“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

4. อาบีเมเลคตั้งตนเป็นกษัตริย์a

 

            9 1อาบีเมเลคบุตรของเยรุบบาอัลไปพบพี่น้องข้างมารดาของตนที่เมืองเชเคม และกล่าวกับเขาและญาติทุกคนในครอบครัวของมารดาว่า 2“จงถามคนสำคัญของเมืองเชเคมว่า อย่างใดจะดีกว่ากันสำหรับท่านทั้งหลาย จะให้บุตรทั้งเจ็ดสิบคนของเยรุบบาอัลปกครองท่าน หรือจะให้คนเดียวปกครอง จงจำไว้ว่า ข้าพเจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกันกับท่าน” 3บรรดาพี่น้องข้างมารดาของอาบีเมเลคจึงไปเกลี้ยกล่อมคนสำคัญทุกคนของเมืองเชเคมตามที่เขาบอก คนเหล่านี้จึงตกลงใจจะเข้าข้างอาบีเมเลค เพราะคิดว่าเป็นพี่น้องกัน 4เขาทั้งหลายจึงเอาเงินหนักเจ็ดสิบบาทจากวิหารของพระบาอัลเบรีทมอบให้อาบีเมเลค อาบีเมเลคก็เอาเงินนี้ไปจ้างพวกนักเลงอันธพาลมาเป็นพรรคพวก 5แล้วไปที่เมืองโอฟราห์บ้านของบิดา จับพี่น้องทั้งเจ็ดสิบคนซึ่งเป็นบุตรของเยรุบบาอัลมาประหารชีวิตบนศิลาก้อนเดียวกัน แต่โยธามบุตรสุดท้องของเยรุบบาอัลซ่อนตัวทัน จึงไม่ถูกประหารชีวิต 6คนสำคัญทั้งหลายของเมืองเชเคมและเบธมิลโลทั้งหมดมาชุมนุมกันที่ต้นโอ๊กใกล้เสาศักดิ์สิทธิ์bแห่งเมืองเชเคม ตั้งอาบีเมเลคเป็นกษัตริย์

 

นิทานของโยธามc

7เมื่อโยธามทราบข่าวนี้ก็ไปยืนบนยอดภูเขาเกริซิมร้องตะโกนเสียงดังว่า

          “ชาวเชเคมผู้มีเกียรติทั้งหลาย จงฟังข้าพเจ้าเถิด

                    แล้วพระเจ้าจะทรงฟังท่านด้วย

          8ครั้งหนึ่ง บรรดาต้นไม้ออกไป

                    เพื่อเจิมตั้งกษัตริย์ขึ้นปกครองตน

          กล่าวเชิญต้นมะกอกเทศว่า “จงเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเราเถิด”

               9ต้นมะกอกเทศตอบว่า

                    “ข้าพเจ้าจะต้องเลิกผลิตน้ำมัน

          ที่ใช้ถวายเกียรติแด่เทพเจ้าและมนุษย์

                    ไปแกว่งไกวอยู่เหนือต้นไม้อื่นๆ หรือ”

               10บรรดาต้นไม้จึงกล่าวเชิญต้นมะเดื่อเทศว่า

                    “จงมาเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเราเถิด”

               11ต้นมะเดื่อเทศตอบว่า

                    “ข้าพเจ้าจะต้องเลิกผลิตผลหวานน่ากิน

          ไปแกว่งไกวอยู่เหนือต้นไม้อื่นๆ หรือ”

               12บรรดาต้นไม้กล่าวเชิญเถาองุ่นว่า

                    “จงมาเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเราเถิด”

               13เถาองุ่นตอบว่า

                    “ข้าพเจ้าจะต้องเลิกผลิตเหล้าองุ่น

          ซึ่งทำให้เทพเจ้าและมนุษย์มีความยินดี

                    ไปแกว่งไกวอยู่เหนือต้นไม้อื่นๆ หรือ”

               14บรรดาต้นไม้จึงพร้อมใจกล่าวเชิญพุ่มหนามว่า

                    “จงมาเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเราเถิด”

               15พุ่มหนามก็ตอบบรรดาต้นไม้ว่า

                    “ถ้าท่านต้องการเจิมตั้งข้าพเจ้าเป็นกษัตริย์จริงๆ ละก็

          จงมาพักอยู่ใต้ร่มเงาของข้าพเจ้าเถิด

                    ถ้าท่านไม่มา ไฟจะออกมาจากพุ่มหนาม

          และเผาผลาญต้นสนสีดาร์แห่งเลบานอน”

16d“บัดนี้ ท่านทั้งหลายแต่งตั้งอาบีเมเลคเป็นกษัตริย์แล้ว ท่านไม่ได้ทำด้วยความซื่อสัตย์และจริงใจ ท่านไม่ได้ปฏิบัติอย่างสมเกียรติต่อเยรุบบาอัลและครอบครัวของเขา ท่านไม่ได้ปฏิบัติกับเขาตามที่การกระทำของเขาสมควรจะได้รับ 17บิดาของข้าพเจ้าได้ต่อสู้เพื่อท่าน ได้เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยท่านให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของชาวมีเดียน 18แต่ในวันนี้ ท่านได้กบฏต่อครอบครัวของบิดาข้าพเจ้า ประหารชีวิตบุตรทั้งเจ็ดสิบคนของเขาบนศิลาก้อนเดียวกัน และแต่งตั้งอาบีเมเลคบุตรของหญิงทาสของเขาเป็นกษัตริย์ปกครองคนสำคัญของเมืองเชเคม เพราะเขาเป็นพี่น้องของท่าน 19ถ้าท่านได้ปฏิบัติต่อเยรุบบาอัลและครอบครัวของเขาด้วยความซื่อสัตย์และจริงใจ ก็จงยินดีกับอาบีเมเลค และให้อาบีเมเลคยินดีกับท่านเถิด 20ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น ก็ขอให้ไฟออกจากอาบีเมเลคมาเผาผลาญคนสำคัญของเมืองเชเคมและเบธมิลโลเถิด ขอให้ไฟออกจากคนสำคัญของเมืองเชเคมและเบธมิลโล มาเผาผลาญอาบีเมเลคเถิด”

          21แล้วโยธามก็หนีหลบไปอยู่ที่เมืองเบเออร์ ห่างจากอาบีเมเลคพี่ชายของตน

 

ชาวเชเคมเป็นกบฏต่ออาบีเมเลค

22อาบีเมเลคเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลเป็นเวลาสามปีe 23แล้วพระเจ้าทรงบันดาลให้อาบีเมเลคและบรรดาคนสำคัญของเมืองเชเคมมีจิตใจเป็นอริกัน บรรดาคนสำคัญของเมืองเชเคมจึงกบฏต่ออาบีเมเลค 24ที่เป็นดังนี้ก็เพื่อชดเชยความทารุณที่เขาได้ทำต่อบุตรทั้งเจ็บสิบคนของเยรุบบาอัลf และเพื่อลงโทษอาบีเมเลค ที่ได้ฆ่าพี่น้องของตน และลงโทษคนสำคัญของเมืองเชเคมที่ได้สนับสนุนอาบีเมเลคให้ฆ่าพี่น้อง

25บรรดาคนสำคัญของเมืองเชเคมได้วางคนดักทำร้ายอาบีเมเลคอยู่ตามยอดเขา คนเหล่านี้ปล้นทุกคนที่เดินผ่านทางนั้น มีผู้ไปบอกอาบีเมเลคให้รู้เรื่องนี้ 26กาอัลบุตรของเอเบดgมาที่เมืองเชเคมพร้อมกับพี่น้องของตน บรรดาคนสำคัญของเมืองเชเคมไว้ใจเขา 27วันหนึ่งชาวเมืองออกไปในไร่องุ่น เก็บผลองุ่นมาย่ำทำการเลี้ยงฉลองกัน และเข้าไปในวิหารของเทพเจ้า กินและดื่มกันที่นั่นh แล้วด่าแช่งอาบีเมเลค 28กาอัลบุตรของเอเบดกล่าวว่า “อาบีเมเลคเป็นใคร เชเคมเป็นอะไรกัน พวกเราจึงต้องเป็นทาสรับใช้เขา บุตรของเยรุบบาอัลและเศบุลผู้ช่วยของเขาจะต้องรับใช้คนของฮาโมร์iบิดาของเชเคมมิใช่หรือ แล้วทำไมเราจะต้องเป็นทาสรับใช้เขา 29ถ้าข้าพเจ้าเป็นผู้นำประชาชนของเมืองนี้ ข้าพเจ้าจะขับไล่อาบีเมเลคออกไป ข้าพเจ้าจะท้าเขาว่าj ‘จงรวบรวมกำลังทัพแล้วออกมารบกันเถิด’” 30เศบุลผู้ครองเมืองได้ยินคำท้าของกาอัลบุตรของเอเบดก็โกรธมาก 31จึงส่งคนไปบอกอาบีเมเลคที่เมืองอารูมาห์kว่า “กาอัลบุตรของเอเบดพร้อมกับบรรดาพี่น้องมาที่เมืองเชเคมแล้ว กำลังยุยงชาวเมืองให้เป็นกบฏต่อท่าน 32ดังนั้น ให้ท่านและคนของท่านออกมาคืนนี้ ไปซุ่มอยู่ในทุ่งนา 33พอรุ่งเช้าเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น จงเตรียมพร้อมเข้าโจมตีเมือง เมื่อกาอัลและพรรคพวกจะออกมารบกับท่าน จงสู้กับเขาสุดความสามารถเถิด” 34ในคืนนั้น อาบีเมเลคออกเดินทางพร้อมกับคนของเขา ไปซ่อนตัวใกล้เมืองเชเคม แบ่งเป็นสี่กลุ่ม 35กาอัลบุตรของเอเบดออกไปยืนหน้าประตูเมือง อาบีเมเลคและคนของเขาก็กรูกันออกมาจากที่ซ่อน 36กาอัลเห็นคนเหล่านี้ก็บอกเศบุลว่า “ดูซิ มีคนกำลังลงมาจากยอดเขา” เศบุลตอบว่า “ท่านเห็นเงาของภูเขาเป็นคนต่างหาก” 37กาอัลพูดอีกว่า “ดูซิ มีคนลงมาจากยอดเขาตาบูร์เอเรซ และมีคนอีกกลุ่มหนึ่งมาจากทางเอโลนเมโอเนนิม”l 38แล้วเศบุลกล่าวกับเขาว่า “ท่านเคยคุยโวไว้ไม่ใช่หรือว่า ‘อาบีเมเลคเป็นใคร ทำไมพวกเราจะต้องเป็นทาสรับใช้เขา’ คนที่ท่านเคยดูถูกอยู่ที่นั่น จงออกไปสู้กับเขาเถิด” 39กาอัลก็นำคนสำคัญของเมืองเชเคมออกต่อสู้กับอาบีเมเลค 40อาบีเมเลคไล่ฟันกาอัลจนต้องหนีไป คนจำนวนมากบาดเจ็บหรือล้มตายตามทางถึงประตูเมือง 41อาบีเมเลคไปอยู่ที่เมืองอารูมาห์ ส่วนเศบุลขับไล่กาอัลและพี่น้องของเขาออกไปจากเมืองเชเคม ไม่ยอมให้กลับมาอยู่ที่นั่นอีก

 

อาบีเมเลคทำลายเมืองและป้อมที่เมืองเชเคมm

42อาบีเมเลครู้ว่า วันรุ่งขึ้น ชาวเมืองเชเคมจะต้องออกไปในทุ่งนา 43เขาจึงพาคนของตนออกมา แบ่งเป็นสามกลุ่มคอยซุ่มอยู่ในทุ่งนา เมื่อเห็นชาวเมืองออกมา เขาก็กรูเข้าโจมตี 44อาบีเมเลคและกลุ่มของตนรีบขึ้นหน้าไปยึดประตูเมืองไว้ อีกสองกลุ่มกรูเข้าโจมตีทุกคนที่อยู่ในทุ่งนาแล้วฆ่าตายหมด 45อาบีเมเลคสู้รบกับชาวเมืองตลอดวันนั้น แล้วเข้ายึดเมืองนั้นได้ ฆ่าประชาชนที่อยู่ที่นั่น ทำลายเมืองและเอาเกลือโรยn 46เมื่อบรรดาคนสำคัญที่ป้อมมิกดัลเชเคมรู้เรื่องนี้ เขาก็ไปหลบภัยอยู่ในห้องใต้ดินoของวิหารของเทพเจ้าเอลเบรีท 47อาบีเมเลครู้ว่าคนสำคัญทุกคนของป้อมมิกดัลเชเคมไปรวมกันอยู่ที่นั่น 48เขาก็พาคนของตนขึ้นไปบนภูเขาศัลโมน ถือขวานไปตัดกิ่งจากไม้ต้นหนึ่ง ยกใส่บ่า บอกคนของตนว่า “ท่านทั้งหลายเห็นข้าพเจ้าทำอย่างไร ก็จงรีบทำอย่างนั้นเถิด” 49แต่ละคนจึงตัดกิ่งไม้ และเดินตามอาบีเมเลคไป วางกิ่งไม้สุมไว้ข้างบนห้องใต้ดิน แล้วจุดไฟเผาห้องใต้ดินพร้อมกับทุกคนที่อยู่ในนั้น ทุกคนในป้อมมิกดัลเชเคมก็ตายสิ้น ทั้งชายและหญิงประมาณหนึ่งพันคน

 

อาบีเมเลคล้อมเมืองเธเบศและถูกฆ่าตาย

50อาบีเมเลคไปล้อมเมืองเธเบศpไว้และยึดเมืองได้ 51ที่กลางเมืองมีป้อมแข็งแรงป้อมหนึ่ง คนสำคัญในเมืองทุกคนทั้งชายหญิงพากันหนีไปหลบภัยอยู่ในป้อม ลั่นประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา แล้วขึ้นไปอยู่บนหลังคาป้อม 52อาบีเมเลคเข้าโจมตีป้อม เขามาถึงที่ประตูจะจุดไฟเผาป้อม 53แต่หญิงคนหนึ่งเอาหินโม่แป้งทุ่มใส่อาบีเมเลคกระโหลกศีรษะแตก 54เขาเรียกชายหนุ่มที่ถืออาวุธเข้ามาทันทีสั่งว่า “จงชักดาบออกมาฆ่าข้าพเจ้าเสีย ข้าพเจ้าไม่อยากจะได้ชื่อว่าตายเพราะน้ำมือผู้หญิง” ชายหนุ่มนั้นก็แทงเขาตาย 55เมื่อชาวอิสราเอลเห็นว่าอาบีเมเลคตายแล้ว แต่ละคนก็กลับบ้าน

          56ดังนี้ พระเจ้าทรงทำให้อาบีเมเลคชดใช้ความชั่วร้ายที่เขาทำกับบิดาโดยฆ่าพี่น้องทั้งเจ็ดสิบคน 57พระเจ้ายังทรงทำให้ชาวเมืองเชเคมต้องชดใช้ความชั่วร้ายที่ตนทำอีกด้วย ดังนี้ คำสาปแช่งของโยธามบุตรของเยรุบบาอัลต่อเขาก็เป็นจริง

 

9 a อาบีเมเลคไม่ใช่ผู้วินิจฉัยของชาวอิสราเอล แต่ผู้เขียนพระคัมภีร์เล่าเรื่องของเขาไว้ที่นี่ เพราะเขาเป็นบุตรของกิเดโอนเยรุบบาอัล แต่มีมารดาเป็นหญิงชาวเชเคม ชาวคานาอันที่เมืองเชเคมแต่งตั้งเขาเป็นกษัตริย์ตามคำชักชวนของอาบีเมเลค ที่ใช้อุบายและกำลังทหารของผู้ที่เขาจ้างมาคอยคุ้มกัน เขาแสดงพลังนี้โดยฆ่าพี่น้องของตน ปราบชาวเชเคมที่เป็นกบฏต่อเขา และเข้าโจมตีเมืองเธเบศของชาวอิสราเอล แต่เขาก็ถูกฆ่าอย่างอัปยศที่นั่น เรื่องนี้น่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และทำให้เราเข้าใจสภาพการณ์ในยุคนั้นได้ชัดเจนขึ้น กล่าวคือชาวอิสราเอลและชาวคานาอันยังอยู่เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน และสถานการณ์ทางการเมืองในแคว้นคานาอันสอดคล้องกับข้อมูลที่เราทราบจากเอกสาร (จดหมาย) ที่ขุดพบได้ที่เนินเอลอามารนาในอียิปต์ เอกสารเหล่านี้เขียนขึ้นในศตวรรษที่ 14 ก่อนคริสตกาล การที่อาบีเมเลคตั้งตนเป็นกษัตริย์และประสบความล้มเหลว เป็นเหตุผลสนับสนุนความคิดของผู้เขียนจากสำนักเฉลยธรรมบัญญัติที่ว่า ในอิสราเอลไม่มีใครจะเป็นกษัตริย์ปกครองได้ นอกจากผู้ที่พระยาห์เวห์ทรงเลือกสรร

b เบธมิลโลคงเป็นป้อมที่เมืองเชเคมซึ่งมีอีกชื่อหนึ่งว่า “มิกดัลเชเคม” ข้อ 46 และ 49 * “เสาศักดิ์สิทธิ์” เป็นการแปลโดยคาดคะเน ภาษาฮีบรูมีว่า “ตั้งอยู่” ซึ่งดูแปลกที่จะใช้กับต้นไม้ วลีนี้คงจะหมายถึง “เสาศักดิ์สิทธิ์” ระลึกถึงพันธสัญญาที่ประชากรอิสราเอลทำกับพระยาห์เวห์ใน ยชว 24:26

c นิทานเรื่องนี้เป็นตัวอย่างแรกๆ ในพระคัมภีร์ ที่ให้ต้นไม้หรือสัตว์พูดได้เพื่อให้คติสอนใจ (ดู 2 ซมอ 12:1-4; 2 พกษ 14:9; อสค 17:3-10 และเรื่องอื่นๆ ใน สภษ) นิทานเช่นนี้เป็นรูปแบบวรรณกรรมที่ใช้กันอยู่ทั่วไป (เช่น ในเมโสโปเตเมีย อียิปต์ กรีซ ฯลฯ) นิทานเรื่องนี้อาจมีอยู่แล้วก่อนที่จะนำมาใช้เพื่ออธิบายเรื่องของเยรุบบาอัลและอาบีเมเลค

d ข้อ 16-20 เป็นการประยุกต์นิทานนี้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่ออาบีเมเลคตั้งตนเป็นกษัตริย์ เชิญชวนให้ผู้ฟังพิจารณาถึงความจริงใจ และเจตนาดีของการกระทำของตน ข้อ 16-19 ในภาษาฮีบรูเป็นประโยคยืดยาวประโยคเดียว แสดงวาทศิลป์ของผู้เล่านิทาน

e ข้อนี้เป็นข้อสังเกตของผู้เรียบเรียง แต่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะอาบีเมเลคไม่เคยเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลเลย

f แปลตามตัวอักษรว่า “เพื่อความทารุณต่อบุตรทั้งเจ็ดสิบคนของเยรุบบาอัลมาถึง”

g “เอเบด” แปลว่า “ทาส, ผู้รับใช้” ที่นี่อาจเป็นชื่อเฉพาะ ต้นฉบับภาษาละติน อ่านว่า “โอเบด” กาอัลอาจเป็นชาวคานาอันคนหนึ่งที่เป็นพันธมิตรกับชาวเชเคม หรืออาจเป็นชาวเชเคมเอง (ข้อ 28) เขายุยงชาวเชเคมให้เป็นอริกับอาบีเมเลค ซึ่งไม่อยู่ในเมือง แต่มีเศบุลเป็นผู้ปกครองแทน

h การกินดื่มที่กล่าวนี้เป็นการฉลองทางศาสนาหลังจากเก็บเกี่ยวพืชผล

i ฮาโมร์เป็นผู้ตั้งเมืองเชเคม (ดู ปฐก 34:2, 4)

j “ข้าพเจ้าจะท้าเขาว่า” ตามต้นฉบับภาษากรีก แต่ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “เขากล่าวแก่อาบีเมเลค”

k “เมืองอารูมาห์” อ่านภาษาฮีบรูให้สอดคล้องกับข้อ 41 ต้นฉบับว่า “อย่างลับๆ” “ยุยง” แปลโดยคาดคะเน ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ล้อม”

l “ตาบูร์เอเรซ” แปลตามตัวอักษรว่า “สะดือของแผ่นดิน” อาจจะหมายถึงภูเขาเกริซิม อสค 38:2 จะใช้ชื่อเดียวกันนี้เรียกกรุงเยรูซาเล็มด้วย “เอโลนเมโอเนนิม” แปลว่า “ต้นโอ๊กของโหราจารย์” คงจะหมายถึง “ต้นโอ๊กแห่งโมเรห์” (ซึ่งแปลว่า “ต้นโอ๊กของผู้สั่งสอน” หรือ “ของโหราจารย์”) ใน ปฐก 12:6 และ ฉธบ 11:30

m ดูเหมือนว่ามิกดัลเชเคม (ป้อมแห่งเชเคม) เป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งต่างจากเมืองเชเคม ป้อมมิกดัลเชเคมและวิหารของเทพเจ้าเอลเบรีทน่าจะเป็นสถานที่เดียวกันกับที่นักโบราณคดีได้ขุดพบ

n การเอาเกลือโรยเมืองที่ถูกทำลายเป็นสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินจะไม่ให้ผลผลิตใดๆ อีก นักโบราณคดีได้ขุดพบว่าเมืองเชเคมถูกทำลายในศตวรรษที่ 12 ก่อนคริสตกาล

o “ห้องใต้ดิน” ป้อมนี้คงเป็นวิหารที่ชาวเมืองใช้เป็นที่หลบภัยจากการตามฆ่าของศัตรู อาบีเมเลคจึงไม่กล้าเข้าไปข้างในป้อม เพียงแต่เอาไฟสุมจากข้างนอกให้คนที่อยู่ข้างในถูกไฟคลอกตาย

p เมืองเธเบศในปัจจุบันคือเมืองทูบัส ประมาณ 16 กิโลเมตรทางเหนือของเมืองเชเคม

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก