวิตคริสตชน และ วันนี้นักบุญเปาโลสอนเราอย่างละเอียดลออถึงความจริงประการนี้

• นักบุญเปาโลย้ำในบทอ่านแก่เราว่า “จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า เป็นผู้ใหญ่เต็มที่ตามมาตรฐานความสมบูรณ์ของพระคริสตเจ้า”
o พี่น้องที่รัก “ให้เราดำเนินชีวิตในความจริงด้วยความรัก เจริญเติบโตขึ้นจนบรรลุถึงความสมบูรณ์ในพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นพระเศียร”
o ขอให้เราตระหนักในความรัก และรักในความจริงเสมอไป
o อ่านพระวาจาวันนี้ดี แล้วเราจะมีพลังในการดำเนินชีวิตในความจริงท่ามกลางกระแสโลก สังคม การเมือง ในปัจจุบันที่ทำให้เรายิ่งต้องเจริญชีวิตเป็นประจักษ์พยานถึงความจริงมากขึ้นเสมอ...

• อ่านข้อเขียนของเปาโลแล้วพ่อยอมรับว่า พวกเราต้องเติบโตกันจริงๆ และพวกเราต้องพยายามเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อกันให้มากขึ้นจริงๆครับ เพราะเปาโลย้ำว่า...
o เราจะได้ไม่เป็นเหมือนเด็ก ถูกคลื่นลมซัดโคลงเคลงล่องลอยตามกระแส...
o แต่ให้เราดำเนินชีวิตในความจริงด้วยความรัก
o เจริญเติบโตขึ้นจนบรรลุถึงความสมบูรณ์ในพระคริสตเจ้า
o พระองค์ทรงทำให้ร่างกายทุกส่วนประสานสัมพันธ์กันอย่างสนิทแน่นแฟ้น
o ทรงจัดให้ข้อต่อทุกข้อเสริมกำลังให้แต่ละส่วนทำหน้าที่ของตน ร่างกายจึงเจริญเติบโตและเสริมสร้างตนเองอย่างสมบูรณ์ขึ้นด้วยความรัก

• พ่อเชื่อว่า พวกเราต้องเป็นคริสตชนผู้เติบโตแข็งแรงกันได้แล้วครับ... ชุมชนวัดของเรา ครอบครัววัด พระศาสนจักรเราต้องติดสนิทชิดกัน พวกเราต้องแข็งแรง และเติบโตจริงๆ นะครับ เหมือนจะบอกว่า เป็นคริสตชนที่บรรลุวุฒิภาวะกันแล้ว เข้าใจกันนะ ไม่ต้องย้ำกันมากๆ

---------------------------------
• พ่อกำลังนั่งยกร่างแผ่นอภิบาลของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ พ่อพยายามมองดูความจริงว่า ทำอย่างไรหนอที่เราทุกคนจะก้าวหน้าในความเป็น “น้ำหนึ่งใจเดียวกัน” พ่อรู้ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ที่เราทุกคนจะต้องมุ่งจริงๆ พ่อลองยกบางส่วนมาให้อ่านเพื่อเสริมกำลังพระวาจาวันนี้เป็นพิเศษนะครับ
เราลองมาพิจารณากันครับ... (ร่าง) เท่านั้น
“ชีวิตหมู่คณะ” (communitarian life) คือเครื่องหมายที่เห็นได้ของการเป็นศิษย์พระคริสตเจ้า

• พระบัญญชา ณ อาหารค่ำสุดท้าย “พวกท่านจงรักกันและกันดังที่เรารักท่าน” (ยน 13: 34) และ “ให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน... เพื่อโลกจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา” (ยน 17: 21) บัญญัติแห่งความรักนี้ เป็นพระพรยิ่งใหญ่สำหรับพระศาสนจักรที่มีมิติของชีวิตหมู่คณะที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวคริสตชน ชุมชนคริสตชนย่อย (BEC) ในวิถีชุมชนวัด องค์กรคาทอลิกและองค์กรพระพรพิเศษต่างๆ ชมรมวิชาชีพ ชุมชนวัด หมู่คณะนักบวช หมู่คณะสงฆ์ และสังฆมณฑล

• ชีวิตหมู่คณะในรูปแบบต่างๆ ดังกล่าวนี้ จำเป็นต้องได้รับการถ่ายทอดลงสู่ภาคปฏิบัติเป็นชีวิตจริงด้วยประจักษ์พยานชีวิตความรักต่อกัน ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เฉกเช่นคริสตชนในยุคแรก (เทียบ กจ 2: 42-47) อันส่งผลให้มีผู้กลับใจเป็นจำนวนมาก (เทียบ กจ 4: 34) นี่เป็นเป้าหมายที่สำคัญตามกฤษฎีกาสมัชชาใหญ่ฯ ของพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทย จำเป็นที่สมาชิกของพระศาสนจักรต้องกล้าหาญเจริญชีวิตเด่นชัดในความรัก เพื่อเติมเป็นสายน้ำแห่งชีวิตในโลกปัจจุบันที่แห้งแล้งของชีวิตฝ่ายจิต

ดังนั้น พระศาสนจักรแห่งอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ มุ่งสุดกำลังที่จะเร่งสร้าง ฟื้นฟูชีวิตศิษย์พระคริสต์ในสำนึก ในความจริง และในรูปธรรมของชีวิต ทั้งส่วนตัว ครอบครัว กลุ่ม หมู่คณะหรือชุมชน องค์กรและสถาบันต่างๆ ดังนี้

1. ให้ทุกคน ทุกครอบครัว ทุกกลุ่มชีวิต กลุ่มพระพรพิเศษต่างๆ นำสมาชิกทุกคนให้มีโอกาสได้สัมผัสชีวิตจิตแห่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน (Spirituality of Communion, cf. Novo Millennio Ineunte ข้อ 43-45) ให้เกิดเป็นวิถีชีวิตชุมชนคริสตชนย่อยที่มีบรรยากาศของอารยธรรมแห่งความรัก ตามพระบัญชาของพระคริสตเจ้า ให้ทุกคนได้รับการฟื้นฟู มีความกระตือรือร้น เร่าร้อนในชีวิตความเชื่อ อย่างพิเศษในรูปแบบใหม่ๆที่เหมาะกับปัจจุบัน เพื่อให้ทุกคนสรรพพร้อมที่จะเสวนาชีวิตกับโลกปัจจุบัน และสามารถเข้าร่วมในพันธกิจประกาศข่าวดีได้อย่างมีประสิทธิผล

2. ให้สถาบันต่างๆ ของพระศาสนจักรในรูปแบบหมู่คณะ ชุมชน องค์กรพระพรพิเศษ ขบวนการ สมาคม ฯลฯ ต้องตระหนักรับรู้ชัดเจน และเชื่อมั่นในความจริงที่ว่า ทุกคนมีส่วนเป็นชุมชนแห่งความเชื่อ ต้องดำเนินชีวิตเป็น “ชุมชนคริสตชนย่อย” ที่มีชีวิตชีวา (Basic Ecclesial Communities หรือ BECs)

3. ให้ชีวิตหมู่คณะ (community life) ที่ปรากฎอีกหลากหลายรูปแบบ ต้องมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน ดำเนินชีวิตด้วยชีวิตจิตแห่งความเป็นหนึ่งเดียว และมุ่งสู่เอกภาพแท้จริง จนกลายเป็นเอกภาพในการประกาศข่าวดี มุ่งมั่นที่สุดเพื่อ “การฟื้นฟูชีวิตศิษย์พระคริสต์ ที่เจริญชีวิตเข้มข้นเพื่อประกาศข่าวดีใหม่”