"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“หินที่ช่างก่อสร้างทิ้งเสียนั้น ได้กลายเป็นศิลาหัวมุม”

61. อุปมาเรื่องคนเช่าสวนชั่วร้าย (2)
 - แต่คนเช่าสวนเหล่านั้นพูดกันว่า ‘คนคนนี้เป็นทายาท เราจงฆ่าเขาเถิด มรดกจะได้ตกเป็นของเรา’ ประโยคที่ว่า “เราจงฆ่าเขาเถิด มรดกจะได้ตกเป็นของเรา” เป็นคำเดียวกันที่พี่ ๆ กล่าวถึงเมื่อเห็นโยเซฟผู้เป็นน้องชายเข้าไปพบ (เทียบ ปฐก 37:20) นอกจากนั้น คำพูดของคนเช่าสวนชวนให้คิดถึงอารัมภบทของจดหมายถึงชาวฮีบรูซึ่งผู้เขียนสรุปประวัติศาสตร์แห่งความรอดพ้นอย่างน่าพิศวง โดยชี้แจงว่า พระเจ้าทรงสื่อสารกับมนุษย์ในตอนแรกโดยผ่านทางประกาศกจำนวนมาก และในที่สุดโดยผ่านทางพระบุตร “พระเจ้าทรงสถาปนาพระบุตรให้เป็นทายาทครอบครองทุกสิ่ง” (ฮบ 1:2) พระคัมภีร์พูดถึงประชากรอิสราเอลบ่อย ๆ ว่า เป็น “มรดก” หรือ “สมบัติ” ของพระยาห์เวห์ (เทียบ ฉธบ 4:20;9:26; สดด 28:9; 33:12; 1 ซมอ 26:19)


- แล้วเขาก็จับบุตรของเจ้าของสวนฆ่า ทิ้งศพไว้นอกสวน เป็นการประกาศล่วงหน้าถึงการรับทรมานของพระเยซูเจ้า น่าสังเกตว่า นักบุญมัทธิวและนักบุญลูกาเล่าเรื่องเดียวกันนี้โดยสลับลำดับของกริยา 2 คำ คือ “จับบุตรเจ้าของสวน นำตัวออกไปนอกสวน” และ “แล้วฆ่าเสีย” (มธ 21:39; ลก 3:1-6) ซึ่งสอดคล้องกับข้อความในจดหมายถึงชาวฮีบรูว่า “พระเยซูเจ้าทรงรับการทรมานนอกประตูเมือง เพื่อจะทำให้ประชากรศักดิ์สิทธิ์ด้วยพระโลหิตของพระองค์” (ฮบ 13:12; เทียบ ยน 19:17)

- เจ้าของสวนจะทำอย่างไร เขาจะมาทำลายคนเช่าสวนเหล่านั้น ปฏิกิริยาของเจ้าของสวนไม่เป็นเพียงการลงโทษผู้กระทำผิด ดังที่เราพบใน อิสยาห์ 2:25 แต่...

-แล้วยกสวนให้คนอื่นเช่า นักบุญมัทธิวยังเสริมว่า “ซึ่งจะแบ่งผลให้เขาตามกำหนดเวลา” และ “พระอาณาจักรของพระเจ้าจะถูกยกจากท่านทั้งหลาย ไปมอบให้แก่ชนชาติอื่นที่จะทำให้เกิดผล” (มธ 21:41. 43) แผนการของพระเจ้าจะสำเร็จไปจากผู้อื่น คือพระเจ้าจะทรงมอบความรอดพ้นแก่คนต่างชาติอีกด้วย

- ท่านทั้งหลายไม่ได้อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้หรือว่า ‘หินที่ช่างก่อสร้างทิ้งเสียนั้น ได้กลายเป็นศิลาหัวมุม องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกระทำเช่นนั้น’ เป็นที่น่าอัศจรรย์กับเรายิ่งนัก เป็นการประกาศการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า ข้อความนี้คัดมาจากตันฉบับภาษากรีกของเพลงสดุดี 118 ข้อ 22-23 พระเยซูเจ้าทรงอ้างข้อความนี้เพื่อกล่าวโทษการกระทำของคนเช่าสวนและพัฒนาความคิดของอุปมานิทัศน์ คือพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงรับการสบประมาทและถูกปฏิเสธทิ้งเสียเหมือนหินก่อสร้างจากผู้รับผิดชอบประชากรของพระองค์ ก็ทรงได้รับการยกย่องจากพระเจ้าให้มีศักดิ์ศรีกษัตริย์และผู้ช่วยมนุษยชาติให้รอดพ้น (เทียบ กจ 4:10-12) เป็นเหมือน “หินหัวมุม” (เทียบ รม 9:33; อฟ 2:20; 1 ปต 2:6-7) ซึ่งเป็นที่พักพิงของชุมชนใหม่ผู้มีความเชื่อ

- บรรดาผู้นำชาวยิวพยายามจับกุมพระองค์ เพราะรู้ว่าพระองค์ตรัสอุปมานี้กระทบถึงเขา หัวหน้าชาวยิวจึงเข้าใจความหมายของอุปมาที่พระเยซูเจ้าทรงเล่าให้เขาฟังเพื่ออ้างว่าเป็นพระเมสสิยาห์ที่ประชาชนอิสราเอลกำลังรอคอย

- แต่เขายังเกรงประชาชนอยู่จึงผละจากพระองค์ไป การที่พระเยซูเจ้าทรงเป็นที่นิยมชมชอบของประชาชนเป็นอันตรายสำหรับหัวหน้าชาวยิว (เทียบ 11:32; 14:2)

b) ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
     1) อุปมาเรื่องคนเช่าสวนชั่วร้ายเป็นโศกนาฏกรรมของมนุษย์ที่ไม่ยอมรับของประทานจากพระเจ้า เป็นอุปมาเรื่องความโง่เขลาที่เราแสดงบ่อย ๆ ในความสัมพันธ์กับพระผู้สร้างเรา พระองค์ทรงพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะช่วยเราให้รอดพ้น แต่เรากลับคิดว่าเป็นความสำเร็จยิ่งใหญ่เมื่อเราหลีกเลี่ยงความช่วยเหลือจากพระองค์ การต่อต้านของมนุษย์เช่นนี้ช่างเหลือเชื่อ พระเจ้าไม่ทรงข่มเหงเรา ไม่ทรงทำร้ายเรา แต่ทรงพร้อมประทานความดีอย่างต่อเนื่อง เป็นความดียิ่งใหญ่และอยู่เหนือพลังของมนุษย์ แต่เรารู้สึกรำคาญ ไม่พอใจที่พระองค์ทรงรบเร้าซึ่งเป็นการรบเร้าของความรัก เราจึงหาข้ออ้างเพื่อถอยตัวออกห่างจากของประทานนี้

     2) นี่เป็นโศกนาฏกรรมของเสรีภาพที่บกพร่องของเรา เราทุกคนต้องพร้อมเปิดใจต้อนรับสิ่งที่พระเจ้าส่งมาให้อย่างต่อเนื่อง เช่น พระวาจาและศาสนบริการของพระองค์ บรรดาประกาศกที่เราพบในชีวิตประจำวัน เสียงคำสั่งสอนและคำตักเตือนของพระศาสนจักร รวมทั้งเสียงของพระจิตเจ้าในมโนธรรม คริสตชนดูเหมือนถูกความรักของพระเจ้าเบียดเบียน และถ้าเขาชนะความรู้สึกนั้นและฟังผู้ที่พระเจ้าทรงส่งมา ตั้งแต่เช้าถึงค่ำก็จะพบเส้นทางที่ชี้นำไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ ความเฉลียวฉลาดของเราอยู่ในการฟัง ความโง่เขลาอยู่ในการส่งผู้ที่พระเจ้าทรงส่งมาให้กลับไป เหมือนกับว่าเขาไม่เป็นผู้ช่วยให้รอดพ้น แต่เป็นผู้ที่น่ารำคาญ

    3) ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งแผนการแห่งความรักของพระเจ้าผู้ทรงประสงค์ช่วยเราให้รอดพ้นได้ ถ้าเราไม่ยอมรับพระหรรษทานของพระเจ้า พระองค์ก็จะทรงถอยหลัง และประทานพระหรรษทานนั้นแก่ผู้อื่นที่มีใจถ่อมตนยอมรับของประทานนี้ ตราบใดที่เราเป็นพยานถึงความเชื่อ เราก็เป็นสวนองุ่นที่เกิดผล แต่ถ้าเราต่อต้านคำตักเตือนของพระองค์ ทำไม่รู้ไม่ชี้และดำเนินชีวิตต่อไปตามความพึงพอใจของตน สักวันหนึ่ง พระเจ้าอาจจะตรัสกับเราว่า “เราจะให้สวนองุ่นแก่ผู้อื่น” นี่ไม่ใช่คำขู่เข็ญแต่เป็นคำพูดที่ยุติธรรม เพราะความรอดพ้นจะต้องดำเนินต่อไป ถ้าบุคคลใดบุคคลหนึ่งหยุดเดินในหนทางแห่งความรอดพ้น ความรอดพ้นจะเลี้ยวผ่านไปในเส้นทางอื่น เหมือนสายน้ำที่ไหลลงมา เมื่อพบสิ่งกีดขวางก็ไหลเลี้ยวต่อไปสู่จุดหมาย โดยทิ้งสิ่งกีดขวางไว้ที่นั่น ในทำนองเดียวกัน ประวัติศาสตร์แห่งความรอดพ้นต้องการผ่านทางเราผู้ได้รับศีลล้างบาป ถ้าหากพบว่า เราไม่เป็นท่อธารที่ดี แต่กลับเป็นสิ่งกีดขวาง ความรอดพ้นจะเลี้ยวหนีจากตัวเราและไหลไปสู่จุดหมาย โดยทิ้งเราไว้ให้อยู่ในบาป